คดีโจ๊ก โลกสวย ทำอะไรก็ไม่ผิด ป.ป.ช.อุ้มเหมือนเดิม

ถึงจะเก่าไป-ใหม่มา แต่คนใน ป.ป.ช.บางส่วน ก็ยังติดหล่ม “บิ๊กโจ๊ก” ก้าวข้ามไม่พ้นเหมือนเดิม



ถึงจะเก่าไป ใหม่มา แต่คนใน ป.ป.ช. บางส่วน ก็ยังติดหล่มอยู่กับบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ยังก้าวข้ามบิ๊กโจ๊ก ไม่พ้นเหมือนเดิม

นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ป. ทำหน้าที่ประธานอนุกรรมการกลั่นกรองคดีบิ๊กโจ๊ก กำลังเป็นตัวตึงของ ป.ป.ช. ที่น่าจับตาการทำหน้าที่ทึ่สุด

ทั้งที่ตำรวจ บก.ปปป. เรียบเรียงพยานหลักฐาน มาในสำนวน 1,420 หน้า มาให้พิจารณา
แต่ว่ากันว่าอนุกรรมการของนายเอกวิทย์ จะโยนพยานหลักฐานของตำรวจทิ้ง

แล้วตั้งประเด็นของตัวเองขึ้นมาว่า ค่าใช้จ่ายด้วยเงินจากบัญชีม้า ที่ดูแลโดยตำรวจพ่อบ้านอย่าง พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ จำนวน 220 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ไม่สัมพันธ์กับเงินที่บิ๊กโจ๊กและภรรยา นำมาใช้จ่ายที่ 76.9 ล้านบาท

เท่ากับว่าบิ๊กโจ๊กไม่เกี่ยวข้องกับเงินจากเว็บพนัน จ่อจะยกคำร้อง ยุติเรื่องกันง่ายๆ แค่นี้
คำบรรยายของ ป.ป.ช. มีการโชว์ลีลาสำนวน เหมือนจะเป็นศาลเองเลยทีเดียว
แต่ที่ไม่เหมือนศาล คือ ข้อความพวกนั้น ขาดน้ำหนักน่าเชื่อถือ ไม่ยึดโยงกับพยานหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมมา

ร่ายยืดยาวโน่นนี่นั่น เพื่อจะสรุปว่าบิ๊กโจ๊ก ไม่มีความผิดไว้ก่อน

แต่เพื่อไม่น่าเกลียดเกิน ก็หยอดไว้นิดนึงว่า บิ๊กโจ๊กอาจร่ำรวยผิดปกติไปบ้าง แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับเว็บพนัน

จริงๆ เรื่องนี้ ถ้า ป.ป.ช. จัดการส่งให้ศาลตัดสิน จะเป็นเรื่องเหมาะสมที่สุด เพื่อให้กระบวนการยุติธรรม มีมาตรฐาน ลบล้างคำครหาเล่นพรรคเล่นพวก

เลิกทำอะไรให้คนนินทาถึงความบิดๆ เบี้ยวๆ ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ

แล้วยิ่งดูตลกมากขึ้น เมื่อป.ป.ช. เริ่มสอบสวนคดีบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล คู่กัดของบิ๊กโจ๊ก โดยข้อกล่าวหาแบบเดียวกัน คือรับเงินจากเว็บพนัน

ป.ป.ช.ฟันธงว่า บิ๊กต่อรู้เห็นกับเงินบัญชีม้าจากเว็บพนัน พร้อมเสนอให้กรมสรรพากร ลุยตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้ของบรรดาตำรวจลูกน้องใกล้ชิดของบิ๊กต่อ

ขณะที่อนุกรรมกาาป.ป.ช. ไม่เชื่อว่าบิ๊กโจ๊กมีเอี่ยวกับบัญชีม้า ไม่ได้รับเงินจากเว็บพนัน และก็ไม่คิดจะให้กรมสรรพากร ไปตรวจสอบภาษีตำรวจคนสนิทของบิ๊กโจ๊กด้วย

ทั้งที่พฤติการณ์ของบิ๊กต่อกับบิ๊กโจ๊กนั้น ต่างมีบัญชีม้ามาพัวพัน มีเงินจับจ่ายใช้สอยเกินเงินเดือนของข้าราชการไปมาก
องค์กรปราบโกง แม้จะเป็นยุคผลัดใบ แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

และเมื่อย้อนไปดูสำนวนการสอบสวนบิ๊กโจ๊ก สมัยที่ยังไม่เป็นบิ๊ก มียศแค่ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งผกก. 3 บก.ปคม. รับผิดชอบงานปราบปรามการค้ามนุษย์แถวภาคอีสาน ข่วงปี 2553

ป.ป.ช. ก็สั่งยุติคดี โดยยกตรรกะสุดพิลึกว่า เงินที่ไหลเข้าบัญชี พ.ต.อ.สุรเชษฐ์นับสิบล้านบาทนั้น ไม่น่าใช่เงินทุจริต

เพราะถ้าจะทุจริต เจ้าตัวคงไม่ยอมให้มีเงินไหลเข้าบัญชี

นี่คือ ป.ป.ช. พูดเองเออเอง แก้ตัวให้ผู้ถูกกล่าวหาเสร็จสรรพ มีหลักฐานเต็มข้อขนาดนี้ กลับวินิจฉัยให้ไม่เป็นหลักฐาน

สรุปว่าด้วยดุลพินิจของ ป.ป.ช. ถ้าไม่มีเงินตรงเข้าบัญชี คือไม่ผิด แต่ถ้ามีเงินเข้าบัญชี ก็จะบอกว่าไม่ผิดอีกนั่นแหละ

เมืองไทยจะปล่อยให้มีการใช้ตรรกะแบบศรีธนญชัย กันแบบไม่มีลิมิต คงจะไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม คดีเก่าของบิ๊กโจ๊ก ที่เคยถูกกล่าวหาไปรีดไถส่วยร้านคาราโอเกะทั่วอีสาน กำลังจะมีการปัดฝุ่นมาตรวจสอบกันใหม่

โดย พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รอง ผบก. กองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 ให้ตรวจสอบคดีส่วยคาราโอเกะใหม่ เพราะคดียังไม่หมดอายุความแต่อย่างใด

เมื่อดูจากคำให้การครั้งนั้นของบิ๊กโจ๊ก ก็จะเห็นข้ออ้างแปลกๆ หลายเรื่อง เช่น อ้างว่าตัวเอง “เงินเดือนน้อย ไม่พอใช้”
เลยได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจาก “เฮียแต๋ม อุดรฯ” มีเงินงอกขึ้นมาก็เพราะเฮียแต๋ม
ที่เฮียแต๋มเอาเงินให้ ก็เพราะเป็น “พ่อบุญธรรม” ของเขา

แต่พอโดนค้นบ้านแถวหลังสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี เมื่อปี 2566 บิ๊กโจ๊กอ้างว่าเฮียแต๋มเป็นเจ้าของบ้าน และแบ่งให้เช่า โดยความสัมพันธ์เป็น “ญาติ” กัน

และเขาก็เป็นตำรวจที่มีฐานะดี รวยเพราะเมีย ไม่ได้รวยเพราะมินนี่

----------------------------------------------------
**หมายเหตุ
แอป Sondhi App ดาวโหลดได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

**ขอแนะนำ ThaiTimesโซเชียลมีเดียของคนไทย
ไม่ปิดกั้นเนื้อหา - แชร์รูปภาพและวิดีโอ - ติดตามข่าวสารล่าสุด ได้อย่างอิสระ
มีให้ Download ได้แล้วทั้งในระบบ iOS และใน Android
iOS :https://apps.apple.com/th/app/thaitimes-social/id6502225132
Android :https://play.google.com/store/apps/details...
และhttps://thaitimes.co