อาจารย์ปานเทพ เผยกรมสอบสวนคดีพิเศษเริ่มต้นการสืบสวนคดี “แตงโม นิดา” หลัง “อัจฉริยะ” ยื่นคำร้องตั้งข้อสงสัยเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้ช่องทางรื้อฟื้นคดีหากพบหลักฐานเท็จ พร้อมขอบคุณประชาชนและสื่อที่ร่วมผลักดันคดีเข้าสู่กระบวนการพิเศษ
วันนี้ (23 ม.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต แถลงถึงความคืบหน้ากรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตั้งคณะทำงานเพื่อสืบสวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา หลังจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นคำร้องโดยตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
การตั้งคณะทำงานครั้งนี้ อาจารย์ปานเทพระบุว่า DSI จะสามารถใช้อำนาจตามกฎหมายในการเรียกพยานและหลักฐานทุกประเภท ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ภาคประชาชนไม่สามารถดำเนินการได้ การสืบสวนในครั้งนี้จะพิจารณาความเป็นไปได้ที่คดีอาจเข้าข่ายการละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ
อาจารย์ปานเทพอธิบายเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงข้อหาหรือรื้อฟื้นคดีต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 และ 164 โดยอัยการสูงสุดมีอำนาจในการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อกล่าวหา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาและหลักฐานใหม่ที่รวบรวมได้
“ในปัจจุบัน คดีหลักที่มีจำเลยคือ “แซน วิศาพัช” ยังคงอยู่ในชั้นพิจารณาของศาล และเหลือพยานจำเลยเพียงสองปาก ขณะที่กระบวนการของ DSI ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่แน่ชัดว่าจะทันต่อการเปลี่ยนแปลงข้อหาในคดีหลักหรือไม่”
อาจารย์ปานเทพยังชี้ว่า หาก DSI พบว่ามีมูลความผิด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อพิจารณาว่าคดีนี้เข้าข่ายคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการ กคพ. ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารระดับสูง เช่น นายกรัฐมนตรี และอัยการสูงสุด
อาจารย์ปานเทพกล่าวเพิ่มเติมว่า การรื้อฟื้นคดีใหม่ไม่จำเป็นต้องอาศัยหลักฐานใหม่ที่เป็นภาพหรือวิดีโอชัดเจน แต่เพียงแค่พิสูจน์ได้ว่ามีข้อมูลเท็จหรือข้อขัดแย้ง ก็เพียงพอที่จะนำไปสู่กระบวนการรื้อฟื้น
อาจารย์ปานเทพขอบคุณประชาชนและสื่อมวลชนที่ร่วมกันผลักดันจนทำให้ DSI เริ่มต้นการสืบสวนคดีพิเศษ และเน้นย้ำว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของกระบวนการยุติธรรม
“การสืบสวนครั้งนี้เป็นผลลัพธ์ของความพยายามร่วมกัน หากไม่มีแรงสนับสนุนจากประชาชนและสื่อ กระบวนการนี้อาจไม่เกิดขึ้น เรามั่นใจว่ามีโอกาสที่จะรื้อฟื้นคดีและทำให้เกิดความยุติธรรม” อาจารย์ปานเทพกล่าว
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวยังต้องผ่านการพิจารณาในหลายชั้น และอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อสรุปผลอย่างเป็นทางการ