xs
xsm
sm
md
lg

“สุรเกียรติ์” ก็รู้ เขมรเคลมเกาะกูดมานาน จนวันนี้ “ฮุนมาเนต” พูดชัด ไม่ใช่ของไทย “แม้ว” ตีมึนโบ้ยข่าวปลอม AI

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ย้อนดูข้อเขียน “ดร.สุรเกียรติ์” พูดเอง MOU44 เป็นสนธิสัญญา แต่ไม่ผ่านสภา จึงขัดรัฐธรรมนูญ ซ้ำตอนเซ็นรู้ด้วยว่าเขมรพยายามเคลมเกาะกูด แต่ทำใจเย็นอ้างการเรียกร้องสิทธิกับการมีสิทธิเป็นคนละเรื่อง แต่จนทุกวันนี้เขมรยังเคลมเกาะกูดไม่เลิก Khmer Times ตีข่าว “ฮุนมาเน็ต” พูดชัดเกาะกูดไม่ได้เป็นของไทย แต่ “ทักษิณ” ตีมึนโบ้ยเป็นข่าวปลอมจาก AI “ภูมิธรรม-อุ๊งอิ๊งค์” ยังตายใจว่าเขมรยอมแล้ว



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงข้อมูลเกี่ยวกับ MOU2544 อีกส่วนหนึ่งที่มาจากปากคำของ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร 1 ซึ่งเป็นผู้ลงนามใน MOU2544 ซึ่งชัดเจนว่าผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ใน มาตรา 224 วรรค 2 ซึ่งระบุชัดเจนว่า “หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา”

ลายเซ็น นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย กับ นายซก อาน รัฐมนตรีของกัมพูชา ใน MOU44
ทั้งนี้ ภายหลังจากการลงนามเอกสาร MOU ดังกล่าวในปี 2544 ซึ่ง นายสุรเกียรติ์ ยอมรับเองว่าซึ่งมีสถานะเทียบเท่ากับ “สนธิสัญญา ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969” แต่ขัดรัฐธรรมนูญไทย เพราะไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา


หลังจากนั้นประมาณ 10 ปี ใน เดือนพฤษภาคม 2554 นายสุรเกียรติ์ ก็ได้เขียนเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังของ MOU44 อย่างละเอียดลงใน จุลสารความมั่นคงศึกษา ฉบับที่ 92 โดยใช้หัวข้อว่า “พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา : ปัญหาและพัฒนาการ (Thai-Cambodian Maritime Overlapping Area : Problems and Development)” โดยจุลสารเล่มนี้มีบรรณาธิการชื่อ นายสุรชาติ บำรุงสุข และจัดพิมพ์โดยสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เพื่อออกมาแก้ต่างกรณีความอัปยศเรื่อง MOU2544


บทความของนายสุรเกียรติ์ในจุลสารความมั่นคงศึกษา ในส่วนที่ 4 หัวข้อใหญ่เรื่อง “ประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากบันทึกความเข้าใจฯ” หลังจากที่ นายสุรเกียรติ์ร่ายยาวชักแม่น้ำทั้งห้า บอกถึงประโยชน์ของ MOU44 แล้ว ในหน้าที่ 34 ของจุลสารเล่มนี้ นายสุรเกียรติ์ เขียนไว้ว่า “ในการเจรจาก่อนการจัดทำบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ฝ่ายกัมพูชาตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสจนถึงระดับสูงได้กล่าวถึง ‘เกาะกูด’ ว่าอย่างน้อย ‘กึ่งหนึ่งของเกาะกูด’ อยู่ในเขตแดนของกัมพูชา อยู่เนือง ๆ

