“อาจารย์หมอธวัชชัย” เดินหน้าเปิดโปงพิรุธ “คดีแตงโม” พร้อมเป็นพยานในคดีที่จะรื้อฟื้นขึ้นใหม่ โดยเฉพาะประเด็นบาดแผลที่ขา มั่นใจไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ หวังให้ตำรวจได้คิดใหม่ ต่อไปจะทำสำนวนตามใจชอบ สร้างพยานหลักฐานให้เข้ากับพล็อตเรื่องที่วางไว้ไม่ได้ เพราะประชาชนจะจับตาดู ต้องทำตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ และหลักวิทยาศาสตร์ เท่านั้น
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ "แตงโม" อดีตดาราชื่อดัง ว่า จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง หลังเหตุการณ์ผ่านมา 2 ปี 9 เดือน เพราะแตงโมเหมือนหลานคนหนึ่ง เนื่องจากบิดาคือนายโสภณ พัชรวีระพงษ์ เคยเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาในการดูแลโรงพิมพ์ และเห็นแตงโมวิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ
“2 ปี 9 เดือนที่แล้ว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ในขณะที่ตำรวจบอกว่า น้องแตงโม ตกน้ำตายนั้น ผมเป็นคนโพล่งออกมา (ซึ่งผมโพล่งออกมาตอนนั้นก็ก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ จะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเสียด้วยซ้ำ และยังไม่รู้ว่าจะได้เป็นหรือเปล่า) ว่าน้องแตงโม ตายเพราะเป็นฆาตกรรมอำพราง” นายสนธิ กล่าว
จนกระทั่งต่อมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไปร้องเรียนและขุดคุ้ยเรื่องนี้ แล้วถูกตำรวจที่ทำคดีนี้ 21 คน ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท แต่ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้อง โดยคำพิพากษามีอยู่ตอนหนึ่งซึ่งสำคัญมาก ระบุว่า เนื่องจากว่าคดีนี้มีข้อบกพร่องและมีพิรุธหลายจุด การที่นายอัจฉริยะพูดเรื่องนี้ออกมา เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ตามสิทธิ ย่อมไม่เป็นการหมิ่นประมาท
“หลังจากนั้นแล้ว พออ่านคำพิพากษาแล้ว ก็มีข่าวลือ ข่าวเท็จ ใส่ร้ายท่านผู้พิพากษาท่านนี้ว่าถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเต็มไปหมด ตั้งไม่รู้กี่ข้อที่ผิดวินัย โน่นนี่นั่น แต่ปรากฏว่าพอเช็กแล้วไม่มี ผมไม่อยากจะพูดว่าเป็นฝีมือใคร แต่เอาเป็นว่าวันนี้ผมจะมาพูดเปิดใจกับท่านผู้ชม”
นายสนธิ กล่าวอีกว่าเงื่อนงำการเสียชีวิตของแตงโมนั้น ตนและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ข้อมูลจาก พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่เป็นพยานสำคัญ ทำให้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พ้นมลทินจากคดีที่ถูกตำรวจคณะทำงานชุดคลี่คลายคดี รวม 21 คน ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท
นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกจุดหนึ่ง เพราะนายอัจฉริยะ ได้ยื่นเรื่องไปที่อัยการนนทบุรี เพื่อส่งต่ออธิบดีอาญาของอัยการ 1 ให้รื้อฟื้นคดีการตายของแตงโมขึ้นมา หรือไม่ก็เพิ่มข้อหา เปลี่ยนข้อหาจากตกน้ำตาย กลายเป็นถูกฆาตกรรม
