ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งประกาศตามหาเจ้าของมือถือในกลุ่มซื้อขายโทรศัพท์มือถือมือ 2 ปรากฏว่าพอส่งมอบกลับเป็นผู้ชาย อ้างว่าซื้อต่อมาแล้วขายในราคา 10,000 บาท พอถึงตำรวจยอมคืนเฉยเลย ที่แท้คนโพสต์กับโจรคือคนคนเดียวกัน มือถือโดนขโมยจากรีสอร์ตที่ชลบุรี ถูกตำรวจ สน.ท่าข้ามดำเนินคดี
วันนี้ (20 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง (ขอสงวนชื่อและนามสกุล เนื่องจากเป็นชื่อปลอม) โพสต์ข้อความในกลุ่มเฟซบุ๊ก "ซื้อขาย โทรศัพท์มือถือมือ 2 ราคาถูก ทุกรุ่น" ซึ่งมีสมาชิก 6.6 แสนคน เมื่อเวลา 18.52 น. วันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า "มีใครรู้จักเจ้าของเครื่องคนนี้มั้ย ทำเครื่องตกหายรึป่าวน้าาา" พร้อมภาพโทรศัพท์มือถือ ซึ่งพบว่าติดภาพล็อกหน้าจอ และมีข้อความว่า "ไม่มีซิม"
ต่อมาเวลา 19.59 น. วันที่ 18 พ.ย. ได้มีผู้แสดงตนเป็นเจ้าของโทรศัพท์คอมเมนต์ว่า "เราเป็นเจ้าของโทรศัพท์เอง รบกวนตอบแชตทีนะคะ" เจ้าของโพสต์จึงได้เข้าไปคอมเมนต์ และได้โพสต์เมื่อเวลา 21.03 น. ระบุว่า "ได้คุยกับทางเจ้าของเรียบร้อยแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เป็นกระบอกเสียงให้ค่ะ"
กระทั่งเวลา 23.48 น. วันที่ 18 พ.ย. ผู้แสดงตนเป็นเจ้าของโทรศัพท์ทราบภายหลังคือแฟนเจ้าของโทรศัพท์โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า "ได้โทรศัพท์คืนแล้วนะคะ โทรศัพท์ไม่ได้ทำหล่นหายที่ไหน โดนขโมยไปค่ะ ขอบคุณคนที่ช่วยเหลือนะคะ"
และเวลา 00.34 น. วันที่ 19 พ.ย. เจ้าของโทรศัพท์โพสต์ข้อความระบุว่า "เลิกถกเถียงกันแล้วครับ ผมคือเจ้าของโทรศัพท์เครื่องในภาพครับ เรื่องคือโทรศัพท์เครื่องในภาพถูกขโมยไปจากรีสอร์ตที่ชลบุรี วันที่ 17 พ.ย. เวลา 05.07 น.ครับ ตอนนี้เจ้าของโพสต์ถูกดำเนินคดีเบื้องต้นรับซื้อของโจร เพราะผมได้แจ้งไปก่อนนัดเจอกันแล้วว่าโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวถูกขโมยมา และผมได้แจ้งความไว้แล้ว แต่ผู้โพสต์ยืนยันว่าซื้อต่อมาแล้วจะขายให้ผมในราคา 10,000 บาท แต่ไม่ยอมบอกที่ตั้งต้นว่าได้มาจากที่ไหน" และว่า "ส่วนบุคคลอื่นที่แสดงความคิดเห็นต่างๆ ก็ขอให้จบกันไปนะครับ ถ้าเป็นคนดีคงไม่ซื้อโทรศัพท์ที่ล็อกรหัสซึ่งเด็กที่ไหนก็รู้ว่าแบบนี้น่าสงสัย แต่เมื่อคุณรู้แล้วเอาเวลาไปทำเรื่องที่สำคัญกว่าในชีวิตคุณดีกว่า ละครเรื่องชาวบ้านจบลงแล้ว ส่วนใครที่ยังคาใจอยู่เชิญได้เลยครับ สน.ท่าข้าม เขารอคุณอยู่ ไปได้เลยครับ"
ปรากฏว่าต่อมาเจ้าของโพสต์มีการคอมเมนต์ว่า "อ่าวแฟนหนูโดนจับแล้วเหรอคะ" "ไม่รู้ความเลย" "สน.ไหนคะ" "หนูก็รอแฟนมานานมากเลย" "ติดต่อก็ไม่ได้" "หนูมาด้วยความหวังดีนะคะทุกคน" จากนั้นได้โพสต์ข้อความตัดพ้อ วันที่ 19 พ.ย. เวลา 00.41 น. ระบุว่า "หนูปรารถนาดีเลยนะคะ ถ้าไม่ปรารถนาดีหนูคงไม่มาโพสต์หาเจ้าของเครื่องเลยนะคะ"
วันที่ 19 พ.ย. เวลา 00.44 น. ระบุว่า "ถ้ารู้อย่างนี้คงไม่มาหวังดีโพสต์หาเจ้าของเครื่องแล้วค่ะ" และ "เสียความรู้สึกมากๆ เลย"
วันที่ 19 พ.ย. เวลา 00.53 น. ระบุว่า "หนูก็มีภาระหนี้สินเหมือนกัน รายได้ไม่เยอะด้วย มาทำอย่างนี้กับพวกหนู หนูไม่โอเคเลยรู้งี้ไม่โพสต์ก็จบเรื่องละ เครียดมากเลยติดต่อแฟนไม่ได้เลยอยู่ไหนไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง"