แผนที่ในจุลสารความมั่นคงศึกษาหน้าที่ 2 ประกอบบทความของ นายสุรเกียรติ์
“มีครั้งหนึ่งในช่วงระหว่างการเจรจาบันทึกความเข้าใจนี้ ผู้เขียน (คือนายสุรเกียรติ์) เคยพูดกับผู้กำหนดนโยบายระดับสูงของกัมพูชาว่า ‘ถ้าเส้นเขตทางทะเลลากจากฝั่งและผ่ากลางเกาะกูดแล้ว ในทางปฏิบัติก็คงจะแปลกดี เพราะคนไทยขึ้นบนเกาะกูดจากฝั่งไทย ถ้าจะลงมาเล่นน้ำอีกฝั่งของเกาะต้องถือพาสปอร์ต (หนังสือเดินทาง) มาด้วย’

“และครั้งหนึ่งในการหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้กล่าวกับผู้เขียน (คือนายสุรเกียรติ์) ว่า ‘กัมพูชาจะยกเลิกข้อเรียกร้อง (Claims) ที่ถือว่าเกาะกูดเป็นของกัมพูชากึ่งหนึ่ง และถือว่าเกาะกูดเป็นของไทย คือ จะยกอธิปไตยเหนือเกาะกูดให้ไทย แต่อย่าเพิ่งประกาศ เพราะจะเกิดปัญหาทางการเมืองภายในกัมพูชาได้”

“แม้ผู้เขียน
(คือนายสุรเกียรติ์) จะเห็นว่า ข้อเรียกร้องเหนือเกาะกูดกึ่งหนึ่งนั้นจะไม่มีฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศรองรับ แต่ข้อเรียกร้องนั้นก็เป็นสิ่งที่สามารถเรียกร้องกันได้ เพราะในกฎหมายระหว่างประเทศ ‘การเรียกร้องสิทธิ’ กับ ‘การมีสิทธิ’ นั้นเป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้น ในการเจรจาระหว่างประเทศนั้น เมื่อคู่เจรจายอมถอนข้อเรียกร้องก็ย่อมถือเป็นสิ่งที่ดี ...” ?!?


ประเด็นคือสิ่งที่นายสุรเกียรติ์ออกมาสารภาพในบทความกรณีเขมรพยายามเคลมเกาะกูดระหว่างการเจรจา MOU44 นั้น มาถึงวันนี้ 20 กว่าปี จะเห็นว่าจุดยืนของเขมร ของนักการเมืองกัมพูชา ของผู้นำกัมพูชานั้นไม่เคยเปลี่ยน คือ “จะเคลมพื้นที่ของประเทศไทยให้มากที่สุด!” โดยไม่สนว่ากฎหมายสากล หรือ หลักเกณฑ์ กฎหมายระหว่างประเทศ หรือ การประกาศเขตไหล่ทวีป ตามบทบัญญัติแห่งกรุงเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ.1958 ใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งพิสูจน์ล่าสุดด้วยให้สัมภาษณ์ของ ฮุน มาเนต เมื่อเดือนที่แล้ว

ข่าวจาก KHMER TIMES
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โต้ข่าว เสีย “เกาะกูด” ให้ไทยไม่เป็นความจริง อ้างอยู่ระหว่างเจรจา ขอให้ประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นรัฐบาลไม่ยอมเสียดินแดน

“ผมจะไฮไลต์ให้ดูชัด ๆ เดี๋ยวจะหาว่าเป็น Fake News หรือ ข่าว AI สร้างมาหลอกลวง เหมือนที่นายทักษิณ ชินวัตร พยายามแก้ตัว

“Cambodian Prime Minister Hun Manet addressed concerns over the Koh Kood border dispute with Thailand, firmly stating that the Royal Government of Cambodia will not compromise the kingdom’s territorial integrity.”

“แปลเป็นไทยว่า “นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ได้เปิดเผยกับสื่อกัมพูชา แสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนเกาะกูด กับไทย โดยระบุอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาจะไม่ประนีประนอมบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักร”

“และอีกท่อนหนึ่ง “Regarding the Koh Kood issue, the premier clarified that negotiations between Cambodia and Thailand are ongoing, and no agreement has been reached. Thus, claims that Koh Kood has been lost to Thailand are unfounded.”


