กลิ่นตุๆ เบื้องหลัง “หนิง” อดีต อจ.พิเศษ ร.ร.นายร้อยตำรวจ แจ้งความ “มาดามกุ๊บ” เมีย “บิ๊กโจ๊ก” ลักทรัพย์ในคอนโดฯ เป็นทองคำแท่ง-เงินสดมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท พร้อมแฉเป็นชู้กับสามี เผยพิรุธ บอกเห็นถุงเงิน 100 ล้านวางในห้อง ทำไมไม่เอะใจ แถมไม่อาละวาดเมื่อรู้ว่าผัวมีชู้ แค่คุยกันจบง่ายๆ น่าสงสัยโยงทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติของบิ๊กโจ๊กหรือไม่
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงเรื่องอื้อฉาวกรณีภรรยาของนายตำรวจใหญ่เป็นชู้กับสามีชาวบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องน่าอับอาย และน่าเศร้าของลูกผู้ชายคนหนึ่งโดยเฉพาะคนที่เป็นข้าราชการตำรวจใหญ่ระดับนี้
โดยเรื่องดังกล่าวเริ่มต้นจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา น.ส.ธณัฎฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อายุ 50 ปี อาชีพอาจารย์สอนพิเศษ ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม ไปแจ้งความที่ สน.พระโขนง ว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 เธอได้ใช้หลานชายไปเอาแมกกาซีนปืนของ พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ (นรต.48) ซึ่งเป็นสามีของเธอ และเป็นอาจารย์ (สบ.4) คณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจฯ กลุ่มงานคณาจารย์ ที่กรีนคอนโด ชั้น 7 ห้องเลขที่ 8/125 ซอยสุขุมวิท 101 ย่านพระโขนง ซึ่งห้องนี้เป็นของเธอกับสามี
แต่แล้วระหว่างหลานชายขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้น 7 ก็เห็น "มาดามกุ๊บ" หรือ ดร.ศิรินัดดา หักพาล ภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. (นรต.47) และผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ กำลังใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าห้องของเธอ หลานชายจึงรีบโทรศัพท์แจ้งเพื่อให้เดินทางจากนครปฐมมาดูที่ห้อง เพราะคิดว่าขโมยเข้าห้อง เมื่อมาตรวจสอบที่ห้องพบว่าทรัพย์สินหายไปหลายรายการ ดังนี้
1. ทองคำแท่ง หนักแท่งละ 10 บาท จำนวน 10 แท่ง รวมน้ำหนักเป็น 100 บาท (ราคาปัจจุบันราว 4.4 ล้านบาท)
2. พระเลี่ยมทอง หนัก 2 บาท
3. สร้อยคอทองคำ 2 เส้น หนักรวม 8 บาท
4. สร้อยข้อมือทองคำ หนัก 5 บาท
5. เงินสดจำนวน 6 แสนบาท
และของเล็กๆ น้อยๆ รวมมูลค่าของที่ “หนิง” อ้างว่า ถูก "มาดามกุ๊บ" ขโมยไปมูลค่ารวม 5,493,910 บาท ตามข้อมูลที่แจ้งความไว้
เปิดปูม “เรื่องชู้สาว”
คดีนี้ไม่ใช่แค่การลักทรัพย์ธรรมดา แต่โยงไปถึงประเด็นชู้สาว ระหว่าง พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ สามีของหนิง กับ "มาดามกุ๊บ" ดร.ศิรินัดดา หักพาล ภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
จากคำให้การของ “หนิง” และการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า เมื่อปลายปี 2566 หนิงระแคะระคายว่าสามีตัวเองที่อยู่กินกันมากว่า 3 ปี ได้แอบคบแอบคุยเชิงชู้สาวกับ “มาดามกุ๊บ” ภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์
จนช่วงต้นปี 2567 หนิงจับได้ว่าภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นัดสามีของหนิงไปเจอกันสองต่อสองหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่สามีของหนิงไปหา ดร.ศิรินัดดา ก็จะบอกหนิงทุกครั้ง
ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงง เพราะถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็เหมือนกับว่า “ผัวจะไปหาเมียน้อย แต่ก่อนไปต้องบอกเมียหลวง”
หลังจากหลายครั้งที่สามีหนิงไปหา “มาดามกุ๊บ” หนิงเริ่มจับพิรุธได้ว่ามันต้องมากกว่าเพื่อนแน่ๆ จึงมีการสะกดรอยตาม จนพบว่าทั้งคู่ไปนัดเจอกันที่บ้านพักสามี ย่านคลอง 7 ลำลูกกา พอรู้เป้า ด้วยความแสบของเมียหลวง ช่วงเดือนเมษายน 2567 หนิงจึงดอดไปติดกล้องวงจรปิดไว้ในตัวบ้าน
