xs
xsm
sm
md
lg

สำนักงาน คปภ. โดยศูนย์ CIT เผยผลสำเร็จการจัดงาน “InsurTech Summit 2024”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สำนักงาน คปภ. โดยศูนย์ Center of InsurTech, Thailand (CIT) ประกาศความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของงาน “InsurTech Summit 2024” ภายใต้หัวข้อ “พลิกโฉมประกันภัยสู่เครือข่ายสากล: Shaping Insurance, Building Community” ณ C Asean Ratchada อาคาร CW

โดยงานนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมประกันภัยกว่า 400 คนจากทั่วเอเชีย ที่มาร่วมอัปเดตเทรนด์ ปลดล็อกมุมมอง และปฏิวัติวงการประกันภัยแบบเจาะลึก ผ่าน 10 หัวข้อเสวนาจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 ท่าน พร้อมด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำจากบริษัทผู้พัฒนา InsurTech กว่า 30 บูท เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

InsurTech Summit 2024 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ที่ถือเป็นครั้งแรกของการขยายรูปแบบงานสู่ B2B ทั้งนี้ งานได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากบริษัทประกันภัยและบริษัทที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของ InsurTech โดยภายในงาน บริษัทประกันภัยได้มีโอกาสพบปะกับผู้พัฒนา InsurTech และได้เห็นโซลูชันใหม่ๆ จากทั่วเอเชีย ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและ Supply Chain ของระบบประกันภัย

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้กล่าวในการบรรยายหัวข้อ “Regulation for the Insurance Ecosystem” โดยสำนักงาน คปภ.มุ่งมั่นผลักดันนโยบาย Insurance Community เพื่อให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านประกันภัยในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ความก้าวหน้าด้านการลงทุนกรมธรรม์ หรือการพัฒนาธุรกิจประกันภัยเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมจะทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน InsurTech ในอาเซียน เราเล็งเห็นว่าธุรกิจประกันภัยของไทยมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนาดเล็กที่มีจำนวนมาก สำนักงาน คปภ. ในฐานะผู้ควบคุม (Regulator) จึงมีหน้าที่ส่งเสริมให้ธุรกิจทุกขนาดเติบโตไปพร้อมกัน ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัย

ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ.ได้ริเริ่มและส่งเสริมการใช้ Open Insurance และ Open Data เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล เชื่อมโยงภาคประกันภัยกับภาคส่วนอื่นๆ เช่น ภาคการเงิน (ธนาคารแห่งประเทศไทย) และภาคตลาดทุน (ก.ล.ต.) อย่างเป็นระบบภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ในส่วนของ Open Insurance เราได้มีการใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่าง คปภ. บริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัย ที่ช่วยให้บริษัทประกันภัยเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ลดต้นทุน และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ยิ่งไปกว่านั้น สำนักงาน คปภ.ตั้งเป้ายกระดับศูนย์ CIT ให้เป็น Innovation Center เพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมและพัฒนา InsurTech โดยรวบรวมองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านประกันภัยไว้ในที่เดียว พร้อมสนับสนุนการทดสอบนวัตกรรมผ่าน Sandbox ทั้งสำหรับองค์กรภายในและภายนอก เพื่อเร่งให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี พลิกโฉมวงการประกันภัย และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน

นายชูฉัตรกล่าวทิ้งท้ายว่า "เทคโนโลยี คือ กุญแจสำคัญในการขับเคลื่อน สร้างการเติบโต และยกระดับประสบการณ์ของประชาชน โดย คปภ.พร้อมเดินหน้าเคียงข้าง สนับสนุน และเรียนรู้ไปพร้อมกับทุกภาคส่วน เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยไทย"

นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการด้านกำกับธุรกิจประกันภัย สำนักงาน คปภ. กล่าวบรรยายในหัวข้อ “Evolving Standards: Navigating New Regulations in Thailand's Insurance Sector” เผยถึง 5 แผนยุทธศาสตร์หลัก ในการเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยไทยสู่ยุคดิจิทัล เพื่อรับมือความท้าทายและความเสี่ยงในอนาคต ประกอบด้วย 1) EWS: ตัวชี้วัดเพื่อเพิ่มความโปร่งใส: เปิดตัวระบบ EWS (Early Warning System) เครื่องมือประเมินความเสี่ยงเชิงลึก แสดงภาพรวมธุรกิจ ฐานะการเงิน และความพร้อมรับมือความเสี่ยง โดย คปภ.พร้อมที่จะแชร์ข้อมูลให้ภาคธุรกิจเพื่อให้เห็นภาพรวมและประเมินความเสี่ยงได้ตรงกัน 2) บริหารความเสี่ยงเชิงรุก รับมือภัยคุกคาม: เน้นย้ำความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง พร้อมกำหนดให้บริษัทประกันภัยจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง โดย คปภ.อยู่ระหว่างพิจารณานำเทคโนโลยี AI มาช่วยตรวจจับและแจ้งเตือนเพื่อให้การกำกับดูแลครอบคลุม 3) ESG: มาตรฐานสากล สร้างความยั่งยืนกำหนดมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูล ESG เพื่อความโปร่งใส และยกระดับอุตสาหกรรมประกันภัยไทยสู่มาตรฐานสากล 4) เตรียมออกกฎเกณฑ์เพื่อรองรับการขยายตัวของเครือข่ายธุรกิจประกันภัยและความซับซ้อน เพื่อกำกับดูแล ป้องกันความเสี่ยง และสร้างความมั่นคง 5) Digital Ecosystem: แผนการพัฒนา และยกระดับบริการด้านต่างๆ สู่ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย เช่น การผลักดันกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (E-policy) การพัฒนา พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ สู่ระบบดิจิทัลครบวงจร การปรับปรุงขั้นตอนการขึ้นทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์ และอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพัฒนาระบบสารสนเทศฉบับที่ 4 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้าง Digital Ecosystem เชื่อมโยงข้อมูล และส่งเสริมธุรกิจประกันภัยสู่ยุคดิจิทัล และสุดท้าย นายอาภากรยังได้ประกาศเตรียมเปิดตัว InsurMall ศูนย์รวมประกันภัยออนไลน์ ที่เปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้าที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ประกันภัยจากหลากหลายบริษัทไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อประกันออนไลน์ และคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้

สำหรับการจัดงาน InsurTech Summit 2024 ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่เป็นงานแสดงเทคโนโลยี แต่ยังเป็นเวทีสำคัญในการสร้างเครือข่าย เปิดโอกาสให้บริษัทประกันภัยและบริษัทเทคโนโลยีได้เจรจาธุรกิจ (Business Matching) เพื่อร่วมมือและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จุดประกายความคิด และสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้าน InsurTech ในระดับภูมิภาค








กำลังโหลดความคิดเห็น