ผู้กำกับภาพยนตร์ "2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ" เปิดตัวหนังสือการ์ตูนต่อยอดแอนิเมชัน เสริมฉากที่ไม่มีในหนัง พิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม ปกแข็งทนทาน บอกเล่าเหตุการณ์ย่อยเรื่องยากให้ง่าย เข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น เผยภูมิใจมีเด็ก ป.5 อ่านแล้วรู้เรื่อง สนุกแทบวางไม่ลง เผยมีอีกหลายเรื่องอยากคลี่คลาย ให้เด็กรุ่นหลังรู้ที่มาที่ไปให้แข็งแรงและหยัดยืนเติบโตได้
วันนี้ (9 พ.ย.) นายวิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชัน "2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ" เปิดเผยถึงการจัดทำหนังสือการ์ตูน "2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ Dawn of Revolution" ว่า แรงบันดาลใจในการจัดทำหนังสือการ์ตูนดังกล่าว ต้องการทำให้ผลงานสมบูรณ์แบบมากขึ้น เนื่องจากในภาพยนตร์มีข้อจำกัดที่หลายฉากไม่ได้ใส่เข้าไป หรือหาทางแก้ไขยาก อีกทั้งเห็นว่าภาพยนตร์แอนิเมชันอายุไม่ได้ยืนยาว สักวันคนก็ไม่ดูแล้ว เมื่อเทียบกับหนังสือ ยังอยู่เป็นร้อยปีในห้องสมุดโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย จึงมองว่าเรามีทรัพยากร มีอาร์ตเวิร์กอยู่แล้ว สามารถดัดแปลงทำเป็นการ์ตูนได้
อย่างต่อมาคือ การทำภาพยนตร์แอนิเมชัน รายได้จากยูทูบเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับที่ลงทุนไปกว่า 20 ล้านบาท หนังสือจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการคืนรายได้กลับมา อีกทั้งเป็นการต่อยอด บอกเล่าประวัติศาสตร์ในอนาคต เพราะมองว่าหนังสืออยู่ได้นาน สามารถพิมพ์ได้เรื่อยๆ ถ้ามีคนสนใจมากจริงๆ นอกจากนี้ ยังมียอดสั่งซื้ออีกจำนวนหนึ่ง บริจาคให้โรงเรียน สถานศึกษา กำลังอยู่ในระหว่างประสานงานเพื่อมอบหนังสือให้กับโรงเรียน รวมทั้งครูสอนวิชาประวัติศาตร์และสังคมศึกษา เพื่อปูรากฐานการสอนประวัติศาสตร์ เป็นอีกสื่อการสอนที่ช่วยให้เด็กๆ เข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น เข้าใจและเรียนรู้อดีตเพื่อการอยู่ร่วมกัน
"ในระหว่างทำแอนิเมชัน เราเคยคิดเรื่องการดัดแปลงเป็นหนังสือการ์ตูน แต่ภาพยังไม่ค่อยชัดมาก ตอนนั้นคิดแค่ว่าเอาแอนิเมชันให้จบก่อน พอจบแล้วเสียงตอบรับดี เนื้อหาของเรื่องมันได้ บทที่ใส่ไปในเรื่องมันพร้อมที่จะทำ คิดว่าถ้ามันประสบผลสำเร็จ ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเป็นรายได้ให้กับพวกเราด้วย แต่ผมก็ไม่อยากที่จะให้หนังสือมันแพงมาก ผมต้องการให้หนังสือมีคุณค่า ผมจึงทำเป็นปกแข็งและทำสี่สีทั้งเล่ม" นายวิวัธน์กล่าว