“ซึ่งเท่าที่ทราบมา ท่านอัยการสูงสุดมีความสนใจในเรื่องนี้่มาก ท่านอยู่แค่ปีเดียว ปีหน้า กันยายน ท่านก็ต้องไปแล้ว และท่านเป็นนักวิชาการ ท่านไม่มีอะไรผูกติดว่าท่านจะต้องอยู่อีก 2-3 ปี การตัดสินใจของท่านก็จะเป็นการดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า หมอธวัชชัยนั้น เดิมทีแม่ของแตงโม และทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ วางตัวไว้เป็นพยาน จึงทุ่มเทให้กับเรื่องนี้มาก เพราะรับไม่ได้กับการแถลงข่าวที่คลุมเครือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่มีจุดบกพร่อง น่าเคลือบแคลงสงสัย รวมไปถึงขัดกับหลักวิทยาศาสตร์อย่างร้ายแรงในหลาย ๆ ประเด็น
สำหรับประวัติคร่าวๆ ของ พันเอก นายแพทย์ ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ “อาจารย์หมอธวัชชัย” จบการศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์บัณฑิต ปี 2532 จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับใบอนุญาตเฉพาะทางสาขาศัลยศาสตร์ทั่วไป และศัลยศาสตร์ด้านอุบัติเหตุ ผ่านการอบรมด้านศัลยกรรมอุบัติเหตุมาจากหลายสถาบัน
ประวัติการทำงานเคยรับราชการอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า เคยเป็นอาจารย์เเพทย์ ทำงานจนตำแหน่งสุดท้ายเป็น รองผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน เป็น หัวหน้าภาคเวชศาสตร์ฉุกเฉินวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฏเกล้า กระทั่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการ (Early Retire) ออกมาแล้ว แต่ก็ยังเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลเอกชนอื่น ๆ อยู่ ยังไม่ได้ยุติบทบาทการเป็นแพทย์แต่ประการใด ซึ่งช่วงหลังก็มีใครไม่รู้ออกมาปล่อยข่าวว่าอาจารย์หมอโดนสอบเรื่องจรรยาแพทย์ จากแพทยสภา เพราะมายุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ ก็เป็นความเท็จทั้งสิ้น
นอกจากการทำงานในฐานะศัลยแพทย์จนทุกวันนี้ “อาจารย์หมอธวัชชัย” ยังเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้กับนักศึกษาร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมอุบัติเหตุตามสถานที่ต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ทำงานร่วมกับศัลยแพทย์ ระดับนานาอารยะประเทศ เคยไปเป็นวิทยากรร่วมกับ Dr.KENNETH MATTOX ปรมาจารย์ศัลยแพทย์ด้านอุบัติเหตุระดับโลก ณ การที่ประชุม มลรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกาด้วย
ครั้งหนึ่ง ในระหว่างงานสัมมนาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 500 คน จาก 15 ประเทศ “อาจารย์หมอธวัชชัย” ได้หยิบยกเรื่องบาดแผลในคดีของ “แตงโม” ขึ้นมาแจ้งในที่ประชุม ว่า เป็นบาดแผลที่ “แพทย์นิติเวช เมืองไทย” ระบุ “ถูกใบพัดเรือตัด” วันนั้นทุกคนหัวเราะ บางคนส่ายหัว ศัลยแพทย์บางรายถึงกับกุมขมับ เพราะไม่มีใครเชื่อว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามอย่างที่ “แพทย์นิติเวช ประเทศไทย” ออกมาฟันธง แต่อย่างใด
ความคิดเห็นของ “อาจารย์หมอธวัชชัย” ในคดีแตงโม ซึ่งเป็นข้อมูลทางเนคนิคซึ่งผู้พิพากษาไปรับเอาเข้าพิจารณาในสำนวนคดีหมิ่นประมาทในฐานะพยานปากสำคัญ ทำให้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พ้นมลทิน ซึ่งถ้าข้อมูลทางเทคนิคเหล่านี้ไม่ดีพอ ตนและนายปานเทพก็คงจะเพิกเฉย ไม่ออกมาเอาตัวเข้าแลกจากการโดนฟ้อง และอาจทำให้ตัวเองต้องติดคุกติดตะรางด้วยเช่นกัน
เรื่องที่หลายคนสงสัยว่า “อาจารย์หมอธวัชชัย” เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีแตงโม ได้อย่างไร?
