ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโต้หมอ 14 องค์กร จี้สภาผู้แทนฯ ทบทวนนโยบายแบนบุหรี่ไฟฟ้า หวังยึดหลักฐานวิทยาศาสตร์ทั่วโลก และตรวจสอบขบวนการ NGO ดิสเครดิต กมธ. หวังผลแบนต่อไม่ฟังเสียงผู้แทนประชาชน
กลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่บุคลากรทางการแพทย์และองค์กรสาธารณสุขบางส่วนยังคงยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และคัดค้านการทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ย้ำ NGO ต้องเคารพความเห็นของ ส.ส. และสภาที่เป็นผู้แทนของประชาชน เพราะบุหรี่ไฟฟ้าถูกใช้ทั่วไปในสังคมไทยแม้ยังติดแบนแถมไร้การควบคุม
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เจ้าของเพจมนุษย์ควัน ตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าและยาสูบแบบใช้ความร้อนในประเทศไทย กล่าวว่า “เราขอตั้งคำถามว่าทำไมหน่วยงานรัฐบางส่วนยังคงยึดติดกับข้อมูลที่ล้าสมัยอยู่ ทั้งที่งานวิจัยจากทั่วโลกหลายชิ้นได้แสดงให้เห็นแล้วว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนอย่างชัดเจน และบุหรี่ไฟฟ้าและยาสูบให้ใช้ความร้อนก็ถูกกฎหมายใน 80-90 ประเทศทั่วโลก”
“การห้ามบุหรี่ไฟฟ้าโดยสิ้นเชิงไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใหญ่ที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์นี้เพื่อลดอันตรายต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการผลักดันให้ผู้สูบบุหรี่รายเดิมกลับไปสูบบุหรี่มวน ซึ่งมีอันตรายร้ายแรงกว่ามาก”
ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้นำเสนอข้อมูลและสถิติจากองค์กรสาธารณสุขระดับโลก เช่น สถาบันมะเร็งอังกฤษที่ยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนช่วยให้ผู้สูบบุหรี่เลิกบุหรี่ได้สำเร็จ และมีสารพิษที่เป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ายังได้ยกตัวอย่างประเทศที่อนุญาตให้บุหรี่ไฟฟ้าหรือยาสูบแบบใช้ความร้อนถูกกฎหมายและมีการควบคุมอย่างเข้มงวด เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ ซึ่งพบว่าอัตราการสูบบุหรี่ในประชากรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
“เราขอเรียกร้องให้ สส. และรัฐสภาไทยทบทวนนโยบายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าโดยด่วน และนำข้อมูลจากต่างประเทศมาใช้ประกอบการศึกษาและทำรายงานเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อนำข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์มาใช้ในการกำหนดนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และน่าจะมีการตรวจสอบกลุ่มเครือข่าย NGO ที่วิ่งเต้น จัดงานอีเวนท์ งานแถลงข่าวรายวัน กดดันเพื่อไม่ให้สภารับรองรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญบุหรี่ไฟฟ้า ด้วยเช่นกัน”
“การห้ามบุหรี่ไฟฟ้าโดยไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ เป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน ส่งเสริมให้เกิดตลาดมืด ซึ่งจะทำให้เยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่ายยิ่งขึ้น”
สุดท้ายนี้ นายสาริษฏ์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “การเปิดเสรีแก่ผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพอื่นๆ ในไทย ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายและไร้ซึ่งการจัดระเบียบการใช้งาน นี่คือผลเสียของการเปิดเสรี ซึ่งต่างจากสิ่งที่ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเรียกร้อง สิ่งที่เราเรียกร้องคือการยกเลิกแบน และสร้างกฎหมายขึ้นมาควบคุมการซื้อ ขาย และใช้งาน ที่จะทำให้การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในไทยเป็นระเบียบมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยในภาพรวม และปกป้องเยาวชน ตรงข้ามกับในปัจจุบันที่ควบคุมอะไรไม่ได้เลยซึ่งใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อปัญหาความเจ็บป่วย การเสียชีวิต และการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เกิดจากการแบนบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบัน”