xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาปลาหมอคางดำในบ่อกุ้งคลองยี่สาร : เมื่อการจัดการบ่อร้างและกฎหมายถูกมองข้าม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อาบอรุณ ธรรมทาน นักวิชาการอิสระ

ข่าวปลาหมอคางดำรุกรานบ่อกุ้งขนาด 40 ไร่ในคลองยี่สาร จังหวัดสมุทรสงคราม จับปลาดังกล่าวได้กว่า 6,000 กิโลกรัม สร้างความแปลกใจต่อสังคมอย่างมาก ว่าเหตุใดจึงไม่มีการตรวจสอบและดูแลผลผลิตในบ่อกุ้งอย่างใกล้ชิดและปล่อยให้ผลผลิตหลักเสียหายเกือบทั้งหมด ถ้าเทียบจากปริมาณปลาที่จับได้แล้วเสมือนเจ้าของบ่อกุ้งเลี้ยงแบบปล่อยไปตามยถากรรมมากกว่าการเลี้ยงตามหลักวิชาการอย่างมีประสิทธิภาพให้ได้กุ้งคุณภาพดี เพื่อราคาที่ดีตามเป้าหมาย ซึ่งเรื่องนี้หน่วยงานภาครัฐต้องเร่งแก้ปัญหาอาจไม่ได้ตอบโจทย์ปัญหาทั้งหมด แต่ต้องมองลึกถึงการแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาในพื้นที่อย่างแท้จริง

จากการนำเสนอภาพการจับปลาตอนกลางคืนในบ่อกุ้งที่มีปลาจำนวนมากและระบุว่าเป็นปลาหมอคางดำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา ทำให้เห็นข้อมูลที่มักถูกมองข้าม คือ สถานะของบ่อกุ้งในหลายพื้นที่ซึ่งกลายเป็นบ่อร้างจากช่วงที่มีการระบาดจากอาการตายด่วนของกุ้ง (Early Mortality Syndrome : EMS) เนื่องจากเกษตรกรเลิกทำฟาร์มจากการขาดทุนต่อเนื่อง และอาจเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นทิ้งให้เป็นบ่อร้าง ปล่อยปละละเลยโดยไม่มีการดูแลจัดการอย่างเหมาะสม บ่อกุ้งที่ถูกทิ้งไว้กลายเป็นแหล่งน้ำที่ไร้การควบคุม เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บ่อกุ้งที่ไม่ได้รับการดูแลยังส่งผลให้คุณภาพน้ำเสื่อมโทรม ซึ่งเป็นปัจจัยที่เหมาะสมต่อการเติบโตของปลาหมอคางดำ สัตว์น้ำพื้นถิ่นที่เคยอาศัยอยู่ในบ่อกลับถูกแทนที่ด้วยชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่มีความสามารถในการปรับตัวสูง เช่น ปลาหมอคางดำ

ไม่เพียงแต่บ่อร้างจะเป็นปัจจัยสำคัญ การขาดความรับผิดชอบและละเลยต่อการจัดการฟาร์มที่ดีของเกษตรกรที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้น เกษตรกรบางรายขาดการป้องกันหรือดูแลบ่อกุ้งอย่างเหมาะสม ไม่ติดตั้งตาข่ายหรืออุปกรณ์สำหรับกรองน้ำ เช่น ไนลอนตาถี่ เพื่อป้องกันสัตว์น้ำต่างถิ่น การปล่อยให้บ่อมีคุณภาพน้ำที่ไม่ดี หรือแม้แต่การขาดความรู้เกี่ยวกับการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ยังเป็นปัจจัยเบียดเบียนโอกาสในการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำหลักในบ่อเลี้ยง และยังส่งเสริมให้ปลาหมอคางดำที่แพร่พันธุ์ได้เร็วกว่าเพิ่มจำนวนประชากรไปทำลายสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงได้

ปลาหมอคางดำถือเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่ผิดกฎหมายในการนำเข้าและครอบครอง การพบปลาชนิดนี้ในบ่อกุ้งขนาดใหญ่ อาจนำไปสู่คำถามสำคัญว่า ปลาหมอคางดำเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าวได้อย่างไร? มีการนำเข้าหรือปล่อยพันธุ์ปลาโดยเจตนาหรือไม่? เกษตรกรเจ้าของบ่อกุ้งปล่อยปละละเลยไม่มีการบริหารจัดการหรือมีระบบการเลี้ยงที่เป็นมาตรฐาน ขาดการตรวจสอบตามหลักวิชาการ บ่อกุ้งที่เลี้ยงแบบดั้งเดิมควรพัฒนาหรือปรับปรุงวิธีการเลี้ยงและติดตั้งอุปกรณ์กรองน้ำ เพื่อป้องกันสัตว์ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นและเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงให้ได้สัตว์น้ำชนิดที่ต้องการมากที่สุด

นอกจากนี้ การมีปลาหมอคางดำไว้ในพื้นที่บ่อกุ้งจำนวนมาก 6,000 กิโลกรัม เป็นการครอบครองที่ขัดต่อกฎหมาย การไม่ตรวจสอบต้นทางของปัญหานี้อาจเปิดช่องให้การลักลอบนำเข้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่นดำเนินต่อไป ซึ่งส่งผลกระทบทั้งต่อระบบนิเวศและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

แนวทางแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจังและเกิดผลสัมฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อมองเห็นต้นตอของปัญหาที่แท้จริงและดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นระบบ ด้วยการฟื้นฟูและจัดการบ่อกุ้งร้าง ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นควรร่วมมือกับเกษตรกรในการฟื้นฟูบ่อกุ้งร้าง หรือบ่อปลาร้าง เช่น การระบายน้ำเก่าทิ้ง การฆ่าเชื้อในบ่อ และการเตรียมบ่อใหม่ให้เหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำพื้นถิ่น

ขณะเดียวกัน การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด การตรวจสอบการครอบครองปลาหมอคางดำและบ่อร้างอย่างเข้มงวด หากพบการกระทำผิด ควรดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อลดการลักลอบนำเข้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่นและลดปริมาณปลาหมอคางดำในบ่อร้าง ซึ่งจะเป็นการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและแก้ปัญหาได้ตรงเป้าหมาย

สิ่งสำคัญในการแก้ปัญหา คือ การเสริมสร้างความรู้และส่งเสริมการจัดการที่ยั่งยืน เกษตรกรในพื้นที่ควรได้รับการอบรมเกี่ยวกับการป้องกันชนิดพันธุ์ต่างถิ่น และการจัดการบ่อกุ้งอย่างเป็นระบบเพื่อขับเคลื่อนการทำฟาร์มสัตว์น้ำแนวทางการผลิตทางการเกษตรกรที่ดีและเหมาะสมให้มีความยั่งยืน เช่น การควบคุมคุณภาพน้ำ การติดตั้งระบบป้องกัน และการบำรุงรักษาบ่ออย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่ ให้มีบทบาทในการเฝ้าระวังและรายงานการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำ รวมถึงการร่วมมือกันในโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศ

การแก้ปัญหาปลาหมอคางดำต้องแก้ไขจากรากฐาน ไม่ใช่แค่การจัดการหรือการควบคุมชนิดพันธุ์ต่างถิ่น แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการเกษตร การจัดการพื้นที่เลี้ยงสัตว์น้ำ และการบังคับใช้กฎหมาย การแก้ไขอย่างยั่งยืนจึงต้องเริ่มจากการยอมรับข้อผิดพลาดในระบบ และการสร้างความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่รากฐานเพื่อปกป้องระบบนิเวศในอนาคต










กำลังโหลดความคิดเห็น