“สนธิ” ชี้แนวทางปราบทุนจีนเทาในเมียวดี จับตัวได้ให้ส่งไปจีนทันที ให้รัฐบาลจีนลงโทษเด็ดขาด อย่าให้อยู่ไทย เพราะ จนท.ไทยซื้อได้ จีนเทาชอบมาก ชี้หากตำรวจภาค 6 ตม. กองกำลังรักษาชายแดน เอาจริงเอาจังไม่ปล่อยปละละเลย จะไม่เกิดปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนข้ามแดน
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีนักแสดงจีน “หวัง ซิง” หรือ “ซิง ซิง” ถูกแก๊งสแกมเมอร์ล่อลวงไป จ.เมียวดี ประเทศพม่า รวมทั้งชาวจีนรายอื่นๆ ที่ทยอยเปิดเผยออกมาว่าถูกล่อลวงไปเช่นกัน จนกลายเป็นประเด็นลุกลามไปถึงการท่องเที่ยวว่าเมืองไทยน่ากลัว และกลายเป็นปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ เพราะล่าสุดมีการประชุมร่วมกันระหว่างพม่า ไทย และจีน ในการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมข้ามพรมแดนให้เด็ดขาด
ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของ “บอส” จีนเทา ที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ พอๆ กับเชี่ยวชาญในการค้ามนุษย์ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ ให้มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมียวดี
ที่น่าตื่นตะลึงก็คือ ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี มาจากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ซึ่งไม่ใช่รัฐบาลเมียนมา หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง
ภาพลักษณ์คนป่าคนดอยของกะเหรี่ยงตามที่คนไทยรับรู้มาตลอด ใช้ไม่ได้กับกะเหรี่ยงในเมียวดี ซึ่งจับมือทำมาหากินร่วมกับจีนเทาในการหลอกลวงต้มตุ๋น จนกลายเป็นกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทอง และมั่นคงด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้
เจ้าพ่อตัวจริงของเมียวดี ณ เวลานี้ คือ “พ.อ.ซอ ชิตตู่” ผบ.กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA
พ.อ.ซอ ชิตตู่ จับมือกับแก๊งจีนเทา สร้างเมืองสแกมเมอร์ขึ้นมาหลายแห่ง อย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชเวก๊กโก่ และ เคเคปาร์ก โดยมีกองกำลังทหารป้องกันดินแดนนับหมื่นนาย
เดิม พ.อ.ซอ ชิตตู่ คุมกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) เข้าเป็นพันธมิตรกับกองทัพเมียนมา ในชื่อ กองกำลังพิทักษ์ชายแดน หรือ BGF มีรายได้จากการทำไม้ตามแนวชายแดน และต่อมาหันมาเปิดกาสิโนในเมียวดีตามแนวชายแดน ตรงข้ามกับแม่สอดของไทย
ต่อมาได้อัปเกรด “บ้านก๊กโก่” ให้กลายเป็น “เขตเศรษฐกิจพิเศษก๊กโก่” ซึ่งก็คือเมืองหลวงของวายร้ายแก๊งต้มตุ๋นออนไลน์ เหล่าโจรไซเบอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีพนักงานเป็นพันๆ คน ทำงานต้มตุ๋นเหยื่อแบบไม่รู้เหนื่อย ไม่มีวันหยุด
จนถึงเวลานี้ พ.อ.ซอ ชิตตู่ เป็นกะเหรี่ยงที่มั่งคั่งร่ำรวยเป็นพันๆ ล้าน มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปร่ำเรียนถึงประเทศสิงคโปร์
รายได้สีเทา ก็นำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองทัพกะเหรี่ยงของเขา
ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA แยกตัวจาก BGF ไม่ขึ้นกับรัฐบาลเมียนมาอีกต่อไป แล้วตั้งชื่อเป็นกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA
แต่ไม่ใช่มีแค่ พันเอก ซอ ชิตตู่ ที่เป็นกะเหรี่ยงเทาผู้มีอิทธิพลในดินแดนของเหล่าอาชญากร ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA
โกซาย เวลานี้มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง เมื่อเขาร่วมมือกับจีนเทาสร้างเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ไท่ฉางนี่แหละคือบริเวณที่ดาราหนุ่มจีน ซิงซิง ถูกล่อลวงไป
พลจัตวา ซาย จอ หล่า หรือโกซาย มีเชื้อสายจีน เดิมอยู่รัฐฉาน ทำมาหากินกับการค้ายาเสพติด แต่เมื่อย้ายมาอยู่ที่ไท่ฉาง เขาเปลี่ยนแนวมาหากินกับจีนเทา สามารถทำเงินได้มหาศาล ไม่แพ้ยาเสพติด
