“กฤษอนงค์” ขอโทษ “รมต.น้ำ” และพ่อ น้อมรับผิดเพียงผู้เดียว อ้างเสียงในคลิปแค่ประสานโครงการที่นำเสนอผ่านคนกลาง เกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมอาชีพ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ตัดพ้อตนเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาไม่มีอำนาจหรือสื่อในมือ แต่โดนสื่อและสังคมตัดสินได้โดยไร้กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว
จากกรณีที่นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ เผยแพร่คลิปในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ และรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นเสียงการสนทนาระหว่างนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้บริหารสูงสุดของดิไอคอนกรุ๊ป กับหญิงสาวเสียงคล้ายกับนางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช นักร้องเรียนชื่อดัง โดยในคลิปเสียงดังกล่าวหญิงสาวปริศนาได้อ้างว่า “รัฐมนตรีน้ำ” ได้ให้อำนาจตนในการควบคุมดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) ซึ่งรวมถึงอำนาจในการจัดการธุรกิจขายตรง โดยเงินที่ได้มาต้องเอาให้พ่อของรัฐมนตรีน้ำ ซึ่งต่อมา น.ส.จิราพร สินธุไพร หรือ “รัฐมนตรีน้ำ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ปฏิเสธว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นเท็จ 100% เรื่องนี้เป็นการแอบอ้างและจะให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (15 พ.ย.) นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ได้โพตส์ข้อความในเพจเฟซบึ๊ก "กฤษอนงค์ เจ๊พัช /Jephat Kritanong Consulting Company Limited" โดยระบุข้อความว่า
“สวัสดีค่ะ...ขออนุญาตชี้แจงดังนี้ ในกรณีของท่านรัฐมนตรี กฤษอนงค์ขอชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆ กับท่านรัฐมนตรีเลยค่ะ ไม่เคยพบปะหรือพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปนั้นเป็นเพียงการประสานงานโครงการที่กฤษอนงค์ได้นำเสนอผ่านคนกลาง เพื่อสนับสนุนธุรกิจด้านขายตรงและออนไลน์ เป็นโครงการภาคเอกชนที่ตั้งใจให้เป็นการยกระดับ และให้ความรู้เฉพาะทางเท่านั้น
“ในคลิปที่เป็นการสนทนาระหว่างบุคคล 2 คนที่ถูกเผยแพร่และตัดต่อบางช่วงนั้น เป็นเพียงการสนทนาเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมอาชีพเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด หากการสนทนานี้ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด กฤษอนงค์ขอกราบขออภัยท่านรัฐมนตรี น้ำจิราพร สินธุไพร และคุณพ่อท่าน อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียวค่ะ
“สำหรับกรณีอื่นๆ ที่มีการกล่าวถึงเพิ่มเติม กฤษอนงค์อยากเรียนให้ทราบว่า ทุกคำชี้แจงในที่นี้มาจากความตั้งใจจริงที่จะสื่อสารให้เกิดความเข้าใจ แต่ในขณะเดียวกันการพยายามอธิบายกลับดูเหมือนยิ่งเพิ่มความเข้าใจผิดมากขึ้น กฤษอนงค์เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาในสังคมที่ไม่มีพลังหรืออำนาจ ไม่มีสื่ออยู่ในมือ ไม่มีอำนาจใดๆ จะไปต่อสู้กับกระแสสังคม ที่ตอนนี้ได้ตัดสินไปแล้ว
“ความเชื่อของกฤษอนงค์ที่ว่า “ความจริงจะเอาชนะทุกอย่าง” กำลังเลือนลางลงทุกทีในสถานการณ์นี้ เหลือเพียงความหวังในกระบวนการยุติธรรม ที่จะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ทุกอย่างคลี่คลายลงได้ แม้ว่าการเดินทางเพื่อค้นหาความยุติธรรมจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและหนักหนา ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีแรงสู้จนถึงวันที่ความจริงปรากฏหรือไม่
“ในเวลานี้กฤษอนงค์ขอพึ่งพาอำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้มีบารมีในสังคม ขอให้ทุกท่านที่มีอำนาจหน้าที่ ได้โปรดมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชนคนธรรมดาในสังคม ขอให้ท่านช่วยพิจารณาและรับฟังเสียงเล็กๆ ของประชาชนในครั้งนี้ว่า การเป็นอยู่ของเราจะเป็นไปอย่างไรหากสื่อและสังคมสามารถตัดสินได้โดยไร้กระบวนการยุติธรรม และหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็แทบไม่มีทางที่ประชาชนอย่างเราๆ จะลุกขึ้นต่อสู้ได้อีก”
นางสาวกฤษอนงค์ ยังได้โพสต์ข้อความลงท้ายว่า “กราบขออภัยสื่อมวลชน ช่วงนี้ไม่สะดวกสัมภาษณ์ และออกสื่อใดๆ ก่อนค่ะ”
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด น.ส.จิราพร สินธุไพร ได้มอบหมายให้นายปวลิศ ผุดผ่อง ทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว