พบร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินของสายการบินเชจูแอร์ ไถลออกนอกรันเวย์ที่สนามบินนานาชาติมูอันครบแล้ว 179 ราย รอดชีวิต 2 รายเป็นลูกเรือทั้งสองคน
วันนี้(29 ธ.ค.) สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานความคืบหน้าเหตุเครื่องบินโดยสารพร้อมผู้โดยสาร 181 คน ลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินในเขตมูอัน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 179 ราย ซึ่งล่าสุดพบร่างครบทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้รอดชีวิตมี 2 รายเป็นลูกเรือทั้งสองคน
นับเป็นภัยพิบัติทางการบินครั้งร้ายแรงที่สุดอีกครั้งในประวัติศาสตร์ของประเทศและเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดที่เกี่ยวข้องกับสายการบินของเกาหลีใต้ นับตั้งแต่เครื่องบินโคเรียนแอร์ตกที่เกาะกวมเมื่อปี 2540 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 225 ราย
อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาในเกาหลีใต้ซึ่งเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง เมื่อเครื่องบินของสายการบินเชจูแอร์ ซึ่งบรรทุกผู้โดยสาร 175 คน และลูกเรือ 6 คน เสียหลักออกนอกรันเวย์ขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอัน ในเขตมูอัน จังหวัดชอลลาใต้ ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 288 กิโลเมตร
เครื่องบินลื่นไถลไปตามพื้นโดยที่ระบบล้อสำหรับลงจอดไม่กางออก ทำให้พุ่งชนกำแพงคอนกรีตก่อนจะระเบิดเป็นลูกไฟพร้อมเสียงดังสนั่น
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยืนยันพบผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ 179 รายแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บถูกส่งไปรักษาตัวที่กรุงโซล อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกล่าวว่า “หลังจากเครื่องบินชนกำแพง ผู้โดยสารถูกเหวี่ยงออกจากเครื่องบิน โอกาสรอดชีวิตจึงมีน้อยมาก”
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกล่าวว่า “เครื่องบินเสียหายเกือบหมด และยากที่จะระบุตัวผู้เสียชีวิตได้ แต่เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการกู้คืนร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งจะต้องใช้เวลา”
ทั้งนี้ เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินเชจูแอร์ ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ พร้อมคนบนเครื่อง 181 คน เมื่อเวลา 01.30 น.ของวันอาทิตย์ที่ 29 ธ.ค.ตามเวลาในไทย โดยมีกำหนดเดินทางถึงมูอันในเวลาประมาณ 08.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น
ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลี ยกเว้นชาวไทย 2 คน
ในจำนวนผู้โดยสารบนเครื่องบิน 82 คนเป็นชายและ 93 คนเป็นหญิง โดยมีอายุตั้งแต่ 3 ขวบไปจนถึง 78 ปี และหลายคนมีอายุระหว่าง 40-60 ปี
ทางการได้จัดตั้งห้องเก็บศพชั่วคราวภายในสนามบินมูอันเพื่อฝังร่างของผู้เสียชีวิต
มีเพียงลูกเรือ 2 คนเท่านั้นที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุนี้ โดยได้รับการช่วยเหลือไม่นานหลังจากเกิดเหตุ โดยพวกเขาได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลคนละแห่งในเมืองม็อกโพ และขณะนี้ได้ถูกส่งตัวไปยังกรุงโซลแล้ว อาการบาดเจ็บของพวกเขาไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
เจ้าหน้าที่เชื่อว่าระบบลงจอดขัดข้อง ซึ่งอาจเกิดจากนกชน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น พวกเขาจึงได้เริ่มการสอบสวนในพื้นที่จริงเพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริง
กระทรวงที่ดินของเกาหลีใต้รายงานสรุปว่าหอควบคุมสนามบินได้แจ้งเตือนให้ระวังนกชนก่อนเกิดเหตุเพียง 6 นาที
หนึ่งนาทีต่อมา นักบินของเครื่องบินเชจูแอร์ได้ประกาศ “เมย์เดย์” ซึ่งเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือระหว่างประเทศที่ส่งมาจากเครื่องบินที่อยู่ในสถานการณ์วิกฤต
ทางการชอลลาใต้ได้ยกระดับการแจ้งเตือนฉุกเฉินเป็นระดับสูงสุด และได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจทั้งหมดไปยังจุดเกิดเหตุ
รักษาการประธานาธิบดีชเว ซังม็อก ประกาศให้เขตมูอันเป็นเขตภัยพิบัติพิเศษขณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดเกิดเหตุ เพื่อสั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการค้นหา
ชเวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อสมาชิกครอบครัวผู้สูญเสีย และสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเต็มที่
สำนักงานประธานาธิบดีได้เรียกประชุมฉุกเฉินของเลขาธิการระดับสูงในช่วงเช้าของวันเดียวกัน และตัดสินใจที่จะรักษาระบบฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ตอบสนองต่อการค้นหาและปฏิบัติการอื่นๆ ได้ทันท่วงที
ในการประชุมซึ่งมีนายชุง จินซุก เสนาธิการของประธานาธิบดีเป็นประธาน เจ้าหน้าที่ยังได้หารือถึงแนวทางการประสานงานระหว่างหน่วยงานในการสอบสวนอุบัติเหตุ ตลอดจนการสนับสนุนด้านการแพทย์และด้านอื่นๆ
รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายอี โฮ-ยอง ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ระดมทรัพยากรที่มีทั้งหมด และทำงานร่วมกับหน่วยดับเพลิงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือในความพยายามกู้ภัย
คิม อีแบ ซีอีโอสายการบินเชจูแอร์ ออกแถลงการณ์ขอโทษและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่
“ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ในฐานะซีอีโอ ฉันขอรับผิดชอบเต็มที่” คิมกล่าว