-หลังเกิดเหตุแตงโมนั่งเรือตกน้ำเสียชีวิต ก็มีเพื่อน “อ.ธวัชชัย” ซึ่งเป็นตำรวจส่งภาพบาดแผลของแตงโม มาให้ดูเพื่อขอความเห็นว่า เป็นบาดแผลเกิดจากอะไร แล้ว “อ.ธวัชชัย” ก็ได้ยืนยันกับเพื่อนไปว่าไม่ใช่ใบพัดเรือ อย่างแน่นอน
-นอกจากเพื่อนคนนี้แล้ว ก็ยังมีคนรู้จัก inbox มาความเห็นเรื่องนี้จากหมอธวัชชัย ในลักษณะเดียวกันอีกหลายคน เพราะคนที่รู้ หรือพอจะมีความรู้ด้านบาดแผลส่วนใหญ่ เห็นพ้องตรงกันว่าเเผลที่ต้นขาขวาของแตงโมน่าจะมีปัญหา ไม่น่าจะตรงตามข่าวที่ตำรวจพยายามสื่อสารออกมา ให้แก่สาธารณะชนได้รับรู้ รับทราบกัน
กระทั่งเมื่อ วันที่ 7 มีนาคม 2565 และ วันที่ 10 มีนาคม 2565 หลัง “แตงโม” เสียชีวิตได้ประมาณ 2 สัปดาห์ “อาจารย์หมอธวัชชัย” เลยตัดสินใจโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบาดแผลในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อตอบข้อสงสัยให้หลาย ๆ คน ซึ่งกำลังงุนงง ได้ทราบไปพร้อม ๆ กัน
โดยโพสต์แรกให้ความเห็นในลักษณะที่ว่าแผลฉกรรจ์ที่ต้นขาขวาของแตงโมนั้น ทั้งตำแหน่งและบาดแผลไม่เข้ากันกับใบพัดเรือ ที่มั่นใจว่าแผลไม่ได้โดนใบพัดเรือ ก็เพราะบาดแผลยาว ดังกล่าวอยู่ใน “ตำแหน่งกายวิภาค” ที่ใบพัดเรือเข้าไม่ถึง
หลังจากอธิบายไปแล้วในโพสต์แรก อีก 3 วันต่อมาอาจารย์หมอธวัชชัย ก็ตัดสินใจโพสต์ข้อมูลตามทฤษฎีของต่างประทศ บรรยายเกี่ยวกับลักษณะของบาดแผล เป็นความรู้แบบวิทยาทาน โพสต์นี้ทำให้คนสนใจเยอะมาก
แม้กระทั่งสื่อมวลชนหลายสำนักยังให้ความสนใจ ติดต่อขอสัมภาษณ์ แต่หมอธวัชชัยไม่ต้องการชื่อเสียง ไม่สะดวกออกรายการใด ๆ จึงได้แต่ยืนยันกับสื่อมวลชนที่พยายามติดต่อไปขอสัมภาษณ์ว่า สามารถให้ข้อมูลได้ตามที่โพสต์ในเฟซบุ๊กเท่านั้น
หลังจากนั้น วันที่ 21 มีนาคม 2565 ก็มีนายตำรวจระดับสูง ที่เกี่ยวข้องกับคดีแตงโม ติดต่อหมอธวัชชัยเพื่อขอแลกไลน์ และขอความรู้เรื่องบาดแผล โดยนายตำรวจคนนั้น บอกข้อมูลว่าแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจยืนยันแล้วว่าบาดแผลของแตงโม เป็นบาดแผลจาก “ใบพัดเรือ” พร้อมมีการส่งคลิปจำลองบาดแผลกับใบพัด รวมถึงภาพและคลิปอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาอีกจำนวนมาก
ทันทีที่เห็นภาพ และคลิปดังกล่าว “อาจารย์หมอธวัชชัย” ก็เอะใจขึ้นว่า เหตุใดขั้นตอนการจำลองบาดแผลที่แพทย์นิติเวชของตำรวจ ปฏิบัติต่อร่างผู้เสียชีวิตนั้นจึงดูห่างไกลจากมาตรฐานสากลที่แพทย์ควรกระทำอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการนำใบพัดเรือลำที่เกิดเหตุมาเทียบกับขาของศพโดยต้องสงสัยว่าน่าจะมีการปนเปื้อน
เพราะการจำลองทำขึ้นโดยขาดหลักการ หรือแม้แต่สถานที่ที่ใช้ในการจำลองก็ดูกันดาร ฝ้าเพดาน มีรอยโหว่ หนำซ้ำยังมีรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ในสถานที่แห่งนั้น ซึ่งแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ ใช้เป็นแล็ปจำลองบาดแผลกันอีกด้วย
ตอนนั้น “อาจารย์หมอธวัชชัย” บอกกับทีมงาน พยายามทำความเข้าใจ ว่า บาดแผลจากใบพัดเรือ เคสแตงโม นี้ อาจเป็นกรณีแรกของโลก เพราะเมื่อพยายามสืบเสาะหาข้อมูลทางวิชาการทางแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้หลายแหล่ง ก็ยังไม่น่าจะตรงกับบาดแผลที่เกิดขึ้นบนร่างกายของแตงโม แต่อย่างใด
“อาจารย์ธวัชชัย” พยายามทำใจ เชื่อมั่นในกระบวนการทำงาน ของตำรวจภูธรภาค 1 ในขณะนั้น ด้วยการแสวงหาความรู้ด้านบาดแผลจากใบพัดเรือเพิ่มเติมอย่างเงียบๆ และ ไม่โพสต์ข้อมูลความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับคดีแตงโม อีกต่อไป ทั้งที่ห้วงนั้นสังคม และโลกโซเชียลมีเดีย กำลังมีความขัดแย้งกันอย่างหนักหน่วงตามสื่อออนไลน์ในทุกภาคส่วน
กระทั่งผ่านมาอีกราว 1 เดือน เมื่อวั นที่ 26 เมษายน 2565 ตำรวจภูธรภาค 1 จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าคดีแตงโม ซึ่ง “อาจารย์ธวัชชัย” ก็มีโอกาสได้ดูขั้นตอนการแถลงข่าวในวันนั้นด้วย จึงพบว่า ทางตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบคดี มีการนำหลักฐานทั้งภาพถ่าย และคลิปวีดีโอ ที่ตัวเองเคยเห็นผ่านบทสนทนากับนายตำรวจคนนั้นในแชตไลน์ มานำเสนอ
และที่ทำให้ “อาจารย์หมอธวัชชัย” รู้สึกว่า ตัวเองโดนหลอก ถูกปิดปากด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็คือประเด็นที่ทางตำรวจนำบาดแผลของผู้บาดเจ็บชาวต่างประเทศ ที่โดนใบพัดเรือปั่นขา มายกอ้างเทียบเคียง กับบาดแผลของ “แตงโม” !?!
ท้ายที่สุด ข้อมูลในวันนั้น ถูกชาวเน็ตและแพทย์ด้านศัลยกรรมหลายท่าน จับโป๊ะได้ว่า ภาพที่ตำรวจนำมากล่าวอ้างในวันแถลงข่าว แท้ที่จริงเป็นบาดแผล ของ “น.ส.เมซี่” นักศึกษาอายุ 21 ปี ที่ถูกมีดกรีดขาในงานเลี้ยง และสื่อที่ลงข่าวก็คือ The Sun ของอังกฤษ
จนอีก 2 วันต่อมา ตำรวจชุดเดิมต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวขอโทษสังคมกันพัลวัน!
