ประเด็นร้อนแรงในโซเชียลจนเกิดแฮชแท็ก #แบนแม่หยัว ติดเทรนด์ X หลังฉากแมวโดนยาพิษในละครดัง ล่าสุดผู้กำกับซีรีส์เรื่อง “แม่หยัว” ยันไม่นิ่งนอนใจ เตรียมนำแมวไปตรวจสุขภาพเพื่อยืนยันความปลอดภัยแมวอีกครั้ง
จากกรณีประเด็นร้อนแรงในโซเชียลจนเกิดแฮชแท็ก #แบนแม่หยัว ติดเทรนด์ X หลังฉากแมวโดนยาพิษในละครดัง โดยใช้การวางยาสลบแมวดำจนมีอาการชักกระตุกและสำรอกอาหารออกมา ทำให้มีหลายคนเป็นห่วงแมว มองว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์
วันนี้ (10 พ.ย.) เฟซบุ๊ก "Sant Srikaewlaw" หรือ “สันต์ ศรีแก้วหล่อ” ผู้กำกับซีรีส์เรื่องแม่หยัว ได้โพสต์ชี้แจงประเด็นดังกล่าว พร้อมรูปที่อ้างว่าเป็นแมวตัวดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า “อัปเดตน้องแมว จากที่มีหลายท่านกังวลเรื่องการถ่ายทำที่เกี่ยวกับน้องแมว ขอเรียนชี้แจงดังนี้ครับ
1. การถ่ายทำมีการวางยาสลบจริง แต่ได้รับการดูแลจากเจ้าของและผู้เชี่ยวชาญอย่างดีในทุกๆ ขั้นตอน
2. หลังการถ่ายทำน้องแมวฟื้นขึ้นมาและใช้ชีวิตเป็นปกติ และทีมงานได้มีการขอคลิปสุขภาพน้องแมวให้ส่งมาดูหลังจากวันถ่ายทำอีกหลายครั้ง
3. แต่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เมื่อทราบเรื่องวันนี้ ทางทีมได้มีการติดต่อโมเดลลิ่งสัตว์ที่ดูแลรับผิดชอบให้ถ่ายคลิปอัปเดตของวันนี้ และให้นำแมวไปตรวจสุขภาพ เพื่อยืนยันถึงสุขภาพแมวอีกครั้ง
4. เมื่อทราบถึงความกังวลใจ เราไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อมาชี้แจงครับ
และนี่คือคลิปน้องแมว ณ ปัจจุบันครับ ส่วนใบรับรองแพทย์จะนำมาให้ทุกท่านดูอีกครั้งเมื่อตรวจสุขภาพน้องแมวเสร็จเรียบร้อยครับ ขอบคุณครับ … สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับการแสดงซีรีส์เรื่อง แม่หยัว”
ท่ามกลางกระแสสังคม ล่าสุดทางช่อง one31 ผู้จัดสร้าง ได้ออกมาแถลงการณ์ว่า
“แถลงการณ์จากช่องวัน 31 ตามที่มีกระแสข่าวถึงความไม่เหมาะสมของฉากที่ใช้แมวร่วมแสดงในซีรีส์ “แม่หยัว” จนเกิดความไม่สบายใจของผู้ชมนั้น
ช่องวัน 31 ขอชี้แจงว่าทางเราคำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของสัตว์เป็นสำคัญ โดยแมวที่นำมาถ่ายทำนั้นมาจากบริษัทโมเดลลิ่งสัตว์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการนำสัตว์ร่วมถ่ายทำละครและภาพยนตร์โดยเฉพาะมากว่า 10 ปี และเป็นเจ้าของแมวตัวดังกล่าว รวมถึงเป็นผู้ดูแลแมวตลอดระยะเวลาการถ่ายทำในทุกขั้นตอน
ช่องวัน 31 รู้สึกเสียใจและขอโทษกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกที่ไม่สบายใจ เราจะนำข้อชี้แนะ ความคิดเห็น กลับไปพิจารณาในการทำงานร่วมกับสัตว์ และระมัดระวังไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก“