"นายอนุกูล ปีดแก้ว" ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีเปิดสถานธนานุเคราะห์ สาขาที่ 47 บางขุนเทียน อย่างเป็นทางการ ซึ่งตั้งอยู่ในซอยเทียนทะเล 7 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล กรุงเทพฯ หวังเป็นโรงรับจำนำเพื่อสังคม ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยโดยนำทรัพย์สินมาจำนำที่ดอกเบี้ยในอัตราต่ำเริ่มต้นเพียงร้อยละ 0.25 ต่อเดือนเท่านั้น และเพื่อเป็นการตรึงระดับอัตราดอกเบี้ยรับจำนำไม่ให้สูงเกินไป ปัจจุบันสถานธนานุเคราะห์มีทั้งหมด 47 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 31 แห่ง ปริมณฑล จำนวน 5 แห่ง และในพื้นที่ส่วนภูมิภาค จำนวน 11 แห่ง
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. "นายอนุกูล ปีดแก้ว" ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดสถานธนานุเคราะห์ สาขาที่ 47 บางขุนเทียน อย่างเป็นทางการ ซึ่งตั้งอยู่ในซอยเทียนทะเล 7 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล กรุงเทพฯ โดยมี นายประสงค์ พันธ์ลิมา ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วม
นายอนุกูลกล่าวว่า สำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) ดำเนินงานภายใต้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดย สธค.ก้าวเข้าสู่ปีที่ 70 ในปี 2568 ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นโรงรับจำนำเพื่อสังคม บริการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยยึดหลักธรรมาภิบาล” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ประสบความเดือดร้อนและขาดแคลนเงิน ที่จะนำไปใช้ในการดำรงชีพหรือนำไปลงทุนประกอบอาชีพ โดยนำทรัพย์สินมาจำนำที่ดอกเบี้ยในอัตราต่ำ และเพื่อเป็นการตรึงระดับอัตราดอกเบี้ยรับจำนำไม่ให้สูงเกินไป
นายอนุกูลกล่าวต่อไปว่า วันนี้ สธค.ได้เปิดสถานธนานุเคราะห์ สาขาที่ 47 บางขุนเทียน อย่างเป็นทางการ เนื่องจากเล็งเห็นว่าพื้นที่เขตบางขุนเทียนมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น มีความต้องการที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาครัฐเป็นจำนวนมาก และเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพเป็นแหล่งธุรกิจสำคัญ ดังนั้น จึงได้คัดเลือกพื้นที่เขตบางขุนเทียนเพื่อรองรับความต้องการและเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง ซึ่ง สธค.เป็นโรงรับจำนำเพื่อสังคม สำหรับช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเฉพาะหน้าทางด้านการเงิน และเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้มาใช้บริการเช่นกัน ทั้งนี้ ปัจจุบันสถานธนานุเคราะห์มีทั้งหมด 47 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 31 แห่ง ปริมณฑล จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี 2 แห่ง ปทุมธานี 2 แห่ง และสมุทรปราการ 1 แห่ง และในพื้นที่ส่วนภูมิภาค จำนวน 11 แห่ง ได้แก่ จังหวัดระยอง 2 แห่ง ลำพูน 1 แห่ง สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง อุดรธานี 1 แห่ง พิษณุโลก 1 แห่ง พระนครศรีอยุธยา 1 แห่ง ชลบุรี 1 แห่ง สุพรรณบุรี 1 แห่ง ราชบุรี 1 แห่ง ลพบุรี 1 แห่ง และวันนี้เป็นสาขาที่ 47 บางขุนเทียน
นายอนุกูลกล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวง พม.โดย สธค.มีความมุ่งมั่นเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นโรงรับจำนำ เพื่อสังคม เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยระดับฐานรากและผู้ที่ประสบปัญหาเฉพาะหน้าทางการเงินและมุ่งยกระดับให้ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของ สธค. มีอาชีพ มีรายได้ มีความมั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ส่งเสริมบทบาทของกระทรวง พม. โดยเป็นโรงรับจำนำเพื่อสังคม ให้บริการรับจำนำด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ซึ่ง สธค.เราพร้อมดูแลประชาชน ด้วยการรับจำนำในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้นเพียงร้อยละ 0.25 ต่อเดือนเท่านั้น และ สธค.ยังได้จัดทำแผนขยายสาขาการให้บริการในพื้นที่ส่วนภูมิภาคให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ
