"พงศ์พรหม ยามะรัต" อดีตรอง หน.พรรคกล้า ชี้สื่อนอกตีข่าว ไทยวิกฤตมลพิษ กระทบท่องเที่ยวไทย ส่อถูกแบนสินค้าเกษตร คาร์บอนเครดิตราคาต่ำ และประกันสุขภาพขึ้นราคา ชี้การเผาพื้นที่การเกษตรทำเศรษฐกิจพัง ด้าน "วรวุฒิ อุ่นใจ" ชี้จะลดการเผาต้องช่วยเหลือเกษตรกรด้วย แนะใช้นโยบายเศรษฐกิจ อย่างเรื่องพันธบัตรป่าไม้
วันนี้ (24 ม.ค.) เฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat ของนายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า ปัจจุบันเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ โพสต์ข้อความระบุว่า "อากาศภาคกลางทำ New All-time high อีกวัน สื่อหลายชาติกำลังลงข่าวปัญหาการเผาของประเทศไทย เช่น CGTN รายงานว่า Thailand pollution is on the crisis สิ่งที่กำลังจะเกิดผลกระทบ 1. การลดการมาเที่ยวไทยในฤดูอากาศพิษ 2. การลด หรือตัดโควต้าการนำเข้าสินค้าเกษตรไทยที่เกี่ยวข้องกับการเผา ข้อ 2 นี้ไทยอยู่ใน watch list มาหลายปีแล้ว และกำลังจะถูกลงโทษด้วยการ ban สินค้าเกษตรหลายชนิด
3. ระบบ Carbon credit ไทย จะถูก downgrade เพราะไทยสร้าง Global Warming มากกว่าลด 4. ประกันสุขภาพการเดินทางมาเที่ยวไทย จะถูกเพิ่มราคา รวมถึงประกันสุขภาพคนต่างชาติที่มาทำงานในไทยจะถูกเพิ่มเบี้ย มีการคาดการณ์ว่าหลังจากนี้ 2-3 ปี GDP ประเทศจะตก มากกว่ารายได้จากอ้อย และข้าวโพด (ที่เป็นเหตุใหญ่ในการเผา) ไม่ต่ำกว่า 300% พิสูจน์แล้วว่า การเผาเกษตรมูลค่าต่ำ ได้ไม่คุ้มเสีย กับการพังของเศรษฐกิจส่วนรวม"
ด้านเฟซบุ๊ก Worawoot Ounjai ของนายวรวุฒิ อุ่นใจ อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า ปัจจุบันลาออกมานานแล้ว คอมเมนต์กลับว่า "ฝุ่น PM2.5 มาจากไหน? ที่บอกๆ กันมา ก็เห็นว่ามาจาก 4 แหล่งใหญ่ๆ 1. รถยนต์สันดาปที่วิ่งกันทั้งเมือง 2. จากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ 3. จากไซต์งานก่อสร้างทั่วเมือง 4. จากการเผาไร่ตามฤดูกาล ทั้งหมดนี้ส่วนตัวผมเอง ให้น้ำหนักกับข้อ 4 การเผาไร่มากที่สุดครับ เพราะข้อ 1-3 มันเกิดขึ้นทุกวันตลอดเวลา ไม่เคยเห็นหยุดหรือลดสักวัน แต่ทำไมฝุ่น PM2.5 ถึงได้สูงมากในฤดูกาลเผาไร่ ดูจาก heat map ผ่านดาวเทียมก็จะเห็นชัด
แน่นอนครับข้ออื่นๆ ก็เป็นสาเหตุ pm2.5 ด้วยกันทั้งสิ้น แม้กระทั่งจุดธูปไหว้พระ หรือแม้กระทั่งร้านปิ้งย่างหมูกะทะต่างๆ แต่อย่างที่บอก ถ้าสาเหตุอื่นๆ มีผลแต่ทำไม PM2.5 ถึงขึ้นสูงในฤดูกาลเผาไร่เป็นพิเศษในประเทศไทย หรือแถบภูมิภาคบ้านเรา อันนี้แตกต่างจาก PM2.5 ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน นั่นมาจากโรงงานอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ เพราะบางเมืองในจีนโรงงานเกิดขึ้นมากจริงๆ ดังนั้นจะแก้ปัญหา PM2.5 ด้วยการตีโจทย์ผิด มันก็จะแก้ไม่ตรงจุดครับ
ในประเทศเรา คงต้องแก้ด้วยการลดการเผาไร่ของเกษตรกร ไม่งั้นก็คงแก้ไม่ได้ จะลดการเผาของเกษตรกร ก็ต้องมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรด้วย ไม่อย่างนั้นเกษตรกรก็คงหยุดเผาไม่ได้ ใช้กฏหมายห้ามอย่างเดียว ก็คงห้ามไม่อยู่ กลายเป็นช่องทางทุจริตของข้าราชการในพื้นที่ไปเสียอีก หรือเป็นวิธีหาเสียงของพรรคการเมือง ในการเอาใจเกษตรกรที่เป็นฐานเสียง ด้วยการปล่อยให้เผาโดยไม่จับ โดยเฉพาะช่วงเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นอย่างในตอนนี้
ถ้าแก้ปัญหาเรื่องเผาไร่ไม่ได้ PM2.5 ไม่หายไปหรอกครับ วิธีแก้ มันต้องแก้ด้วยนโยบายเศรษฐกิจ อย่างเรื่องพันธบัตรป่าไม้ ที่ผมเคยเสนอไว้มาแล้ว คือให้เกษตรการหันมาปลูกป่า เป็นรายได้ใหม่แล้วขายไม้ยืนต้นไปยังต่างประเทศ ระหว่างที่รอไม้โตช่วง2-5ปีแรกรัฐก็จ่ายชดเชยด้วยเงินที่ออกพันธบัตรป่าไม้ รายละเอียดเคยเขียนไว้นานแล้วครับ ลองไปหาอ่านกันดู ไม่แก้เรื่องเผาไร่ PM2.5 ไม่ลดลงแน่ครับ ก็จะมาทุกปีแบบนี้ตลอดไป"