รมว.คมนาคมมาเลเซียประกาศ 1 ก.ค. 2568 ไม่อนุญาตให้จดทะเบียนและใช้รถยนต์เชื้อเพลิง NGV ในประเทศ พร้อมปิดบริการปั๊ม NGV และออกมาตรการเปลี่ยนผ่าน หลังถังก๊าซส่วนใหญ่มีอายุครบ 15 ปีแล้ว และอุปกรณ์มีราคาแพง แถมไม่มีจำหน่าย หาซื้อยาก ขณะที่ปิโตรนาสออกมาตรการให้บัตรกำนัลแท็กซี่กว่า 2 หมื่นบาท ส่วนรถบ้านถอดชุดอุปกรณ์ NGV ฟรี และคนที่ใช้รถ NGV อย่างเดียวให้นำรถไปยกเลิกจดทะเบียนแล้วทำลาย รับเงินชดเชยในราคาประเมิน
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. เฟซบุ๊ก Anthony Loke Siew Fook ของนายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย โพสต์วิดีโอคลิปพร้อมข้อความ เมื่อแปลเป็นภาษาไทยแล้วมีใจความว่า "เมื่อเดือนที่แล้ว ผมตกใจกับโศกนาฏกรรมที่ทำให้นักเรียนและครูในกรุงเทพฯ เสียชีวิตกว่า 20 ราย หลังจากถังก๊าซ NGV รั่ว ซึ่งในประเทศมาเลเซียมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดผู้บาดเจ็บหลายครั้ง
สิ่งนี้ควรเป็นที่น่าสังเกต เนื่องจากถัง NGV ส่วนใหญ่ได้รับการติดตั้งระหว่างปี 1995 ถึงปี 2014 (ปี 2538-2557) ถังก๊าซส่วนใหญ่มีอายุครบ 15 ปีแล้ว และอาจเป็นอันตรายได้หากไม่เปลี่ยนถังใหม่ อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนบริการเชื้อเพลิง NGV ในปัจจุบันกลายเป็นอุตสาหกรรมในช่วงถดถอย ส่งผลทำให้การเปลี่ยนถังก๊าซ NGV ทดแทนมีต้นทุนที่สูง และทำให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิง NGV มีจำนวนน้อยลง
กระทรวงคมนาคมมาเลเซียจึงร่วมกับปิโตรนาสช่วยเหลือเจ้าของรถยนต์ในการเปลี่ยนจากการใช้เชื้อเพลิง NGV รวมถึงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนชุดอุปกรณ์ NGV และรถยนต์ที่ใช้พลังงาน NGV โดยเฉพาะ พิเศษสำหรับคนขับรถแท็กซี่ NGV ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม จะได้รับความช่วยเหลือเป็นบัตรกำนัลน้ำมันมูลค่า 3,000 ริงกิตมาเลเซีย"
ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย ประกาศว่า รัฐบาลตัดสินใจยุติการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ NGV สําหรับยานยนต์ในประเทศมาเลเซีย โดยพื้นฐานของการคํานึงถึงปัจจัยด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะเจ้าของรถที่ขับเคลื่อนโดยใช้เชื้อเพลิง NGV โดยการจัดหาก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์เพื่อค้าปลีกในสถานีบริการทั่วประเทศได้หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. และภายในไตรมาสที่สองของปี 2025 จะไม่มีการจัดหาก๊าซธรรมชาติ NGV เพื่อการค้าปลีกในตลาดมาเลเซียอีกต่อไป พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศมาตรการที่ชื่อว่า NGV Vehicle Transition Assistance Program ได้รับการแนะนําโดยบริษัท ปิโตรนาส เอ็นจีวี (Petronas NGV) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบซึ่งเป็นพนักงานขับรถแท็กซี่ NGV เจ้าของรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง NGV ทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่กับน้ำมันเชื้อเพลิง
ตามรายงานข่าวของ สำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ระบุว่า รมว.คมนาคมมาเลเซีย ประกาศว่ารถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ จะไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนและใช้รถในมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง NGV มี 2 ประเภท ได้แก่ รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน แต่ดิดตั้งอุปกรณ์ระบบเชื้อเพลิงแบบคู่ (dual-fuel) มีมากกว่า 95% และรถยนต์นำเข้าที่ใช้เชื้อเพลิง NGV โดยเฉพาะ ซึ่งการเปลี่ยนอุปกรณ์ NGV ปัจจุบันมีราคาสูงถึง 7,000 ริงกิต (ประมาณ 54,100 บาท) แต่อุปกรณ์ใหม่ไม่มีจำหน่าย หรือหาซื้อยากในมาเลเซีย
จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกมาเลเซีย (JPJ) พบว่ามีรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง NGV ทั่วประเทศ 44,383 คัน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล 32,137 คัน รถแท็กซี่และรถเช่า 9,509 คัน รถโดยสารและรถบรรทุก 2,150 คัน และรถยนต์ประเภทอื่น รวมทั้งเครื่องจักร 587 คัน ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวพบว่ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง NGV คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.2% ของจำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนทั้งหมดในมาเลเซีย โดยไม่รวมรถจักรยานยนต์ ซึ่งในปี 2551-2557 มีอุบัติเหตุใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง NGV จำนวน 6 ครั้ง
ด้าน มาตรการช่วยเหลือการเปลี่ยนผ่านรถ NGV ของบริษัทปิโตรนาส เอ็นจีวี ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มปิโตรนาส บริษัทพลังงานด้านน้ำมันและก๊าซแห่งชาติมาเลเซีย ได้แบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้ขับรถแท็กซี่ที่ใช้รถยนต์ NGV จะได้รับบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ของ Setel แอปพลิเคชันสำหรับยานพาหนะเพื่อนำไปเติมน้ำมันหรือใช้จ่ายที่เกี่ยวกับรถยนต์ จำนวน 3,000 ริงกิต (ประมาณ 23,100 บาท) กลุ่มที่ 2 เจ้าของรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ระบบเชื้อเพลิงแบบคู่ (dual-fuel) จะได้รับบริการถอดชุดอุปกรณ์ NGV ฟรีในศูนย์บริการที่กำหนด และกลุ่มที่ 3 เจ้าของรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง NGV เพียงอย่างเดียว จะได้รับเงินชดเชยตามราคาประเมินรถยนต์ เมื่อยกเลิกการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกมาเลเซีย (JPJ) และทำลายรถยนต์ผ่านตัวแทนที่กำหนด โดยทั้ง 3 มาตรการจะเปิดให้ชาวมาเลเซียลงทะเบียนภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2567