xs
xsm
sm
md
lg

MOU 44 ปมสั่งตาย “ลิม กิมยา” ใจกลาง กทม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฟันธง “ลิม กิมยา” อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชาถูกยิงดับกลางกรุงเทพฯ โยง MOU 44 เมื่อตระกูลฮุนกำลังจับมือกับตระกูลชินแบ่งผลประโยชน์ทางทะเล แต่ถูกฝ่ายต่อต้านโจมตีขัดขวาง จึงต้องหาทางกำจัดด้วยการไล่ล่าสังหาร



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีคนร้ายดักยิง นายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา เสียชีวิต บริเวณเกาะกลางถนนข้างวัดบวรนิเวศวิหาร ย่านบางลำพู เมื่อเวลาประมาณ 17.45 น.ของวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา


ซึ่งต่อมาวันที่ 8 ม.ค. ศาลอาญารัชดาได้อนุมัติหมายจับ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม อดีตทหารเรือ มือปืนผู้ก่อเหตุ ที่หลบหนีเข้าในประเทศกัมพูชา และในช่วงค่ำวันเดียวกัน “จ่าเอ็ม” ก็ถูกจับกุมได้ที่จังหวัดพระตะบอง ซึ่งล่าสุดถูกส่งตัวมาดำเนินคดีในไทยแล้ว


กรณีดังกล่าว นายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Sam Rainsy ซึ่งมีผู้ติดตาม 5.1 ล้านคน โดยกล่าวหาว่า นายฮุนเซน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และบิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนายลิม กิมยา


โดยข้อความของนายสม รังสี มีรายละเอียดดังนี้

“วันที่ 7 มกราคม 2568

“ฮุนเซนอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารลิม กิมยา


“ผมรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก กับการลอบสังหารเพื่อนร่วมงานของผม ลิม กิมยา ตอนกลางวันแสกๆ ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568


“ลิม กิมยา ก็เหมือนกับผม คือได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกรัฐสภาในปี 2556 ภายใต้การนำของพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ซึ่งผมเป็นประธานพรรค


“ลิม กิมยา ก็เหมือนกับผม คือไม่ยอมแพ้ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเพื่อยุติระบอบการปกครองที่ล้าสมัยของฮุนเซน ซึ่งได้สถาปนาระบอบเผด็จการสืบเชื้อสายในกัมพูชา และกดขี่ประเทศของเราให้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์



“ลิม กิมยา ก็เหมือนกับผม คืออาศัยอยู่ในฝรั่งเศสมาหลายปี และถือสัญชาติฝรั่งเศส-กัมพูชา 2 สัญชาติ

“ลิม กิมยา ก็เหมือนกับผม และเหล่านักเคลื่อนไหวที่กระตือรือร้นที่สุดของฝ่ายค้านประชาธิปไตย นั้นมีชื่ออยู่ในบัญชีดำของฮุนเซน ผู้ซึ่งไม่ลังเลในการลงมือก่ออาชญากรรมใดๆ


“ที่ผ่านมา สมาชิกฝ่ายค้านหลายสิบคนถูกลอบสังหารอย่างเลือดเย็น ตัวผมเองก็ตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารหลายครั้ง ซึ่งเร็วๆ นี้สมุนของฮุนเซนสองคนก็จะต้องขึ้นศาลในกรุงปารีส



“เห็นได้ชัดว่ามีเงื้อมมือของฮุนเซนซ่อนอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารลิม กิมยา เช่นเดียวกับที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมทางการเมืองอันนับไม่ถ้วนในกัมพูชาที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน และไม่ได้รับการลงโทษ ซึ่งแรงจูงใจก็เป็นเช่นเดียวกัน ส่วนวิธีการดำเนินการก็เหมือนกัน

“นับวันเผด็จการทั่วโลกหันมาใช้การปราบปรามข้ามชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ฮุนเซนขู่ว่าจะฆ่าผม หรือลักพาตัวผมบนแผ่นดินฝรั่งเศส หวังว่าทางการไทยจะให้ความร่วมมือกับตำรวจฝรั่งเศส มากกว่าที่ทางการกัมพูชาเคยเป็น ในการฉีกหน้ากากมือไม้ของฮุนเซนที่ก่อการอยู่ในประเทศไทย”
ข้อความจากเฟซบุ๊กของนายสมรังสีระบุ