พอรู้ตัวว่า ตัวเองถูกหลอกแน่ๆ ประกอบกับคดีนี้มีสิ่งไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นอยู่หลายประเด็น “อาจารย์ธวัชชัย” จึงเดินหน้าจับผิด ความวิปริตของกระบวนการพิสูจน์หลักฐาน และกระบวนการนำเสนอของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่เป็นชุดคลี่คลายคดีในวันที่แถลงข่าว แบบลงรายละเอียดไปทีละประเด็น ๆ
จนพบว่า ยังมีข้อบ่งชี้เรื่องสมมุติฐานความไม่เป็นธรรมในคดีอีกหลายประการ เช่น
แอนิเมชั่น ที่ทางตำรวจนำมาใช้ในการแถลงข่าว ก็ทำกันแบบลูบหน้าปะจมูก ผิดๆ ถูกๆ ไม่ตรงตามหลักสากลมีการจำลองการเกิดบาดแผลบริเวณต้นขาขวา ที่นำเอาร่างน้องแตงโมไปไว้ในลักษณะ ศีรษะหันทางหัวเรือ
แต่พออธิบายถึงบาดแผลที่ปลายขาทั้ง 2 ข้าง กลับเอาเท้าของผู้ตายชี้ไปทางหัวเรือซึ่งมันผิดหลักวิชาการอย่างสิ้นเชิง
หลังจากนั้น “อาจารย์ธวัชชัย” ก็เริ่มเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดีแตงโม อีกหลายครั้งด้วยการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแบบรัว ๆ ยืนยันว่า “แอนิเมชั่น” ที่ทางตำรวจภูธรภาค 1 นำออกมานำเสนอมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง โดยความตั้งใจตอนนั้นคืออยากให้แพทย์นิติเวช ที่รับผิดชอบเรื่องการชันสูตรศพและจำลองบาดแผล ออกมาเคลื่อนไหว หรือติดต่อ “อาจารย์ธวัชชัย” กลับมา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญอันเป็นข้อเท็จจริง
แต่การออกมาเคลื่อนไหวแบบถี่ยิบ ผ่านหน้าเฟซบุ๊กของ “อาจารย์หมอธวัชชัย” หลังจากนั้น กลับดูเหมือนว่า จะไม่ได้รับความสนใจใยดี จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานใด ๆ โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 1 ก็ไม่ได้ส่งใครเป็นตัวแทนติดต่อเข้ามาชี้แจงอีก
เมื่อ “อาจารย์ธวัชชัย” เห็นว่าในเวลานั้นเหลือเพียง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่กล้ายืนหยัดต่อกรกับฝั่งตำรวจและผู้ต้องหาบนเรืออย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุให้ “อาจารย์ธวัชชัย” ต้องเป็นฝ่ายติดต่อไปขอมอบข้อมูล หลักฐานตามหลักวิชาการให้นายอัจฉริยะ และทีมทนายความในตอนนั้น ด้วยตัวเอง โดยหวังเพียงแค่ว่าอยากทวงคืนความยุติธรรมให้แตงโม และ อยากทำเป็นบรรทัดฐานให้ตำรวจแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยความถูกต้องและสุจริตมากกว่านี้ ที่สำคัญก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับฝ่ายใด
จนข้อมูลและหลักฐานทางวิชาการ ของ “อาจารย์ธวัชชัย” ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่ทางคณะตำรวจ ชุดคลี่คลายคดีกับแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ อุปโลกน์ขึ้นเพื่อหลอกประชาชน ก็เกิดมีนัยสำคัญจนศาลท่านนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะบาดแผลของแตงโม จีพีเอสระบุทิศทางและเวลาเดินเรือลำที่เกิดเหตุ ข้อพิรุธของภาพถ่าย เรื่องเจ็ทสกี 4 ลำ และตัวละครปริศนาที่น่าจะเป็นผู้ร่วมกันวางแผนฆาตกรรมแตงโม ด้วยเหตุนี้ นายอัจฉริยะ จึงพ้นจากคดีที่ถูกนายตำรวจ ทั้ง 21 คน ฟ้องหมิ่นประมาท
กระทั่งในปีนี้ 2567 อาจารย์หมอธวัชชัยตัดสินใจส่งข้อมูลทาง Inbox มาที่เพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ และ เดินทางมาที่ “บ้านพระอาทิตย์” เพื่อมอบข้อมูลให้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคม 2567 “อาจารย์ธวัชชัย” เพิ่งถูกถอดออกจากการเป็นพยานโจทก์ร่วม ซึ่งก็คือ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ในคดีที่ร่วมกันฟ้อง นายแซน วิศาพัช กับพวก ซึ่งมี นายปอ และ นายโรเบิร์ต รับสารภาพไปแล้วโดยที่อัยการไม่อุทธรณ์ไปก่อนหน้านี้
“อาจารย์หมอธวัชชัย” และพยานปากอื่นๆ ถูกมองไร้ค่า ด้วยน้ำมือของ “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” และเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ที่ทำหนังสือยกเลิกการเดินทางไปเป็นพยานศาล เพียง 6 วัน ทั้ง ๆ ที่หลักฐานต่างๆ เตรียมไว้หมดแล้ว
“ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมเชื่อว่าทุกฝ่าย ทั้งผู้ต้องหา แม่แตงโม น่าจะตกลงกันเรื่องเงินเยียวยากันได้แล้วแบบเบ็ดเสร็จ ไม่อยากให้มีพยานคนไหนเข้ามาป่วน ทำให้เงินทองที่ได้รับกันไปเรียบร้อยแล้วนั้น ต้องมีปัญหาเกิดขึ้น
“แต่หลังจากนั้นผมก็เชื่อว่าอาจารย์พยานอย่างหมอธวัชชัยน่าจะได้นำหลักฐานสำคัญในมือไปยื่นในระบบให้การบนศาลในอีกหลายๆ คดีที่เกี่ยวกับแตงโม รวมทั้งคนที่ออกมาเรียกร้องหาความยุติธรรมให้แตงโม แล้วโดนเตะตัดขาด้วยการฟ้องปิดปาก
“ผมเองได้เจออาจารย์ธวัชชัยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผม อาจารย์ปานเทพ และทีมงาน เปิดอกคุยกับแก ถามกันตรงๆ ว่าทำไมถึงเข้ามายุ่งถึงคดีน้องแตงโม ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ หรือความเกี่ยวข้องเป็นญาติพี่น้องหรือเป็นเพื่อนหรืออะไรกับแตงโมเลยแม้แต่น้อย รวมทั้งกับคุณอัจฉริยะด้วย
“ผมถามอย่างนี้ครับ คดีน้องแตงโมนี่คุณหมอลงทั้งแรงกาย แรงใจ เวลา ความรู้ กำลังทรัพย์ เสี่ยงทั้งคดีความ เสี่ยงทั้งชีวิต อะไรเป็นแรงผลักดันให้อาจารย์ทุ่มเทในเรื่องนี้ทั้งหมด
“อาจารย์ธวัชชัย ตอบว่า คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง ผมอยากให้ตำรวจคิดใหม่ว่า ต่อไปการทำสำนวนตามใจชอบ โดยคิดพล็อตเรื่องขึ้นมาแล้วเอาหลักฐานพยานมาประกอบ เพื่อให้สมกับพล็อตเรื่องที่คิดขึ้นมา ต่อจากนี้ไปจะทำไม่ได้แล้ว เพราะประชาชนจะจับตาดูว่าคุณทำอะไรต้องทำตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ และหลักวิทยาศาสตร์ เท่านั้น คุณจะคิดเรื่องขึ้นมาแล้วหาพยาน เอาเส้นผมมาตัดต่อ แล้วใส่เข้าไปในพล็อตเรื่อง เพื่อให้พล็อตเรื่องมันสมบูรณ์ ทำไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้น (อาจารย์ธวัชชัยพูด) สิ่งนี้ที่ผมทำ ไม่ได้ทำเพื่อแตงโมแล้วนะครับ ผมทำเพื่อให้ระบบมันถูกต้อง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ หลักความเป็นจริง
“ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติครับ คุณกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ฟังตรงนี้ให้ดีๆ นะครับ สิ่งที่ผมทำไม่ได้ทำเพื่อแตงโมแล้วนะครับ ผมทำเพื่อให้ระบบมันถูกต้อง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ หลักความเป็นจริง" นายสนธิกล่าว