ทั้งนี้ จากการคำนวณต้นทุนทุกอย่าง พบว่าหนังสือพิมพ์สี่สีทั้งเล่ม กระดาษบางกว่านี้ ราคาอยู่ที่ 700-800 บาทต่อเล่ม หากเข้าไปในระบบสายส่งจะบวกค่าธรรมเนียม 40% ทำให้ราคาสูงถึง 900-1,000 บาทต่อเล่ม จึงตัดสินใจทำเอง จ้างโรงพิมพ์ผลิต และจำหน่ายโดยให้ผู้สนใจสั่งจองล่วงหน้า (พรีออเดอร์) เดิมตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3,000 เล่ม แต่มีผู้สนใจสั่งจองมากถึง 4,000 เล่ม หนึ่งในนั้นคือสั่งซื้อเพื่อบริจาคไปยังสถานศึกษาประมาณ 1,000-2,000 เล่ม พิมพ์ครั้งแรกจึงเริ่มต้นที่ 10,000 เล่ม
ส่วนการตั้งราคา 555 บาทต่อเล่ม ถือว่าสมเหตุสมผลที่สุด เพราะต้องประเมินเผื่อผู้ที่ซื้อแบบขายส่ง ที่ต้องแบ่งกำไร 40% อย่างน้อยทำให้พอมีกำไร อีกทั้งความหนาของหนังสือ 488 หน้า พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม ปกแข็งเพราะต้องการให้หนังสือทนทาน อยู่ได้นาน สามารถใส่ชั้นวางหนังสือได้เลย ราคาขายปลีกไม่แพงเกินไป ถูกกว่าหนังสืออื่นๆ ซึ่งยุคนี้หนังสือ 100-200 หน้า พิมพ์ขาวดำราคา 200-300 บาทแล้ว ถ้าหนังสือไปได้ ผู้จัดทำแอนิเมชันรอดหมดเลย มีแรงทำอะไรต่อ
สำหรับการจัดทำหนังสือการ์ตูนดังกล่าว นายวิวัธน์กล่าวว่า เดิมตั้งเป้าไว้ที่ 3 เดือน สุดท้ายอยู่ที่ 4 เดือน แต่ถือว่าเร็วเมื่อเทียบกับการวาดการ์ตูนใหม่ทั้งหมด หากฉากไหนไม่สมบูรณ์ก็นำมาวาดเพิ่ม แต่ด้วยความที่มีแหล่งวัตถุดิบอยู่แล้ว และได้คุณเก่ง สุทธิ บุญมนัส เป็นคนวาดการ์ตูนและวางโครงเรื่อง ทำให้เล่าเรื่องราวอย่างราบรื่น ออกมาเป็นการ์ตูนแบบญี่ปุ่นที่เด็กๆ ย่อยง่ายและสนใจอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมาจากการสืบค้นกว่า 3 ปี มาเรียบเรียงใหม่ ถือเป็นการรวมพลังของคนทำแอนิเมชันเพื่อส่งต่องานให้สมบูรณ์
"สิ่งที่ภูมิใจที่สุด คือ เด็กอ่านแล้วรู้เรื่อง อ่านแล้วสนุก อันนี้คือหัวใจสำคัญในการทำประวัติศาสตร์ที่เล่ายากๆ เป็นเรื่องที่ตึงเครียด แต่ทำให้เด็กสามารถอ่านแล้วสนุกกับเนื้อหา และได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วยกัน คือคุณทำตำราเรียนมา 1 เล่ม มันมีแต่ข้อความ เด็กมันเบื่อไม่อยากอ่าน แต่พอทำเป็นการ์ตูน เด็กเกิดความสนใจที่จะศึกษาต่อ ผมคิดว่าเราประสบความสำเร็จมาก คุณแม่ส่งรูปมาให้ดูว่าลูกชาย ป.5 นั่งอ่านการ์ตูนโดยที่วางไม่ลง พวกเรารู้สึกหายเหนื่อยในสิ่งที่ทำมา มันได้ประโยชน์จริงๆ" นายวิวัธน์กล่าว
นายวิวัธน์กล่าวว่า ตั้งใจทำให้ผลงานดังกล่าวมีประโยชน์ต่อสังคม และสามารถคลี่คลายความขัดแย้งและข้อที่คนทะเลาะกันตลอดเวลาเรื่อง 2475 จากการที่ฉายภาพยนตร์ 5-6 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าทำสำเร็จ เพราะเริ่มไม่มีใครเอา 2475 มาหากินแล้ว อาจจะมีเล่าเรื่องก่อนปี 2475 แต่สุดท้ายบทสรุปของเหตุการณ์ 2475 เกิดอะไรขึ้น พอรู้บทสรุปแล้วเรื่องอื่นก็จบ เหลือแค่ต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยความผิดพลาดในอดีต
นอกจากนี้ เมื่อหนังสือเผยแพร่ออกไป คนเริ่มรีวิวออกมา สังคมเริ่มสนใจมากขึ้น รู้สึกว่าเหมือนช่วยทำให้สังคมดีขึ้น ตนประทับใจกับความช่วยเหลือจากหลายคนที่ช่วยกันบอกเล่าเรื่อง 2475 ช่วยกันกระจายออกไป ถึงเป็นนกปีกหักแต่มีลมคอยพยุงอยู่ บินไม่ไหวแต่พี่ๆ ช่วยหนุนให้ขยับต่อได้ รู้สึกอยากทำอะไรต่อ อยากคลี่คลายหลายเรื่อง เช่น ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖ มีหลายเรื่องที่เด็กๆ ควรรู้ว่าบูรพกษัตริย์มีพระปรีชาสามารถอย่างไร คลี่คลายได้ว่าทำไมประเทศไทยต้องมีสถาบันฯ และสถาบันฯ มีบทบาทอย่างไรตั้งแต่สยามถึงประเทศไทย ถ้าเด็กๆ รู้รากที่มาที่ไป จะเป็นคนที่รากแข็งแรงและหยัดยืนเติบโตได้
นอกจากภาพยนตร์แอนิเมชันและหนังสือการ์ตูน ก็มีการพูดคุยว่าอาจจะมีการจัดนิทรรศการ การทัศนศึกษาตามรอย 2475 ซึ่งมีผู้สนใจอยากจัดงานนิทรรศการให้เด็กเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เป็นอีกขั้นหนึ่งที่สามารถไปถึงได้ ส่วนในอนาคตจะทำเป็นละครหรือสื่อรูปแบบอื่นก็มีทางไปได้ เพราะเรื่องราว 2475 แค่เศษเสี้ยว ยังต้องไปศึกษาต่อ มีอีกหลายเรื่องที่ต้องเล่าเสริมเข้าไปในมุมมองของแต่ละคน ทั้งความขัดแย้ง การล็อบบี้ มีเรื่องเล่าซับซ้อนในแอนิเมชันเยอะ แต่ศึกษาต่อจากแหล่งอ้างอิงภายในเล่มได้
ในตอนท้าย นายวิวัธน์กล่าวว่า คาดหวังว่าถ้าหนังสือขายดี ได้รับการตอบรับอย่างมาก มีการมองเห็นคุณค่าว่าหนังสือมีประโยชน์ต่อสังคม และมีการสั่งซื้อจำนวนมากเพื่อนำไปแจกเด็กๆ และตามสถานศึกษาทั่วประเทศ ถ้ามีรายได้กลับมาเพียงพอที่จะทำอะไรต่อ ก็มีทางเป็นไปได้ ซึ่งจะไม่พูดถึงเรื่องการรับบริจาค แม้จะมีหลายคนกล่าวว่าให้ช่วยรวมเงินกันไหม แต่ตนขอให้รอดจากงาน 2475 ก่อน ค่อยมาคุยกันว่าจะทำอะไรต่อไป บางทีอาจมีรายได้จากหนังสือมากพอที่จะทำก็ได้ แต่ยังไม่ถึงจุดนั้น เป็นเพียงก้าวแรกที่เผยแพร่หนังสือออกไป
"ถ้าอยู่ได้ด้วยตัวเอง หนังสือตอบโจทย์สังคม สามารถสร้างรายได้กลับคืนมาได้ มีทุนในการผลิตภาคต่อได้ คือโมเดลที่ดี สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องรบกวนใคร แม้จะมีคนอยากจะช่วยผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่ต้องมั่นใจว่าทำงานให้เสร็จ เพราะถ้าไม่เสร็จถือว่าทรยศความเชื่อใจ ผมไม่อยากทรยศความเชื่อใจใคร ถ้าตั้งใจว่ามีเส้นเรื่อง มีโครงเรื่องในหัว คิดว่าทำได้ และจะมีใครสนับสนุนในตอนนั้น จะต้องทำให้สำเร็จ" นายวิวัธน์กล่าว
อนึ่ง การเปิดตัวหนังสือการ์ตูน 2475 Dawn of Revolution จัดขึ้นที่คลิคเอ็กซ์ สามย่าน ศูนย์การค้าแอมพาร์ค อุทยาน 100 ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีนายนันทิวัฒน์ สามารถ รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ นายนิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลง และนายชวัส จำปาแสน หรือครูอะไหล่ โครงการสตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล มาร่วมงาน สำหรับหนังสือการ์ตูน 2475 Dawn of Revolution จำหน่ายราคาเล่มละ 555 บาท สั่งซื้อได้ที่เฟซบุ๊ก "2475 Dawn of Revolution"