รัฐบาลเผยเงินหมื่นเฟส 2 เปิดให้ตรวจสอบสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้ตั้งแต่พรุ่งนี้ (22 ม.ค.) และเงินเข้าวันจันทร์หน้า (27 ม.ค.) แนะผูกบัญชีเงินฝากกับบริการพร้อมเพย์ กับเลขประจำตัวประชาชน ส่วน รมว.พม.วอนผู้สูงอายุใช้เงินอย่างคุ้มค่า ระวังมิจฉาชีพทุกรูปแบบ อย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์
วันนี้ (21 ม.ค.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ หรือเงินหมื่นเฟส 2 ประมาณ 4 ล้านราย ว่า กรมบัญชีกลางมีความพร้อมโอนเงินหมื่นเฟส 2 แล้ว โดยในวันจันทร์ที่ 27 ม.ค.จะเดินหน้าโอนเงินให้ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (22 ม.ค.) จะให้มีการตรวจสิทธิในระบบแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" หากผูกบัญชีธนาคารกับบริการพร้อมเพย์ (PromptPay) ไว้แล้ว เงินจะเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ ส่วนกรณีที่มียอดผู้ตกสิทธิรับเงินเฟส 2 ประมาณ 20,000 คนนั้น ชี้แจงว่าไม่ใช่การตกสิทธิ แต่ส่วนใหญ่คือเสียชีวิตราว 17,000 ราย ส่วนที่เหลือเป็นเหตุผลรายละเอียดอื่นๆ ซึ่งจะไม่ได้รับสิทธิในรอบนี้ พร้อมย้ำว่าไม่ใช่การตัดสิทธิ ทุกคนที่ลงทะเบียนไว้และเข้าเกณฑ์ จะได้รับสิทธิครบทุกคน
ด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวนผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท จำนวน 3.02 ล้านคน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4 ล้านคน โดยผู้ที่ถูกตัดสิทธิ จะมีทั้งคนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ และอีกส่วนเป็นผู้เสียชีวิต โดยรัฐบาลจะเปิดให้ตรวจสอบสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. 68 เป็นต้นไป โดยกรอกบัญชีผู้ใช้หรือเลขประจำตัวประชาชน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อ “เข้าสู่ระบบ” และกด “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เพื่อเข้าสู่หน้าแสดงผลผู้มีสิทธิโครงการฯ โดยผู้สูงอายุที่มีสิทธิได้รับเงินในโครงการฯ จะได้รับเงิน 10,000 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากที่ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น
ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากฐานข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กลุ่มผู้สูงอายุที่จะได้รับเงิน 10,000 บาทในวันที่ 27 ม.ค.มีอยู่ประมาณ 4 ล้านกว่ารายชื่อ ซึ่งเป็นรายชื่อผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ที่ได้มีการผ่านเงื่อนไขของกระทรวงการคลังแล้ว ดังนั้น ขอให้กลุ่มผู้สูงอายุเตรียมตัวรับเงิน และขอให้ใช้เงินอย่างคุ้มค่า ตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และเป็นการเสริมอาชีพให้ประชาชน พร้อมขอให้ระวังมิจฉาชีพ เพราะขณะนี้กลุ่มมิจฉาชีพกำลังจ้องที่จะหลอกลวงอยู่ในทุกรูปแบบอย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับการลงทะเบียนบริการพร้อมเพย์ โดยใช้บัญชีธนาคารของตัวเอง สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ได้ลงทะเบียนบริการพร้อมเพย์ด้วยเลขที่บัตรประชาชนมาก่อน และไม่สะดวกสมัครบริการผ่านแอปพลิเคชัน หรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น สามารถนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง พร้อมด้วยสมุดบัญชีธนาคารและโทรศัพท์มือถือ ไปที่สาขาของธนาคารเจ้าของบัญชีที่สะดวกรับเงินโอน ส่วนบุตรหลานของท่านหากต้องการตรวจสอบว่าผู้สูงอายุของท่านผูกบัญชีธนาคารกับบริการพร้อมเพย์หรือไม่และบัญชีใด สามารถทำรายการทดลองโอนเงินจำนวนเล็กน้อย เช่น 1 บาท ไปยังพร้อมเพย์ โดยกรอกเลขที่บัตรประชาชนของผู้สูงอายุลงไป หากชื่อบัญชีตรงกันสามารถโอนได้ และควรตรวจสอบบัญชีปลายทางของผู้สูงอายุที่ใช้สมัครว่าเงินเข้าไปยังบัญชีไหน หากพบความผิดปกติ หรือบัญชีปลายทางผู้สูงอายุไม่ได้ถือครองเอาไว้ ให้ติดต่อธนาคารทันที
สำหรับผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิแต่ที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ในครั้งนี้ไม่ทัน กรมบัญชีกลางจะมีการโอนเงินอีก 3 รอบ โดยรอบต่อไปคือวันที่ 28 ก.พ. 2568 รอบที่สามวันที่ 28 มี.ค. 2568 และรอบสุดท้าย 28 เม.ย. 2568