xs
xsm
sm
md
lg

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์จัดพิธีประสาทปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2565 เน้นย้ำคุณค่าบัณฑิต พร้อมก้าวสู่โลกการทำงานจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดพิธีประสาทปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2565 ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 โดยมี รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีกิตติคุณ เป็นประธานในพิธี และ ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี กล่าวรายงานและกล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ท่ามกลางบรรยากาศภายในงานที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความภาคภูมิใจของญาติมิตรที่มาแสดงความยินดีกับบัณฑิต


ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า ปีการศึกษา 2565 มหาวิทยาลัยได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบัณฑิตและองค์ความรู้ในศาสตร์ต่างๆ ภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์มุ่งมั่นพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการในการพัฒนาประเทศ ภายใต้กรอบ Outcome-based Education และเน้นการผลิตบัณฑิตร่วมกับสถานประกอบการ เพื่อให้บัณฑิตมีสมรรถนะพร้อมเข้าสู่โลกแห่งการทำงานจริงและตรงความต้องการของตลาดแรงงาน

มหาวิทยาลัยมีหลักสูตรแกนกลาง หรือหลักสูตร DPU CORE ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของหลักสูตรปริญญาตรีทุกสาขา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างอัตลักษณ์ที่พึงประสงค์ของบัณฑิต ซึ่งมี 2 กลุ่มหลักสูตรในปัจจุบัน ได้แก่ กลุ่มวิชา Sustainable Business and Innovation ที่เน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และกลุ่มวิชา Health and wellness ที่เน้นเรื่องเวชศาสตร์ป้องกันและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดย DPU CORE ในส่วนของ Health and wellness จะจัดให้นักศึกษาในสาขา Healthcare ที่จะเปิดรับในปีการศึกษาหน้า โดยทั้ง 2 กลุ่มยังคงเน้นการฝึกทักษะการเป็นผู้ประกอบการภายใต้ปณิธานที่ต้องการผลิตบัณฑิตที่มีความพร้อม ทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และคุณธรรม เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้กำหนดคุณลักษณะของบัณฑิต หรือ DPU DNA ซึ่งประกอบด้วย Soft Skill ที่ผสมผสานทักษะการเป็นผู้ประกอบการ การวิเคราะห์และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ความฉลาดในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และความสามารถในการปรับตัวและทำงานร่วมกับผู้อื่น ขณะที่ในส่วนของการพัฒนาระบบนิเวศการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญต่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในการสร้าง Intelligent Classroom และ Living Lab เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ในสังคมยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนการพัฒนาภูมิทัศน์ และสิ่งแวดล้อมเพื่อสุขภาวะที่ดีของนักศึกษาและบุคลากร ซึ่งส่งผลให้มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับที่ 1 ของมหาวิทยาลัยเอกชน จากการจัดอันดับ UI Green Metric World University Ranking 7 ปีซ้อน

ดร.ดาริกาเพิ่มเติมต่อว่า สำหรับในด้านงานวิจัยและสร้างองค์ความรู้ มหาวิทยาลัยมีการขับเคลื่อนงานวิจัยใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ Business Technology and Innovation, Wellness, และ Future Skills โดยเชื่อมโยงงานวิจัยเข้ากับ Capstone project ของนักศึกษา เพื่อสร้างองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาชุมชน รวมทั้งใช้ประโยชน์ในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกหลักสูตรมีความทันสมัย มีเนื้อหาที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี สังคม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต รวมทั้งปลูกฝังจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้บัณฑิตมีความพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ

ด้าน รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีกิตติคุณ ประธานในพิธี ได้กล่าวให้โอวาทแก่บัณฑิต โดยเน้นย้ำถึงคุณค่าของการศึกษา และโอกาสในการประสบความสำเร็จในชีวิตของบัณฑิต พร้อมทั้งให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า โดยยึดหลัก “คุณค่ามนุษย์” (Human values) เป็นเข็มทิศนำทาง ซึ่งประกอบด้วย ความศรัทธาในความดีงาม ความกตัญญูกตเวที ความซื่อสัตย์สุจริต การเคารพให้เกียรติผู้อื่น การมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ความจริงใจ ความสัตย์ซื่อต่อหลักการ และความเป็นธรรม ซึ่งจะเป็นเครื่องนำทางให้บัณฑิตสามารถดำเนินชีวิตได้อย่าง “อยู่รอด-อยู่ดี-อย่างมีศักดิ์ศรี” อีกทั้งยังช่วยสร้างความราบรื่นให้สังคมอีกด้วย

รศ.ดร.วรากรณ์ยังได้กล่าวย้ำถึง “ความโลภ” ว่าเป็นปีศาจที่คอยทำร้ายมนุษยชาติมาทุกยุคทุกสมัย สิ่งที่สามารถเอาชนะความโลภได้ก็คือ การมี “สติ” เท่านั้น โดยทุกคนสามารถมีชีวิตที่มีฐานะมั่นคง มีความสุข และมีศักดิ์ศรีได้ โดยไม่ต้องข้องแวะกับความชั่วร้าย หากมีเข็มทิศศีลธรรมคอยกำกับ

“ความปรารถนาความร่ำรวยนั้นมิใช่สิ่งผิด หากจิตใจที่มุ่งมั่นแต่ความร่ำรวยอย่างรวดเร็วอย่างปราศจากคุณค่ามนุษย์กำกับต่างหากคือสิ่งที่ต้องพึงระวังอย่างยิ่ง ทุกคนในห้องนี้สามารถมีชีวิตที่มีฐานะมั่นคงอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีความสุข และมีศักดิ์ศรีได้ โดยมิต้องข้องแวะกับความชั่วร้ายหากมีเข็มทิศศีลธรรมกำกับ ท้ายที่สุดขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้เดินทางมาถึงจุดสำคัญของชีวิตในวันนี้ ขอพลังอำนาจแห่งความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตที่ อยู่รอด-อยู่ดี-อย่างมีศักดิ์ศรี โดยมีคุณค่ามนุษย์บันดาลให้ท่านประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิต และขอพระบารมีแห่งองค์พระสิทธิธาดา ได้โปรดดลใจให้ท่านมีความเข้มแข็งในการดำเนินชีวิต และพานพบแต่สิ่งงดงามไปตลอดชีวิต” รศ.ดร.วรากรณ์กล่าว

คุณธาริสา เกตุทัต ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู เปิดเผยความรู้สึกที่สำเร็จการศึกษาในครั้งนี้ว่า รู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งในชีวิต แม้การเรียนรู้จะไม่สิ้นสุด แต่การรับปริญญาครั้งนี้เป็นประกาศนียบัตรวิชาชีพครูที่ทำให้เป็นครูเต็มตัว ซึ่งจะทำให้ต่อยอดเส้นทางอาชีพสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน หรือตำแหน่งอื่นๆ เนื่องจากในขณะนี้ตัวเองทำงานอยู่ในธุรกิจโรงเรียนนานาชาติอยู่แล้ว

นอกจากนี้ คุณธาริสายังเล่าถึงประสบการณ์การเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพควบคู่ไปกับการทำงานในช่วงโควิด-19 ระบาด ซึ่งต้องเรียนออนไลน์ในวันเสาร์-อาทิตย์ และทำงานจากบ้านในวันธรรมดา ทว่าด้วยความที่เป็นหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพจะเรียนสัปดาห์ละ 2 วันคือวันเสาร์และวันอาทิตย์ จึงทำให้เธอสามารถบริหารเวลาและจัดการดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี

คุณธาริสาฝากข้อคิดถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ว่าให้เรียนในสิ่งที่ใฝ่ฝัน โดยยกตัวอย่างเส้นทางการเรียนของเธอเองที่เริ่มจากปริญญาตรี สถาปัตยกรรมศาสตร์ ต่อด้วยปริญญาโท เศรษฐศาสตร์การเงินระหว่างประเทศ และปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในสายวิชาชีพครู เธอย้ำว่าชีวิตคนเราต้องดำเนินต่อไป และเราสามารถเปลี่ยนสายงานได้ตลอดเวลา ขอเพียงหมั่นหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพราะความฝันของคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ขณะที่ นางสาวเกษศิรินทร์ เทิดขวัญชัย หรือน้องเหม่ยลี่ บัณฑิตหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกดีใจกับการรับปริญญาในวันนี้ เพราะเพื่อนๆ และครูอาจารย์ทุกคนยังคอยสนับสนุนเธออยู่เสมอ โดยการเรียนจบจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยต่อเติมชีวิตเธอให้ดีขึ้นในหลากหลายด้าน แม้ในปัจจุบันเธอจะยังคงทำงานติดป้ายโฆษณาหลังรถตุ๊กตุ๊กแบรนด์ “เหม่ยลี่เองก็ลำบาก” และงาน Influencer รีวิวสินค้า เช่นเดียวกับที่ทำก่อนเรียนจบ แต่ความรู้ที่ได้รับจากมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิชาการตลาดซึ่งเปิดโอกาสให้เธอได้ฝึกปฏิบัติงานตรงกับธุรกิจรถตุ๊กตุ๊ก ช่วยให้เธอสามารถต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโครงการเพื่อเสนอขายบริการให้กับบริษัทต่างๆ หรือการผลิตคลิปวิดีโอเพื่อโฆษณาธุรกิจ ซึ่งเป็นทักษะที่เธอไม่เคยมีมาก่อน

นอกจากนี้ เหม่ยลี่ยังนำความรู้และสิ่งดีๆ ที่ได้รับจากรั้วมหาวิทยาลัยไปประยุกต์และส่งต่อในการทำงานอาสาสมัครที่สภาเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร โดยมีผลงาน เช่น การจัดตลาดนัดที่ให้เด็กๆ ได้รับความรู้จากบูทต่างๆ รวมถึงการจัดกิจกรรมสมัชชา ซึ่งเป็นการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพ เน้นการทำงานร่วมกัน และการเขียนโครงการ โดยประสบการณ์เหล่านี้ไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาต่อเธอเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างและพัฒนาทักษะให้เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติอีกด้วย

“ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ว่า การตั้งใจเรียนในห้องเรียนจะช่วยประหยัดเวลาในการเรียนรู้นอกห้องเรียน และหากมีโอกาส ควรลองทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะจะได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ และเป็นการสั่งสมประสบการณ์ทำงานจริง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่บริษัทต่างๆ มองหา” เหม่ยลี่กล่าว

ส่วน นางสาวเกวลี กิตติอุดมพันธ์ หรือ น้องปิ่น บัณฑิตหลักสูตรวิชาเอกการออกแบบและธุรกิจแฟชั่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ณ ตอนนี้เธอได้งานทำเป็นดีไซเนอร์ในบริษัท Before All Else ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่กำลังมาแรงและเน้นการนำผ้าชนเผ่ามาผสมผสานกับความทันสมัย จากโอกาสได้ลงพื้นที่เพื่อศึกษาผ้าท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ ตลอด 4 ปีที่เรียน และได้ทุนจาก ThaiBev เพื่อทำธีสิสเกี่ยวกับผ้าท้องถิ่นของชุมชนร้อยรักษ์ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัท Before All Else เลือกเข้าทำงานในทันที พร้อมกับได้รับอัตราเงินเดือนในระดับที่สูงกว่าบัณฑิตจบใหม่ทั่วไป