ค่อนข้างชัดเจนว่า เรื่องนี้มีการวางงานกันมาตั้งแต่เขมร เพราะจากข้อมูลคือ นายลิม กิมยา ถูกล็อกเป้าสังหารมาตั้งแต่ขึ้นรถทัวร์ที่เขมรแล้ว โดยมีคนชี้เป้าชื่อนายคิมสริน พิช อายุ 24 ปี ชาวกัมพูชา ซึ่งศาลก็ออกหมายจับแล้วเช่นเดียวกันกับ “จ่าเอ็ม” มือปืนคนไทย

นายคิมสริน พิช
แผนสังหารอดีต ส.ส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา นายลิม กิมยา อย่างอุกอาจใจกลางกรุง นับว่าเตรียมการมาอย่างดี ... เตรียมการดีอย่างไร?

มีทั้งมือปืนไทย ที่สามารถยิงเอง ขี่มอเตอร์ไซค์หนีเอง

มีทั้งคนชี้เป้าคนเขมร ที่ตามประกบเป้าสังหาร ไปไหนไปด้วย ตั้งแต่กัมพูชามาถึงกรุงเทพฯ

มีทั้งรถกระบะและคนขับ พามือปืนไปส่งชายแดนที่ จ.สระแก้ว

มีทั้งคนพาหนีออกตามช่องทางธรรมชาติ ไปสู่อิสรภาพที่ประเทศกัมพูชา


อย่างไรก็ตาม แผนเหล่านี้แม้จะดีแล้ว แต่สามารถสืบสวนรู้ตัวคนร้ายและแผนประทุษกรรมได้อย่างรวดเร็วทันเวลา โดยสามารถจับมือสังหาร คือ “จ่าเอ็ม” ได้แบบทันควัน ขณะที่หนีจากชายแดนไปไม่ไกล ไปถึงแค่จังหวัดพระตะบอง ห่างชายแดนไทย 200 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเดินโดยรถยนต์ ประมาณสี่ชั่วโมง

ขณะที่ “คนชี้เป้า” ชาวเขมร คือ นายคิมสริน พิช นั้นพฤติกรรมคือ นั่งรถโดยสารคันเดียวกันกับนายลิม กิมยา ในลักษณะตามประกบมาแต่ต้นทาง พอถึงปลายทาง บริเวณข้างวัดบวรฯ ก็เดินมาส่งซิกกับมือปืนคือ “จ่าเอ็ม” ให้ตามมาจ่อยิงนายลิม กิมยา แบบไม่ผิดตัว

จากนั้น นายพิชหนีกลับประเทศกัมพูชาทันที ในค่ำวันเดียวกัน ด้วยสายการบินสกายอังกอร์ ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ

โดยทั้งสองผู้ต้องหามีหลักฐานมัดตัวเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดคมชัด


ส่วนชายเสื้อเหลือง ที่ขับกระบะ 4 ประตู พาจ่าเอ็มจากกรุงเทพฯ ไปส่งถึง จ.สระแก้ว กลางดึก อยู่ระหว่างการสืบสวนว่าเป็นใคร แต่มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเช่นกัน

เนื่องจากทีมสังหาร เป็นการลงมือร่วมกันระหว่างคนไทยกับคนเขมร

คดีนี้จึงเป็นใบสั่งฆ่ามาจากฝั่งเขมรอย่างแน่นอน

ส่วนการที่จะมีการบิดประเด็นว่าเป็นเรื่องชู้สาวก็คงไม่ใช่ เพราะนายลิม กิมยา ผู้ตายอายุ 74 ปีแล้ว ระหว่างเกิดเหตุ ก็เดินอยู่กับภรรยา ซึ่งข้ามแดนมาด้วยกัน

จะเป็นประเด็นขัดแย้งทางธุรกิจ ก็ไม่น่าใช่ เพราะชีวิตและงานของนายลิม กิมยา เป็นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ เปิดหน้าเคลื่อนไหวต่อต้าน “ระบอบฮุนเซน” อย่างไม่มีเกรงกลัว

ขณะที่เพื่อนนักการเมืองฝ่ายค้านคนอื่นๆ ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ แต่นายลิม กิมยา ยังยืนหยัดอยู่ในประเทศกัมพูชา ไม่คิดหนีอำนาจรัฐไปไหน

นายฮุน มาเนต
ก่อนถูกเก็บ ก็มีบทบาทประณามรัฐบาลฮุน มาเนต ลูกชายของสมเด็จฯ ฮุนเซน ว่าเป็นพวก “ขายชาติ” จ้องจะยกเกาะกูดให้กับประเทศไทย

