โรงพักช้างเผือก เชียงใหม่ ตั้งกรรมการสอบตำรวจชั้นผู้น้อยไประงับเหตุเด็กเล่นเกมเก็บเหรียญ Jagat แล้วฝากเตือนเรื่องความผิดฐานบุกรุกแก่ติ๊กต็อกเกอร์รายหนึ่ง แล้วมีสื่อมวลชนเอาไปออกอากาศ ทำให้บิ๊กตำรวจไม่พอใจโทรศัพท์จี้สอบวินัย ไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนได้อย่างไร
วันนี้ (23 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยรายหนึ่ง ยศสิบตำรวจเอก ทำหน้าที่สายตรวจ หลังปรากฏวิดีโอคลิปในติ๊กต็อก เตือนภัยคนที่เล่นเกมเก็บเหรียญที่ชื่อว่า Jagat Coin Hunt แล้วมีสำนักข่าวต่างๆ นำคลิปจากติ๊กต็อกไปออกอากาศ ทำให้มีบุคคลในแวดวงตำรวจรายหนึ่ง โทรศัพท์ไปที่สถานีตำรวจ แสดงความไม่พอใจว่าตำรวจชั้นผู้น้อยไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนได้อย่างไร อ้างว่ามีความผิดทางวินัย
สืบเนื่องมาจากครีเอเตอร์ติ๊กต็อกรายหนึ่งพบเห็นสิบตำรวจเอกรายดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเข้าระงับเหตุที่ผู้เสียหายแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นไปหาเหรียญ Jagat แล้วไปปีนกำแพงบ้าน ติ๊กต็อกเกอร์รายนี้จึงให้สิบตำรวจเอกรายนี้กล่าวฝากถึงคนที่เล่นเกมดังกล่าวว่าร่วมสนุกได้แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย การนำเหรียญไปซ่อนไว้ตามสถานที่ส่วนบุคคลจะมีความผิดฐานบุกรุก วันเกิดเหตุตนได้รับแจ้งมา 2 รายว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมาหาเหรียญแล้วผู้เสียหายไม่สบายใจ กลัวว่ามีการทำลายทรัพย์สิน
คลิปดังกล่าวมีสื่อมวลชนสำนักข่าวต่างๆ นำไปเผยแพร่เพื่อเตือนภัยเรื่องการบุกรุกสถานที่ แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เพราะสิบตำรวจเอกรายดังกล่าวถูกโทรศัพท์จากคนในวงการตำรวจร้องเรียน และถูกตั้งกรรมการสอบดังกล่าว
ด้านครีเอเตอร์ติ๊กต็อกรายดังกล่าวชี้แจงว่า ตนไปทำคอนเทนต์เกี่ยวกับการหาเหรียญในติ๊กต็อก แล้วสิบตำรวจเอกนายดังกล่าวเข้ามาดูแลความเรียบร้อย เพราะมีคนหาเหรียญเกือบจะบุกรุกที่สาธารณะ ตำรวจจึงเข้าไปห้ามปรามคนหาเหรียญ เป็นการป้องกันเหตุซึ่งหน้า ตนจึงอยากให้ตำรวจนายดังกล่าวฝากข้อคิดถึงเด็ก เยาวชนไว้จนกลายเป็นคลิปไวรัล
แต่ได้ข่าวว่าสิบตำรวจเอกนายดังกล่าวถูกสอบวินัยเพราะไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพราะมีข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่งเห็นสิบตำรวจเอกทางโทรทัศน์แล้วไม่พอใจว่าไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนได้อย่างไร ซึ่งความจริงเป็นการพูดกันผ่านติ๊กต็อก แล้วสื่อมวลชนนำวิดีโอคลิปของตนไปนำเสนอข่าว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด ถ้าคิดว่าตนเป็นสื่อมวลชน ตนไม่มีบัตรสื่อมวลชนให้ตรวจ ฝากชี้แจงด้วยว่าสิบตำรวจเอกนายดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยการเข้าระงับเหตุ ขอชื่นชมตำรวจรายนั้นว่าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็วเพื่อให้เด็กอีกกลุ่มหนึ่งไม่ทำผิดกฎหมายซ้ำอีก
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เคยกล่าวเมื่อครั้งรับตำแหน่งว่า จะเดินหน้าปรับเปลี่ยนตำรวจ ผบช. ผบก.ผกก. และ สว. เป็น “อินฟลูเอนเซอร์” ผู้มีอิทธิพลต่อประชาชน โดยการยอมรับของประชาชนมันไม่สําเร็จโดยเร็ว แต่เริ่มทําให้ตำรวจเป็นคนที่ประชาชนพึ่งได้ ไม่ไปหานักจัดรายการ ไม่ไปหาบางคน คนที่คิดมาทําอะไรเพื่อประโยชน์บางอย่าง และที่ผ่านมามีข้าราชการตำรวจหลายนายเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ผ่านโซเชียลมีเดียในรูปแบบต่างๆ