xs
xsm
sm
md
lg

จิตแพทย์ชื่นชม “โอปอล สุชาตา” ตอบคำถามรอบ 5 คนสุดท้ายดีมาก พูดถึงคำว่า 'Empathy' ครอบคลุม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จิตแพทย์วิเคราะห์ “โอปอล สุชาตา” ในรอบตอบคำถาม 5 คนสุดท้าย กับคำว่า Empathy ในมุมมองทางจิตวิทยา ชี้เป็นคำตอบที่ดีมาก สุดครอบคลุม ยันคนที่จะใช้คำนี้ได้นั้นต้องมีความเข้าใจและคุ้นเคยกับงานด้านจิตวิทยาในระดับหนึ่งเลย

จากกรณีรอบตัดสินการประกวด “มิสยูนิเวิร์ส 2024” ครั้งที่ 73 ที่ประเทศเม็กซิโก ซึ่งมีสาวงาม 127 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมชิงชัย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 เป็นตัวแทนหนึ่งเดียวจากไทยไปตามล่ามงฯสาม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เก็บตัวทำกิจกรรมโอปอลทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ แสดงให้เห็นความมุ่งมั่น กระหายมงฯ เอเนอร์ยีไม่เคยดรอปสักวัน ทำให้กองเชียร์ไทยมีความสุข และส่งกำลังใจไปให้อย่างล้นหลาม บนเวทีเข้าสู่การตอบคำถามอีกครั้งเพื่อชี้ชะตา และเฟ้นหาสาวงามที่เพอร์เฟกต์ที่สุดที่จะคว้าตำแหน่งนี้ไปครอง โดยคำถามมีอยู่ว่า “คุณสมบัติอะไรที่ทำให้คนเป็นผู้นำประสบความสำเร็จ?” ซึ่งในภาวะกดดันแบบนี้ทั้ง 5 คนสามารถตอบได้ดีสมมงฯ สร้างความหนักใจให้กรรมการเป็นอย่างมาก แต่ผู้ชนะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น สำหรับ โอปอล ได้ตอบว่า “คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดที่ผู้นำควรมีสำหรับฉันคือความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) เพราะไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน หรือมีการศึกษาดีเพียงใด สุดท้ายแล้วคุณต้องมีความเห็นอกเห็นใจเพื่อใส่ใจผู้คน และคำนึงถึงความเป็นอยู่ของพวกเขา ไม่ใช่แค่ผู้นำเท่านั้น ฉันเชื่อว่าทุกคนบนโลกนี้ควรมีความเห็นอกเห็นใจกันและกัน นี่แหละคือวิธีที่เราจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ขอบคุณค่ะ” และทำให้เธอสามารถคว้าตำแหน่งรองอันดับ 3 ได้สำเร็จนั้น

วันนี้ (17 พ.ย.) เพจ “คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา” หรือ นพ.เจษฎา ทองเถาว์ แพทย์เฉพาะทางสาขาจิตเวชศาสตร์ จิตแพทย์ประจำ รพ.พระศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี ได้โพสต์จิตวิทยาของคำว่า Empathy จากการตอบคำถามรอบ 5 คนสุดท้ายที่ว่า “คุณสมบัติอะไรที่จะทำให้เป็นผู้นำประสบความสำเร็จ?” โดยโอปอล สุชาตา ช่วงศรี ตอบได้ดีมากๆ ว่า “ผู้นำจะมีความสำเร็จต้องมีความเห็นใจผู้อื่น ไม่ว่าคุณจะเก่งขนาดไหน ท้ายที่สุดแล้วคุณต้องมีความเห็นใจผู้อื่น เพื่อเข้าใจคนอื่น แคร์ความเป็นอยู่ของผู้คน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ผู้นำ แต่ต้องเป็นทุกคน นั่นคือสิ่งที่จะทำให้คนเป็นหนึ่งเดียวกันได้”

โดยมีคำศํพท์สำคัญที่หมอไม่คิดว่าจะได้ยิน นั่นคือคำว่า * Empathy * ซึ่งคนที่จะใช้คำนี้ได้นั้นต้องมีความเข้าใจและคุ้นเคยกับงานด้านจิตวิทยาในระดับหนึ่งเลย Empathy คืออะไร?
*Empathy* คือความสามารถในการเข้าใจและรับรู้ถึงอารมณ์ ความคิด และมุมมองของผู้อื่น แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามงานวิจัย:
1. Cognitive Empathy: การเข้าใจมุมมองของผู้อื่นโดยใช้เหตุผล เช่น การเข้าใจว่าทำไมคนคนนั้นถึงรู้สึกหรือแสดงพฤติกรรมแบบนั้น
2. Emotional Empathy: การสัมผัสหรือรู้สึกตามอารมณ์ของผู้อื่น เช่น การรู้สึกเศร้าตามเมื่อเห็นคนอื่นร้องไห้
3. Compassionate Empathy: ความเข้าใจและมีแรงผลักดันที่จะช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อเห็นพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ

Empathy ไม่ใช่แค่คุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำ แต่ยังเป็นพื้นฐานของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทุกมิติ ตั้งแต่ครอบครัว เพื่อน ไปจนถึงองค์กร

ประโยชน์ของ Empathy
1. พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
การมี Empathy ช่วยให้เราสามารถสื่อสารและเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้ดีขึ้น ลดความขัดแย้งและสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม
2. ลดความเครียดในที่ทำงาน
ในองค์กรที่ผู้นำมี Empathy จะช่วยลดความกดดันในที่ทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างทีมที่มีความสามัคคี
3. ส่งเสริมสุขภาพจิตของทั้งผู้ให้และผู้รับ
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนแสดงให้เห็นว่า Empathy ช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียด (*cortisol*) และเพิ่มความพึงพอใจในชีวิตของผู้ที่แสดง Empathy
4. สร้างชุมชนที่เข้มแข็ง
Empathy ช่วยให้เรามองเห็นความต้องการของคนในสังคม เป็นรากฐานของการช่วยเหลือและการอยู่ร่วมกัน

วิธีพัฒนา Empathy
1. ฝึกฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening): ให้ความสนใจอย่างแท้จริงกับสิ่งที่คนอื่นพูด โดยไม่ตัดสินหรือตอบโต้ทันที
2. ตั้งคำถามเชิงบวก: การถามว่า "คุณรู้สึกยังไง?" หรือ "ฉันช่วยอะไรได้บ้าง?" ช่วยเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้แสดงความรู้สึก
3. สร้างประสบการณ์ร่วม: การลองทำกิจกรรมในมุมมองของคนอื่นช่วยเพิ่มความเข้าใจและลดอคติ
4. ฝึกการมองโลกในมุมของผู้อื่น (Perspective-Taking): ลองตั้งคำถามกับตัวเอง เช่น "ถ้าฉันเป็นเขา ฉันจะรู้สึกยังไง?"
5. ฝึกการแสดงออกทางอารมณ์: เช่น การกล่าวคำปลอบใจหรือให้กำลังใจเมื่อคนรอบตัวรู้สึกแย่

คำเตือนในการใช้ Empathy
Empathy ควรถูกใช้ด้วยความสมดุล เพราะการใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นมากเกินไปโดยไม่ดูแลตนเอง อาจนำไปสู่ภาวะเหนื่อยล้าทางอารมณ์ (*emotional burnout*)

By…คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น