ช่างศูนย์เบนซ์เผยรถ “พี่อ้อย” ถูกแอบติด GPS จากภายนอก ไม่ใช่ที่ศูนย์ฯ เพราะ “ทนายตั้ม” ซื้อจากเกรย์มาร์เกต ระบุหากติดตั้งที่ศูนย์ฯ ต้องมีชื่อผู้ใช้ตรงกับเจ้าของรถ แต่กรณีนี้กลับเป็นชื่อทนายตั้ม แถมระหว่างตัดสัญญาณพบภรรยาทนายตั้มเข้ามาดูพิกัดรถ ตำรวจเรียกช่างมาเป็นพยานแล้ว
จากกรณี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส แจ้งความดำเนินคดีต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทั้งหมด 4 คดี คือ ฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาทในการทำแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์, หลอกให้โอนเงิน 39 ล้านบาท อ้างว่าเพื่อชดเชยความเสียหายจากการโอนเงินคริปโตฯ แทนพี่อ้อย, ฉ้อโกงเงินส่วนต่างค่าซื้อรถเบนซ์ G400d 1.5 ล้านบาท, ฉ้อโกงค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาทนั้น ต่อมายังมีความน่าสงสัยกรณีการติดตั้ง GPS ที่รถเบนซ์ G400d ซึ่งทนายตั้มเป็นคนติดเอง โดยในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อนายษิทรา ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่านายษิทราและภรรยาเคยแอบดูข้อมูลการเดินทางของรถเบนซ์คันดังกล่าวของพี่อ้อยด้วย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา รายการทุบโต๊ะข่าว ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ลูกน้องของพี่อ้อยได้นำรถเบนซ์คันดังกล่าวไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการแห่งหนึ่งบนถนนพระรามที่ 3 พบว่ารถมีการติดตั้ง GPS ติดตามรถคันนี้ นายษิทราอ้างว่าได้มาจากบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่ต่างประเทศ เนื่องจากรถรุ่นนี้หายาก จึงต้องไปซื้อที่ตลาดผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เกต เพื่อให้พี่อ้อยใช้ เมื่อนำรถไปที่ศูนย์บริการที่ถนนพระรามที่ 3 ซึ่งไม่ใช่ศูนย์ที่ซื้อ เพื่อตรวจสภาพหลังจากได้รับรถคืนจากทนายตั้มและพบว่าเลขไมล์รถสูงหลักหมื่นกิโลเมตร ปรากฏว่าพนักงานแจ้งว่ารถคันนี้ติดตั้ง GPS โดยที่ลูกน้องของพี่อ้อยไม่เคยทราบมาก่อน
นอกจากนี้ ช่างที่ศูนย์ฯ ยังแจ้งว่ามีคนล็อกอินเข้ามาดูระบบด้วย ลูกน้องพี่อ้อยจึงแจ้งให้ช่างช่วยตัดระบบการเชื่อมต่อทั้งหมด รวมทั้งอินเทอร์เน็ตภายในรถออกเพื่อไม่ให้ถูกติดตาม และช่วยเอา GPS ที่ถูกติดในตัวรถยนต์ออก เพราะ GPS ตัวนี้จะไปแจ้งตำแหน่งในมือถือของนายษิทรา ช่างจึงจัดการให้ และกล่าวว่า ตอนนี้ตัดอินเทอร์เน็ตทั้งหมดแล้ว ข้อมูลจะไม่ถูกส่งออกไป นอกจากนี้ยังให้ดูหน้าจอของระบบ พบว่าขึ้นเป็นสีเขียวขณะตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต
เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์กล่าวว่า ปกติรถเบนซ์จะมีซอฟต์แวร์ที่ติดมากับตัวรถอยู่แล้ว ถ้ารถที่ซื้อมาจากโชว์รูมจะต้องลงทะเบียนขออนุญาตในการใช้ GPS กับทาง กสทช. หากไม่ลงทะเบียนจะไม่สามารถใช้งานในไทยได้ ตามโลเกชันไม่ได้ รวมทั้งการสร้างไอดี ต้องให้ทางศูนย์บริการเป็นคนเปิดเท่านั้น ลูกค้าไม่สามารถเปิดเองได้ ซึ่งต้องใช้บัตรประชาชนและเล่มทะเบียนรถที่มีชื่อตรงกันจึงสามารถเปิดแอปพลิเคชันได้ ซึ่งมีมาตรฐานความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งการลงทะเบียนต้องผ่านหลายขั้นตอน แต่รถพี่อ้อยที่ทนายตั้มซื้อมานั้นมาจากบริษัทนำเข้า หรือเกรย์มาร์เกต ต้องติดตั้ง GPS กับบริษัทภายนอกเอง ซึ่งคนที่ทำสัญญาคือนายษิทรา เป็นส่วนที่ติดตั้งเพิ่ม จึงได้ทำการปิดสวิตช์และตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั้งคัน ไม่เช่นนั้นระบบ GPS ยังคงทำงานและบอกพิกัดอยู่ คาดว่านายษิทราแอบติด GPS มากกว่า
จากการสอบถามช่างระบุว่า นายษิทราซื้อรถเมื่อเดือน ส.ค. 2566 และติดตั้ง GPS ชื่อผู้ลงทะเบียนในระบบคือนายษิทรา ปรากฏว่าเดือน ก.ย. 2567 หลังจาก น.ส.จตุพรแจ้งความต่อตำรวจ สภ.ปากช่องแล้ว มีการเคลื่อนไหวเข้ามาดู GPS ใช้บัญชีนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา จึงทำการปิดสัญญาณเพื่อไม่ให้ติดตามรถได้ และตำรวจได้เรียกช่างศูนย์รถเป็นพยานแล้ว
นายสุรมิตร เจริญงาม ผู้เชี่ยวชาญรถเบนซ์ ระบุว่า รถเบนซ์ทุกรุ่นมี GPS ติดมาอยู่แล้ว เป็นฟังก์ชันพื้นฐาน ล็อกอินผ่านโทรศัพท์มือถือ แอปพลิเคชัน Mercedes me Connect สามารถตรวจสอบการบริการ สถานะการจอง การใช้งานตัวรถ เหมือนตัวรถยุคใหม่ที่ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารกับตัวรถได้ เช็กสถานะเปิด-ปิดการใช้งานต่างๆ ได้ ซึ่งจะถูกควบคุมจากเจ้าของรถ การที่เจ้าของจะล็อกอิน GPS ถ้าซื้อจากโชว์รูมต้องมีเอกสารประกอบยืนยัน ถ้าจะให้บุคคลอื่นล็อกอินต้องมีเอกสารตามขั้นตอน การติด GPS บนรถของพี่อ้อยแล้วให้คนอื่น คือนายษิทราถือบัญชีในการเปิดดู GPS ได้ น่าจะติดจากข้างนอก ไม่ได้มาจากศูนย์รถฯ อย่างแน่นอน ไม่สามารถควบคุมตัวรถได้ แล้วแต่วัตถุประสงค์ในการติดตั้ง เช่น เพื่อให้รู้ตำแหน่งว่ารถคันนี้อยู่ที่ไหน ส่งแจ้งเตือนทุกครั้งที่เคลื่อนที่ ให้บันทึกเสียงภายในตัวรถ ฯลฯ