ปิ่นยังกล่าวว่า โอกาสในการเข้าร่วมการประกวดต่างๆ และคำแนะนำจากอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เธอประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ หลักสูตรของมหาวิทยาลัยที่เน้นการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงการปลูกฝังแนวคิดการเป็นผู้ประกอบการ ก็เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้เธอมีความพร้อมสำหรับการทำงานจริง ยกตัวอย่างเช่น วิชาแพตเทิร์น ซึ่งเป็นวิชาพื้นฐานที่ช่วยให้เธอสามารถสื่อสารกับช่างตัดเย็บได้อย่างเข้าใจ และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกราฟิก และการออกแบบตกแต่งภายใน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรที่มุ่งเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาสามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้ในอนาคต

ว่าที่ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ชื่อดังได้แนะนำอีกว่า สำหรับน้องๆ นักศึกษาที่สนใจในสายงานนี้ ควรให้ความสำคัญต่อวิชาการทำธุรกิจ เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และไม่ยึดติดกับกรอบความคิดเดิมๆ โดยเธอเชื่อว่าหากมีความตั้งใจ และใฝ่รู้ก็จะสามารถเติบโตในสายงานนี้ได้อย่างแน่นอน

“การเรียนที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์สอนให้เราพร้อมสำหรับการทำงานจริง และทำให้เราเติบโตขึ้นได้จริง จากที่ตอนแรกไม่เข้าใจว่าอาจารย์ให้เรียนไปทำไมธุรกิจ หรือวิชานั้นวิชานี้ แต่พอมาใช้ชีวิตจริงๆ เรื่องจริงเจอหมด ได้ใช้หมดและช่วยให้เราพัฒนาได้หมดตลอดจริงๆ อย่างปัจจุบันตอนนี้หนูจากที่เป็นแค่ดีไซเนอร์ก็กำลังจะขยับไปดูแลแบรนด์แม่ซึ่งเป็นอีกตำแหน่ง ก็อยากจะแนะนำสำหรับน้องๆ ที่สนใจงานออกแบบหรือเรียนคณะศิลปกรรมที่ DPU หากน้องๆ มีความตั้งใจและใฝ่รู้ ประสบความสำเร็จในสายงานนี้ได้อย่างแน่นอน” ปิ่นกล่าวทิ้งท้าย

สำหรับสีสันภายในงาน นอกจากความอบอุ่นของญาติมิตรที่มาแสดงความยินดีในความสำเร็จให้กับบัณฑิตแล้ว ยังมีโมเมนต์สุดประทับใจ เมื่อบัณฑิตหนุ่มจากวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี (CITE) ได้ทำการเซอร์ไพรส์ขอแฟนสาวแต่งงาน หลังจากที่ร่วมผ่านทุกข์และสุข จูงมือช่วยกันเรียนด้วยกันมา 4 ปี ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ของเพื่อนๆ และญาติมิตร ร่วมเป็นสักขีพยานรัก สร้างความโรแมนติก หล่อเลี้ยงความหวานชื่นให้เบ่งบาน และเป็นภาพความทรงจำอันน่าประทับใจในวันแห่งความสำเร็จ ณ จุดเริ่มต้นของการเดินทางบนเส้นทางชีวิต

ดุจดั่งคำกล่าวของ รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีกิตติคุณ ประธานในพิธีที่กล่าวแสดงความยินดีกับบัณฑิตทุกท่านว่า วันนี้เป็นวันแห่งความยินดี เป็นวันแห่งความสุข ที่บัณฑิตทุกท่านได้เรียนจบสมดังใจปรารถนา หลังจากที่ได้บากบั่นมานะศึกษาเล่าเรียน เป็นความสำเร็จที่น่าปลื้มปีติยิ่ง การเดินทางบนเส้นทางการศึกษา แม้จะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่ด้วยความมุ่งมั่น ความพยายาม บัณฑิตทุกท่านจึงก้าวข้ามผ่านมาได้ และความทรงจำแห่งชัยชนะในครั้งนี้จะเป็นแรงผลักดันและเป็นแรงบันดาลใจให้บัณฑิตก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง










กำลังโหลดความคิดเห็น