“แปลเป็นไทยว่า “สำหรับกรณีเรื่องเกาะกูดนั้น นายกฯ กัมพูชาชี้แจงว่า การเจรจาระหว่างกัมพูชาและไทยยังคงดำเนินอยู่ และยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ ดังนั้นการอ้างว่าเสียเกาะกูดให้ไทยนั้นไม่มีมูลความจริง …!?!”

“แล้วท่านผู้ชมว่า คำพูดฮุน มาเนต ที่ Kmher Times ลงนี่ AI ไหมครับ

“นี่คือที่บอกว่า ล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครเถียงว่าเกาะกูดไม่ใช่ของไทยไหม? “เกาะกูด” เป็นของไทยอยู่แล้วไม่มีประเด็นต้องเจรจาจริงไหม? กัมพูชาก็ไม่ได้สนใจเกาะกูดของเราอย่างนั้นหรือ?

“นี่แค่เรื่องเกาะกูดนะ พื้นที่แค่ 162 ตารางกิโลเมตร ยังไม่นับพื้นที่และเขตแดนทางทะเลอีกหลายหมื่นตารางกิโลเมตร ที่กัมพูชาเขาเคลมไปหมดแล้ว เพราะเขายืนยันจุดยืนของเขามาตลอดหลายสิบปี แม้แต่นายซก อัน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ลงนามร่วมกับสุรเกียรติ์ จะตายไปแล้ว แต่นักการเมืองเขมรยังคงจุดยืนในการเคลมของเขาอยู่ มีแต่นักการเมืองและคนขายชาติเท่านั้นในประเทศไทยที่กลับกลอก กลับไปกลับมา สับขาหลอกคนไทย น่าเสียดายที่คนไทยส่วนใหญ่เขาโง่พอ และก็เรื่องใหญ่ๆ ขนาดนี้ เขาไม่หลงเชื่อคุณง่ายๆ หรอก

“ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ต้องพูด นี่คือหลักฐานที่พิสูจน์ชัดเจน ฮุน มาเนต ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Khmer Times บอกว่าเกาะกูดเป็นของกัมพูชา แต่นักการเมืองไทย ตั้งแต่ทักษิณ ชินวัตร ภูมิธรรม เวชยชัย และอุ๊งอิ๊งค์ ยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย ไม่ต้องเจรจาแล้ว และเขมรยอมแล้ว ท่านผู้ชมคิดว่าใครโกหกใคร






“แล้วก็เคลียร์ชัดๆ เลยว่าไม่ได้ขายชาติ ท่านผู้ชมฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว ยิ่งตอกย้ำความจริงที่มีหนึ่งเดียวที่ผมพูดมาตั้งแต่ต้น และพวกเราเชื่อมาตั้งแต่ต้นว่าไปเซ็นทำไม MOU 2544 เพื่ออะไร ก็ในเมื่อเราใช้หลักการลากเส้นมัธยะแบ่งครึ่งพื้นที่ตามหลักกฎหมายทางทะเลสากล แล้วเราก็ยึดถือตรงนั้นไป เพราะเราไม่ผิด เกาะกูดเป็นของไทย ถ้าข้ามเข้ามารุกรานเราก็ต้องต่อสู้กลับไป แค่นั้นเอง ไปเซ็นทำไม MOU 2544 เซ็นแล้วมันก็ไม่ยอมรับว่าเกาะกูดเป็นของเรา แล้วไปเซ็นทำไม

“สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ทักษิณ ชินวัตร ภูมิธรรม เวชยชัย และลูกสาวทักษิณ ชินวัตร แพทองธาร ชินวัตร MOU 2544 นี้ ถ้าไม่ใช่ MOU ขายชาติ แล้วมันจะขายอะไร ท่านผู้ชมเข้าใจหรือยัง ผมไม่ต้องเถียง ผมเอาข้อเท็จจริงมาให้ดู”
นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น