วันที่ 19 พ.ย. เวลา 01.01 น. ระบุว่า "ตอนนี้รู้สึกไม่โอเคกับเจ้าของเครื่องแล้วนะคะ แฟนหนูไม่รู้เป็นอะไรไปรึเปล่า เครียดมากเลย ทำอะไรกับแฟนหนูเนี่ย"
วันที่ 19 พ.ย. เวลา 01.11 น. ระบุว่า "เครียดมากเลย เจ้าของเครื่องก็ไม่มีน้ำใจอะไรเลยนะคะมาทำกันแบบนี้ พวกหนูก็หาเช้ากินค่ำ ต้องมาตกเป็นแพะระกำลำบากเลย เป็นอะไรที่ไม่น่ารักเอาซะเลย ได้เครื่องแล้วไม่ให้ตังค์แล้วมาซ้ำเติมกับแฟนหนูอีก"
วันที่ 19 พ.ย. เวลา 01.22 น. ระบุว่า "พอกันเลยนะคะ พวกหนูจบเป็นแพะรับบาปแล้วค่ะ หนูกำลังนั่งรถไปสน.นะคะ เจ้าของเครื่องคงยิ้มแฉ่งแล้วค่ะ หนูคงต้องเครียดมากแน่เลยแฟนจะเป็นอะไรไปมั้ย หนูหวังดีแต่ได้ผลร้ายกลับมานะคะ คนดีอยู่ยากจริงๆ ค่ะ ต่อไปคงต้องทำแต่สิ่งร้ายๆ แล้วนะคะ ทำดีไม่สะดุดตาสังคม"
วันที่ 19 พ.ย. เวลา 01.56 น. ระบุว่า "หนูจะไม่คุยอะไรแล้วนะคะตอนนี้เครียดค่ะ ขอให้เรื่องร้ายๆ ผ่านไปให้ไวๆ นะคะ"
ปรากฏว่าวันที่ 19 พ.ย. เวลา 02.15 น. โพสต์ภาพห้องสอบสวน สน.ท่าข้าม พร้อมข้อความระบุว่า "ตอนนี้แฟนหนูโดนตำรวจคุมขังแล้วค่ะ พวกพี่ๆ ช่างใจร้ายกับพวกหนูจริงๆ" "ต้องทำรายละเอียดส่งให้กับตำรวจทั้งหมดเลย" เมื่อถามว่า แฟนให้การว่ายังไง ขโมยเองหรือรับของโจรมา เจ้าตัวกล่าวว่า "ตำรวจบอกว่าต้องขังไว้ก่อนชี้แจงรายละเอียดให้แน่ชัดค่ะ"
อย่างไรก็ตาม เจ้าของโทรศัพท์และเพื่อนกล่าวโดยสรุปว่า คนที่โพสต์คือกลุ่มมิจฉาชีพ อ้างว่าซื้อต่อมา แต่ไม่บอกว่าซื้อจากไหน ตอนแรกบอกเจอ พอถามไปถามมาบอกซื้อต่อกันมาเป็นทอดๆ เมื่อถามว่าซื้อที่ไหน อะไรยังไงก็บอกว่า "บอกไม่ได้เดี๋ยวเสียลูกค้าซื้อขายกันมานาน"
พยานที่อยู่ในเหตุการณ์อีกรายหนึ่งระบุว่า "คนไม่รู้ก็จะไม่รู้ครับ ผมไปยืนฟังมาแล้ว โคตรหลอกครับบอกเลย พูดวนไปวนมา งงไปหมด ไม่ได้บริสุทธิ์ใจอย่างที่กล่าวมาเลย เจตนายังไงเจ้าตัวเขารู้ดี หงายการ์ดคนป่วย หาเช้ากินค่ำตามเคย คนมันจะทำความดีจะมาเรียกเงินทำไม แล้วทำไมเพื่อนผมต้องจ่าย ทั้งๆ ที่มือถือเป็นของเพื่อนผม ถ้าเขาบอกเขาซื้อมา ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเลยครับ แค่พาไปร้านที่ซื้อมาก็จบ เดี๋ยวก็ได้เงินคืนจากร้านที่ซื้อมา ไม่มีความจำเป็นต้องเครียดอะไรเลย ถ้าจะทำความดีจริงๆ เพื่อนผมมีสินน้ำใจให้อยู่แล้วครับ" และสรุปว่าได้โทรศัพท์คืน พอถึงตำรวจยอมคืนเฉยเลย ตอนแรกไม่คิดว่าผู้ชายจะไปด้วย คิดว่าผู้หญิงไปอย่างเดียวกะกินนิ่มเลย
โดยสรุปก็คือ โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวขโมยมาจากรีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีเมื่อเวลา 05.07 น. วันที่ 17 พ.ย. แต่ถอดซิมการ์ดแล้วปลดล็อกหน้าจอไม่ได้ เลยทำทีเป็นประกาศหาเจ้าของเครื่อง เมื่อเจ้าของเครื่องตัวจริงติดต่อกลับไป กลับอ้างว่าซื้อต่อมาแล้วจะขายให้ในราคา 10,000 บาท แต่ไม่ยอมบอกที่ตั้งต้นว่าได้มาจากที่ไหน กระทั่งนัดส่งมอบมือถือพบว่ามีชายรายหนึ่งเป็นคนนำโทรศัพท์มือถือไปส่งมอบ จึงถูกดำเนินคดี แล้วปรากฏว่าคนที่โพสต์ตามหาโทรศัพท์ และคนที่นำมือถือมาส่งมอบคือคนเดียวกัน โดยใช้เฟซบุ๊กปลอม