โดยในการสร้างเมืองสแกมเมอร์ใหม่ก็มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากรแก๊งสแกม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา
สรุปว่าตัวการก่อความเดือดร้อนให้คนไทยปีละมหาศาล ไปๆ มาๆ กลายเป็นแก๊งกะเหรี่ยงเทาพวกนี้ ที่ร่วมมือกับจีนเทา
การกระทำล่อลวง ซิงซิง แต่ผลกระทบตกกับไทยเต็มๆ เพราะดาราหนุ่มจีนดันบินจากเซี่ยงไฮ้มาลงที่เมืองไทย แล้วถึงข้ามแดนไปฝั่งเมียวดี
นักท่องเที่ยวพากันผวาเมืองไทย มองว่าเป็นประเทศไม่ปลอดภัย หลายรายถึงกับระงับโปรแกรมเดินทางเป็นการด่วน
การท่องเที่ยวไทยที่พังเสียหายยับเยิน นับแต่เหตุการณ์กราดยิงในสยามพารากอนส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต
พอสถานการณ์จางลง ท่องเที่ยวทำท่าจะฟื้นตัว ก็มาโดนกรณีของซิงซิง กระทืบซ้ำ ไปอีก
“หวัง อี้” พบทูต 10 ชาติอาเซียนเร่งปราบขบวนการหลอกลวง
วันที่ 16 มกราคม 2568 นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน และหนึ่งในสมาชิกโปลิตบูโร ซึ่งถือได้ว่าเป็นนักการทูตระดับสูงที่สุดของจีน ได้ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียนหารือปราบขบวนการหลอกลวงและการพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า “ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ” จัดการถอนรากถอนโคน
นายหวัง อี้ บอกด้วยว่า คดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและร้ายแรงมาก คุกคามและทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด
ทั้งนี้ ทางการจีนหวังว่าประเทศที่เกี่ยวข้องจะมีความรับผิดชอบ ใช้มาตรการที่เด็ดขาด เพื่อปราบปรามการหลอกลวงและพนันออนไลน์ ปกป้องความปลอดภัยของประชาชนและทรัพย์สิน ต้องไม่ให้ขบวนการกระทำผิดท้าทายกฎหมาย
ฝ่ายจีนยินดีร่วมมือกับประเทศอาเซียนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายและสร้างความปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนของทุกประเทศไปมาหาสู่กันได้อย่างสบายใจ และรักษาความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ
หากอ่าน “ความระหว่างบรรทัด” ของนายหวัง อี้ จะตีความได้ คือ
1. เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยชองชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด
2. "ประเทศที่เกี่ยวข้อง" จะต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง คงรู้กันดี
3. ประเทศจีนจะมีปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียน เพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ
นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า “ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง” เนื่องจากฐานปฏิบัติการของขบวนการผิดกฎหมายเหล่านี้อยู่ในต่างแดน ไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายของจีนโดยสมบูรณ์ ประเทศจีนจึงต้องใช้วิธีการทางการทูตก่อน แต่หากยังไม่ได้ผล ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมี “ปฏิบัติการร่วม” ระหว่างประเทศ เหมือนที่เคยเข้าไปจัดการกับ “สี่ตระกูลใหญ่แห่งโกกั้ง” มาแล้ว
งานนี้ตำรวจไทยปัดความรับผิดชอบไม่พ้น ตำรวจไทยถูกชาวเน็ตจีนกล่าวหาว่าปิดหูปิดตา รู้เห็นเป็นใจกับจีนเทา จนมีตลกร้ายบอกว่า “ซิงซิง” ไปเมืองไทยแล้วถูกหลอกไปข้ามแดนว่าน่ากลัวแล้ว...แต่พอเรื่องแดง ตำรวจไทยสามารถพาซิงซิงกลับมาได้ภายใน 2 วัน ยิ่งโคตรน่ากลัวกว่า (เพราะแสดงว่าเจรจากับโจรได้)
ทางแก้ปัญหาจีนเทาในไทย
การที่จีนเทาแห่กันเข้ามาในประเทศไทยเพราะรู้ว่าประเทศไทยใช้เงินซื้อได้ทุกอย่าง ต่อให้ถูกจับเข้าคุก ก็กินหรูอยู่สบาย ตอนนี้มีคำร้องเป็นปึกๆ ของนักโทษจีนเทาที่ยื่นขอไปนอนในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ คำถามคือใครช่วยเขียนคำร้อง ยื่นคำร้อง?
หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่เรือนจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ที่จีนเทามีอภิสิทธิ์ อาหารการกิน สั่งได้แม้กระทั่งปลาแซลมอนแช่เย็นเข้ามากิน มีวิทยุเปิดฟังเพลงจีนได้
วิธีแก้คือ พอตำรวจไทยจับจีนเทาได้ ต้องส่งกลับจีนเลยพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ ส่งกลับไปให้จีนจัดการ เพราะคนพวกนี้มันกลัวมาก กลัวที่จะต้องถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด อย่างที่ หวัง อี้ ประกาศกร้าวเอาไว้แล้ว
"พอตำรวจไทยจับจีนเทาได้ สอบสวนสืบสวนแล้ว มีหลักฐานมากพอ อย่าดำเนินการสอบสวนต่อ เสียเวลาพวกเรา จีนเทา 1 คน หรือ 2-3 คน ที่เกิดเรื่องขึ้นมา เราต้องใช้ตำรวจเป็นสิบๆ นายสืบสวนสอบสวน เดินทางไปเช็กโน่นเช็กนี่ เสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นฟ้องต่อศาลอีก ฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ พอศาลพิพากษาจำคุก 10-20 ปี พวกจีนเทาเขาปรบมือร้องเฮกัน เขาชอบ ทำไมถึงชอบล่ะ? เพราะเขารู้ว่าในประเทศไทย ทุกจุด ไม่มีข้อเว้น ใช้เงินซื้อได้หมดทุกจุด เขาไม่กลัวการเข้าคุก เพราะการเข้าคุกของเขานั้นก็คือการเปลี่ยนที่นอน แต่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการต่อเขานั้น ย่อมพ่ายแพ้ต่อเงินที่เขาแอบยัดให้
แล้วจีนเทากลัวอะไร ? จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง"
"รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้่นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้
ถ้าเราเจรจากับจีนว่าเราจะส่งจีนเทากลับ เพราะว่าประเทศจีนต้องการปราบจีนเทาอยู่แล้ว จีนที่ทำเรื่องคอลเซ็นเตอร์ 4-5 ตระกูลใหญ่ที่โกกั้ง ที่จีนร่วมกับพม่าเข้าไปปราบนั้น ส่งพวกจีนเทาพวกนี้ พวกที่เป็นลูกจ้างจีนเทาและอยู่ในกลุ่มพวกหลอกลวงคนจีนด้วยกัน กลับมาที่เมืองจีนเกือบแสนคนแล้ว กระจายขังคุกไปทั่วจีน แล้วก็พิพากษากันเป็นรายวันเลย ดีๆ ชั่วๆ ต้องติดตะราง 5 ปี 10 ปี เลวร้ายหน่อยนี่ถูกประหารชีวิตทันที"
“จีนเทากลัวถูกส่งกลับ ตำรวจที่รับเงินจีนเทาก็กลัวถูกส่งกลับ เพราะว่าไถเงินเขาไม่ได้ ถ้าตำรวจจับจีนเทาได้ มีหลักฐานเพียงพอ แล้วมีข้อตกลงระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน หน่วยงานความมั่นคงภายในของจีน กับ ผบ.ตร.ของเรา ต้องคุยกันรู้เรื่องว่า ถ้าผมสรุปข้อหาให้ได้เรียบร้อยแล้วจากประเทศไทย เพราะทำผิดกฎหมาย ส่งกลับ คุณก็รับข้อหานี้ คุณเอาไปดำเนินการต่อ ประเทศจีนอาจจะบอกว่า เมื่อข้อหามาแล้ว มีหลักฐานมาแล้ว เขาไม่ต้องสืบต่อ เขาดำเนินคดีเลย ด้วยเหตุนี้จีนเทาถึงกลัวถูกส่งกลับประเทศจีน
คำถามที่เรามีต่อก็คือว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเราไว้ใจได้ไหม? ไว้ใจไม่ได้เลย บางคนเป็นถึงระดับรองผู้บัญชาการ แต่รับเงินจีนเทาอยู่ทุกวัน ช่วยเหลือจีนเทา แต่ถ้าส่งพวกนี้กลับ ตม. แล้วให้ ตม.ส่งต่อไปที่จีน พวกนี้จะช่วยจีนเทาไม่ได้ แค่นี้ ที่โดนคดีอยู่ในศาลและอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ คัดออกมาให้หมดเลย หาถุงไปให้ใบหนึ่ง ใส่เสื้อผ้า แล้วก็ส่งกลับไปประเทศจีนให้หมด”
นายสนธิกล่าวอีกว่า จีนเทาในประเทศไทยยังมีอยู่จำนวนมากเพราะมีขาใหญ่ชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกันมาเมืองไทย โดยบอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ จะจัดการให้เอง เพราะตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อนเนื้ออ่อนเลย
“ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 6 ตรวจคนเข้าเมือง คุณอายบ้างหรือเปล่า คุณอาจจะไม่อาย แต่ผมนี่อายฉิบหายเลย
เพราะฉะนั้นพวกนี้ก็เลยมา ถ้าจีนเทาไม่มีอิทธิพลจริง จะมีการทำงานหลายๆ งานซึ่งเบื้่องหลังคือการทำให้จีนเทา ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมตำรวจ ฝึกอบรมทหาร ถ้าจีนเทาจะนั่งรถ ต้องมีรถตำรวจนำหน้าได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ตำรวจรับเงินจีนเทา พวกนี้จีนเทาทั้งนั้น”
นายสนธิกล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาเรื่องนี้ นอกเหนือจากกระทรวงการต่างประเทศที่ไปเจรจากับจีนและพม่าแล้ว หน่วยงาน 3 ฝ่ายของไทยเราต้องทำงานอย่างจริงจัง คือ ตำรวจภูธรภาค 6 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และกองกำลังรักษาชายแดน
เนื่องจากข้อต่อสำคัญของแก๊งสแกมเมอร์คือการส่งคนข้ามไป คนไทยไม่มีศักยภาพในการส่งพวกคนถูกหลอกข้ามแดนไปได้ ต้องใช้คนจีน พวกคนจีนที่มาอยู่ตามแม่สอด เช่าบ้านอยู่ คอยรอรับพวกที่โดนหลอกไป คือเอเยนต์ ถ้าไล่ออกไปหมดได้ ก็ตัดไฟแต่ต้นลมได้
ตำรวจภูธรภาค 6 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ชื่อเล่นชื่อ กบ เป็นลูกชายอดีต ผบ.ตร. พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ท่านมานั่งตรงนี้ได้เพราะว่าพ่อเป็นอดีต ผบ.ตร. แล้วก็เป็นเด็กของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกต่างหาก ท่านอยู่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ถ้าท่านทำงานเป็นจริงๆ จะไม่มีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็เช่นกัน และกองกำลังรักษาชายแดน
“ข้อสำคัญ แก๊งสแกมเมอร์ที่มันทำงานได้ เพราะมันสามารถจะหลอกคนจีนที่โลภ ซึ่งเราห้ามเขาไม่ได้ เพราะมันหลอกว่าถ้ามาทำงานแล้วจะได้เงินเดือนเดือนละแสนหยวน จะได้โน่นได้นี่ ความโลภของมนุษย์ไม่มีการแบ่งเชื้อชาติ ความโลภคือความโลภ พวกนี้ก็อยากไปไง หรือแม้กระทั่งอย่าง ซิงซิง อาจจะถูกหลอกว่า ไปทำงานอีเวนต์ จัดงานอีเวนต์ให้ที่นี่จะให้แสนหยวน สองแสนหยวน สามแสนหยวน สี่แสนหยวน ห้าแสนหยวน ได้ทั้งนั้น แต่พวกนี้พอลงจากกรุงเทพฯ ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ หรือดอนเมือง จะมีคนไปรับ คนที่ไปรับจะต้องเป็นทีมงานของจีนเทา อาจจะเป็นคนไทยก็ได้ หรืออาจจะเป็นจีนเทาเองก็ได้ ขับรถเข้าไปที่แม่สอด หรือตอนหลังนี่ไปที่พบพระแล้ว เพราะว่าจะมีการย้ายบางส่วนไปที่พบพระแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น
ผู้การจังหวัดตากอย่างนี้ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดตากอย่างนี้ ผู้กำกับการอำเภอแม่สอดอย่างนี้ ผู้กำกับการอำเภอพบพระอย่างนี้ จีนเทาพอไปถึงแล้ว จู่ๆ มันจะข้ามแม่น้ำไปได้อย่างไร ช่องทางธรรมชาติ ถ้าไม่มีจีนเทามารับตัวไป จีนเทาที่เตร็ดเตร่อยู่แถวแม่สอด เตร็ดเตร่อยู่แถวพบพระ ไอ้นี่คือตัวการนำคนส่งข้ามฝั่งไปเพื่อนำไปสู่ศูนย์กลางของการหลอกลวง คนไทยพาไปได้ไหม? ไม่ได้ เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง แล้วจีนเทามันออกทางเส้นทางธรรมชาติได้อย่างไร ถ้าตำรวจไม่ปิดตาข้างหนึ่ง ถูกไหมท่านผู้ชม
ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ทำอย่างไร เครื่องอุปโภคบริโภค เป๊ปซี่ โคลา น้ำส้ม โปเตโต้ชิปส์ ขนมต่างๆ อาหารการกิน มันก็ส่งคนมาสั่ง จะสั่งที่ไหนล่ะ? ก็สั่งที่อำเภอแม่สอด สั่งที่อำเภอพบพระ แล้วก็ส่งข้ามแดนไป ก็เหมือนการค้าขายข้ามแดน แต่ของพวกนี้ที่มันสั่งกันเยอะๆ เราต้องรู้ว่ามึงสั่งไปทำไม ถ้ามึงไม่ใช่มีคนเป็นจำนวนพันๆ คนที่กิน แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่ ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย” นายสนธิกล่าว