เพราะฉะนั้น เป็นไปได้มากที่สุดว่าปมสังหารนายลิม กิมยา น่าจะมาจากความขัดแย้งทางการเมืองของกัมพูชา ที่ยังคงเป็น “ยุคทมิฬ”

คนบงการสังหาร “ลิม กิมยา” ย่อมเป็นคนเขมร วางแผนให้มือฆ่าเป็นคนไทย ไม่ปิดบังใบหน้า ให้รู้กันไปเลยเป็นคนไทย ยิงนักการเมืองเขรคนดังในแผ่นดินไทย มีคนชี้เป้าเป็นเขมร เสร็จแล้วบินกลับ และมีทีมงานรับส่งมือปืนเข้าเขมรอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายจับมือปืนให้ทางการไทย ก็เหมือนจะเป็นแผนสุดท้ายที่วางไว้แล้ว

ย่อมเป็นเงื่อนงำชวนสงสัย เพราะโดยทั่วไป เมื่ออาชญากรไทยหนีข้ามแดนเขมรไปแล้ว ส่วนใหญ่จะลอยนวลยาวๆ กันได้ทุกราย

ที่ต้องลุ้นกันต่อไป “จ่าเอ็ม” จะเปิดปากซัดทอดถึงคนจ้างวานหรือไม่ ทำไมเขาถึงถูกเลือกให้รับงานใหญ่ขนาดนี้

รวมถึงต้องจับตาด้วย การปล่อยให้ “จ่าเอ็ม” จนมุมตำรวจอย่างง่ายดาย แท้จริงแล้วเป็นหมากกลหลายชั้นของคนจ้างวานอย่างไรหรือไม่

ประเด็นสุดท้ายที่สำคัญที่สุด และคนอยากรู้ที่สุด ก็คือ อะไรคือแรงจูงใจของใบสั่งตายนายลิม กิมยา?


"ผมฟันธงว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่อง MOU 2544 ประเด็นเกาะกูด ข้อตกลงอย่างลับๆ และความพยายามในการแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลระหว่างผู้มีอำนาจในประเทศไทย และกัมพูชาอย่างแน่นอน

“ลิม กิมยา” ก็เช่นเดียวกับ “สม รังสี” เป็นนักการเมืองฝั่งตรงข้ามกับ “ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต” อย่างชัดเจน ระยะหลังเป็นคนวิพากษ์วิจารณ์โจมตี “รัฐบาลตระกูลฮุน” เรื่องเกาะกูดอย่างหนัก โดยทั้งคู่หยิบประเด็นเรื่อง “ฮุน เซน” และลูกชายคือ “ฮุน มาเนต” จะยก “เกาะกูด” ซึ่งเขมรเรียกว่า “เกาะกจ” ให้กับไทย เพื่อแลกกับผลประโยชน์ผ่าน MOU 44

ไม่กี่วันก่อนเสียชีวิต “ลิม กิมยา” ยังเขียนข้อความลงในเฟซบุ๊กโจมตีรัฐบาลกัมพูชา และพาดพิงถึงนายทักษิณ เรื่องเกาะกูดเอาไว้ โดยยืนยันว่า “รัฐบาลตระกูลฮุน” นั้นขายชาติ และเชื่อว่าเกาะกูดเป็นของกัมพูชา พร้อมกดดันให้รัฐบาลฟ้องศาลโลกให้เอาเกาะกูดมาเป็นของคนเขมร

การโหมประเด็นนี้ทำให้ ฮุน เซน ไม่พอใจมาก เรียกฝ่ายค้านว่าเป็น "พวกก่อการร้าย""


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568 นายฮุน เซน ประกาศว่าจะแก้กฎหมายเพื่อลงโทษ “ผู้ก่อการร้าย (Terrorist)” ที่พยายามล้มล้างรัฐบาลของนายฮุน มาเนต ลูกชายของตัวเอง
“เรื่องนี้ฟังแล้วเป็นตลกร้ายที่บัดซบมาก รัฐบาลตระกูลชิน กับรัฐบาลตระกูลฮุน จับมือกันหวังจะแบ่งผลประโยชน์ในอ่าวไทย ทั้งคู่ต่างพยายามดิสเครดิต ทำลายความน่าเชื่อถือ ถึงขั้นกำจัดฝ่ายต่อต้านออกไปด้วยการไล่ล่า ลอบสังหาร และตราหน้าอีกฝ่ายว่าเป็นพวกสุดโต่ง พวกผู้ก่อการร้าย” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น