“ทนายเดชา” ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ วิเคราะห์จุดจบทนายตั้มคดีฉ้อโกงลูกความ พร้อมเผยเพจดังโชว์หลักฐานสำคัญไว้หมดแล้ว
วันนี้ (6 พ.ย.) เพจ "ทนายคลายทุกข์" หรือ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ “ทนายเดชา” ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้ออกมาโพสต์วิเคราะห์กรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน โดยระบุว่า "จุดจบทนายตั้มคดีฉ้อโกงลูกความ? ให้ไปดูที่ #เพจดาวแปดแฉก
#อาจเป็นจุดจบทนายดัง?"
ด้านเพจดังกล่าวได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า “พยานหลักฐานที่เพจดาวแปดแฉกนำมาเสนอมีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจว่าสแกมเมอร์คือใคร คือผู้ต้องหาในคดีนี้หรือไม่?
และที่สำคัญมีการนำแคชเชียร์เช็คไปเบิกเงิน หลังจากนั้นใครรับแคชเชียร์เช็คไป ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำ แคชเชียร์เช็คไปเข้าบัญชีใคร ใครได้เงินจากการหลอกลวงอาจเป็นจุดจบทนายดัง
พยานหลักฐานสำคัญกว่าน้ำลาย บิ๊กโจ๊กกล่าวไว้ว่า กรรมใครกรรมมัน"
ต่อมาเพจ “ดาวแปดแฉก” ได้ออกมาโพสต์ถึงกรณีเงิน 39 ล้านบาท โดยระบุว่า “#ข้อมูลสำคัญปมเงิน 39 ล้านบาท!!
วันที่ 23 พ.ค. 2566 บางคนลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ ว่าเงินบิตคอยน์ รวมกว่า 2 ล้านบาท โอนให้ใครไม่รู้!!
ต่อมาวันที่ 25 พ.ค. 2566 เล่นบทเศร้า "พี่อ้อย" ใจอ่อนตัดใจโอนเงินจากธนาคารแห่งหนึ่งเพื่อซื้อแคชเชียร์เช็ค โดยมีบุคคลบอกให้สั่งจ่ายชื่อผู้แจ้ง 39 ล้านบาท แล้วมีบุคคลหนึ่งมารับแคชเชียร์เช็ค
ข้อสงสัย?? ผู้แจ้งจะโอนเงินบิตคอยน์ให้กับบุคคลอื่นที่ไม่รู้จักเป็นไปได้หรือและไม่รู้หรือว่าโอนค่าอะไร ถึงจำเป็นต้องโอนเป็นไป?? หากกล่าวอ้างว่าเงิน 39 ล้านบาท ถูกดูดทำไมบันทึกประจำวันลงแค่โอน 7 ครั้ง ยอดเงินแค่กว่า 2 ล้านบาท แต่ยอดเงิน 39 ล้านบาทไม่ปรากฏในบันทึกประจำวัน
ข้อสงสัย?? เงินบิตคอยน์ ในเรื่องนี้หากมีจริงความเสียหายแค่กว่า 2 ล้านบาท ไม่ใช่ 39 ล้านบาท?? บางคนอ้างว่าพี่อ้อยถูกสแกมเมอร์หลอก เตือนแล้วแต่พี่อ้อยโอนให้เอง??
ข้อเท็จจริงยอดเงิน 39 ล้านบาท พี่อ้อย โอนจากบัญชีส่วนตัวจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อแคชเชียร์เช็คให้กับบุคคลหนึ่ง โดยมีหลักฐานคือสำเนาการโอน การซื้อแคชเชียร์เช็ค และรายการเดินบัญชี ไม่ได้ถูกสแกมเมอร์หลอก!!
ปมเงิน 39 ล้านใครไม่พูดความจริง??
ทั้งหมดก็แค่สงสัย ไม่ได้มโน!!"