นายแพทย์ เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์เตือนภัย 5 กลุ่มที่ห้ามนวดเด็ดขาด อาจทำให้เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่นักร้องสาว "ผิง ชญาดา กีตาร์เรคคอร์ด" เสียชีวิตเนื่องจากไปนวดแล้วหมอนวดบิดที่คอ ได้รับผลกระทบต่อร่างกายถึงขั้นขยับตัวไม่ได้ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (9 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก "หมอเจด" นายแพทย์ เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้โพสต์เตือนภัย 5 กลุ่มที่ห้ามนวดเด็ดขาด โดยระบุว่า “การนวดแผนโบราณหรือการนวดไทยถือเป็นเรื่องที่คู่กับคนไทยเลยนะครับ และยังเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนวดผ่อนคลาย นวดเพื่อสุขภาพ หรือแม้แต่นวดรักษาอาการบางอย่าง แต่รู้ไหมครับว่า การนวดก็ไม่เหมาะกับทุกคน เพราะบางกลุ่มอาจเจอปัญหาหนักกว่าเดิมแทนที่จะหายปวด วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังว่าใครบ้างที่ไม่ควรไปนวด 5 กลุ่มที่ว่ามีอะไรบ้างมาดูเลย
1. คนที่มีปัญหากระดูกบางหรือกระดูกพรุน
ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวเป็นคนที่กระดูกไม่แข็งแรง เช่น กระดูกบาง หรือกระดูกพรุน กลุ่มนี้ต้องเลี่ยงการนวดเลยครับ เพราะกระดูกจะเปราะแตกง่าย การนวดที่ใช้แรงเยอะ กดจุด หรือดัดตัว อาจทำให้กระดูกหักโดยที่เราไม่รู้ตัว
ยิ่งถ้าคุณเป็นผู้สูงอายุที่เริ่มมีปัญหากระดูกพรุน แต่รู้สึกปวดเมื่อย อยากไปให้หมอนวดช่วยคลายความปวด ระวังให้ดีครับ เพราะการนวดแรงๆ ที่เราคิดว่าจะช่วยให้ดีขึ้น อาจกลายเป็นเพิ่มความเจ็บหนักกว่าเดิม จนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลกันเลย ถ้ารู้ตัวว่ามีปัญหากระดูกบาง ควรหลีกเลี่ยงการนวดแบบหนักๆ และปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางรักษาที่ปลอดภัยจะดีกว่าครับ
2. คนที่เป็นมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระจายไปกระดูก
คนที่เป็นมะเร็งหรือกำลังอยู่ในช่วงรักษา อาจรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวจนอยากหาวิธีผ่อนคลายด้วยการนวด แต่รู้ไหมครับว่า คนที่มะเร็งกระจายไปกระดูก หรือกำลังรับเคมีบำบัดไม่ควรนวดเด็ดขาด เพราะการนวดแรงๆ หรือกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองในร่างกาย อาจทำให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้
นอกจากนี้ คนที่มะเร็งลุกลามไปกระดูกแล้ว บริเวณนั้นมักจะอ่อนแอเป็นพิเศษ การกดนวดหรือดัดบริเวณนั้นอาจทำให้เกิดอาการปวดหนักกว่าเดิม และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น กระดูกแตกร้าวหรือการติดเชื้อในกระดูกได้ ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังรักษามะเร็ง ให้หลีกเลี่ยงการนวดทุกชนิดครับ
3. คนที่กินยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด
สำหรับคนที่กินยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน หรือยากลุ่มวาร์ฟาริน ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะการกินยากลุ่มนี้ทำให้เลือดออกง่ายกว่าปกติ และหยุดเลือดยาก ถ้าระหว่างการนวดเกิดแรงกระแทกหรือกดจุดแรงๆ จนเส้นเลือดฝอยแตก อาจเกิดรอยฟกช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวหนังที่ร่างกายจัดการเองไม่ได้
ในบางกรณี ถ้าเลือดออกเยอะจากแรงกดหรือการใช้อุปกรณ์ช่วยนวด เช่น ไม้กดจุด อาจต้องเข้าโรงพยาบาลได้เลยนะ ถ้าคุณเป็นแบบที่ผมบอก อย่าลืมบอกหมอนวดทุกครั้งว่าเรากินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ และเลือกนวดแบบเบาๆ เพื่อความปลอดภัยครับ
4. คนท้อง
คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนอาจปวดเมื่อยเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลัง ปวดขา หรือปวดเอว บางคนอยากหาวิธีบรรเทาอาการด้วยการนวด แต่จริงๆ แล้วคนท้องต้องระวังการนวดมากๆ เพราะการกดจุดบางจุด เช่น บริเวณเท้า หลังส่วนล่าง หรือท้อง อาจกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้
ถ้าคุณแม่อยากนวดจริงๆ ควรเลือกหมอนวดที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลคนท้อง และหลีกเลี่ยงการกดจุดแรงๆ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกและช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ ที่ร่างกายมีความอ่อนไหวสูงสุดครับ
5. คนที่มีอาการติดเชื้อหรือมีไข้
คนที่กำลังมีไข้ หรือติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด ไข้เลือดออก ลําไส้อักเสบ หรือไข้จากการติดเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ควรพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการนวดครับ เพราะการที่เราไปทําแบบนี้จะกระตุ้นให้เกิดเรื่องของการอักเสบมากยิ่งขึ้นด้วยนะครับ เพราะการนวดอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายในระบบต่างๆ ของร่างกายได้
ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น คนที่ไข้เลือดออก อาจมีอาการปวดเมื่อยตัว จนหลายคนอยากไปนวดเพื่อบรรเทา แต่การนวดอาจทำให้เส้นเลือดฝอยแตกง่ายกว่าเดิม และเสี่ยงต่อการตกเลือดได้ ซึ่งอันตรายถึงชีวิต ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวมีไข้ ควรรักษาให้หายก่อน แล้วค่อยพิจารณาการนวดเมื่อสุขภาพกลับมาดีอีกครั้งครับ
การนวดแผนโบราณเป็นศาสตร์ที่ช่วยผ่อนคลายและฟื้นฟูสุขภาพได้ดี ถ้าทำอย่างถูกต้องและเหมาะสม แต่สำหรับคนใน 5 กลุ่มที่พูดมา การนวดอาจไม่ปลอดภัย ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ ลองหาวิธีผ่อนคลายหรือรักษาอาการปวดที่เหมาะสมกว่าครับ หรือปรึกษาหมอดูนะครับ อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะครับ”
คลิก>>>อ่านโพสต์ต้นฉบับ