ทีเด็ดของเรื่อง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 หนิงไปเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดที่เธอแอบไปซุกเอาไว้ที่บ้านพักเพื่อหวังจะจับสามีให้ได้คาหนังคาเขา ซึ่งก็ทำสำเร็จครับ ได้ภาพจะจะของสามี คือ พ.ต.อ.ภีมพจน์ และ ดร.ศิรินัดดา หักพาล ภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กำลังบรรเลงเพลงสวาทโดยไม่สนว่าสามีใครภรรยาใคร
จากนั้น “หนิง” ก็อ้างว่าพอได้หลักฐานเป็นภาพที่ทั้งคู่บรรเลงเพลงสวาท จึงเรียกสามีและมาดามกุ๊บมาพูดคุย ทั้งคู่ก็ตกลงว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกันอีก โดยอ้างว่า “ไว้ใจสามี” เพราะ “สามีของเธอไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน”
ในคำให้การ หนิงย้ำกับพนักงานสอบสวน ว่า "มาดามกุ๊บ" เป็นคนเริ่มฟัดสามีตัวเองก่อน
อย่างไรก็ตาม หากจะย้อนกลับไป สมัยพ.ต.อ.ภีมพจน์รับราชการอยู่ที่ จ.สงขลา ก็เคยคบหากับ “มาดามกุ๊บ” ศิรินัดดา มาก่อน จนเมื่อ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” ไปรับราชการที่ จ.สงขลา “มาดามกุ๊บ” ก็หันมาคบหากับ “โจ๊ก” และตัดสินใจแต่งงานกับ “โจ๊ก” ช่วงปี 2555-2556 แต่หลังจากแต่งงานก็มีข่าวว่า “มาดามกุ๊บ” ยังติดต่อและมีเยื่อใยกับ พ.ต.อ.ภีมพจน์อยู่
กลับมาดูเรื่องทรัพย์สินที่หาย หนิงบอกกับตำรวจถึงข้อสันนิษฐานว่าเหตุใดในวันที่ 18 สิงหาคม "มาดามกุ๊บ" จึงมาที่กรีนคอนโด ห้องของเธอกับสามีอีก ทั้งที่เลิกรากันไปแล้ว
เพราะช่วงปลายปี 2566 ถึงต้นปี 2567 สามีของหนิงบอกมีเพื่อนนำของมาฝากไว้ที่คอนโดฯ จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เธอก็เห็นถุงขนาดใหญ่ ลายสีรุ้ง วางอยู่ในห้องจำนวน 5 ถุง พอนึกถึงคำที่สามีพูดว่ามีเพื่อนเอาของมาฝากไว้ เธอก็ไม่ได้สนใจ
จนมาเดือนมิถุนายน หนิงเริ่มสงสัย จึงเปิดถุงดู เห็นเงินเป็นมัดๆ ก้อนๆ น่าจะก้อนละ 1 ล้านบาท ซ้อนกันอยู่ในถุงประมาณ 3 ชั้น ถุงหนึ่งน่าจะมี 20 ล้านบาท รวมทั้งหมด 5 ถุง ก็ 100 ล้านบาท แต่ก็ไม่ได้เอะใจ หรือสนใจอะไร
ประเด็นชักจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว เงินสดมากองอยู่ในห้องเป็นร้อยล้าน ยังบอกไม่ได้สนใจอะไร !?!
กระทั่งมาเดือนกรกฎาคม หนิงมาที่ห้องอีกรอบ ถุงเงินก็ยังอยู่ ก็ยังคงเชื่อคำสามี จนสุดท้ายวันเกิดเหตุที่หลานชายมาเจอ "มาดามกุ๊บ" เข้าไปในห้อง พอมาตรวจสอบห้องหลังจาก "มาดามกุ๊บ" ออกไปแล้ว ก็พบว่าถุงเงินทั้ง 5 ถุงหายไป พร้อมกับทรัพย์สินหายไปด้วยตามรายการที่แจ้งความ พอถามสามีว่าถุงเงิน 5 ถุงหายไปไหน สามีเลยสารภาพว่า "มาดามกุ๊บ" มาเอาไปแล้ว เพราะเป็นของที่ฝากเอาไว้หลายเดือนแล้ว
หนิงให้การเพิ่มอีกว่า ไม่ได้สนใจเรื่องเงินในถุงเลย แต่ทำไม "มาดามกุ๊บ" ต้องมาเอาทรัพย์สินของเธอไป?
ซึ่งหลักฐานชัดเจนมาก เพราะวันเกิดเหตุพอเธอมาถึงห้อง ก็มาเจอกระเป๋าถือของ "มาดามกุ๊บ" ในกระเป๋ามีนาฬิกาปาเต๊กฟิลลิปส์ 2 เรือน และกรมธรรม์ประกันชีวิต จนเป็นที่มาของการแจ้งความ จนตำรวจต้องไปขออำนาจศาลออกหมายจับ ดร.ศิรินัดดา หักพาล ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ หลังจากศาลออกหมายจับข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน และร่วมกันบุกรุกเคหสถาน วันนั้น ดร.ศิรินัดดาก็มามอบตัว พร้อมทนายความ ก็จะใช้หลักทรัพย์ประกันตัวไป 105,000 บาท
“ท่านผู้ชมครับ ที่ผมว่ามาทั้งหมด คือเนื้อเรื่อง หรือคำกล่าวอ้างของคุณหนิงทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องชู้สาว เรื่องทรัพย์สินของเธอ เรื่องถุงเงินปริศนา เงินก้อน เงินมัด เป็นของใคร ฟังแล้วก็มีพิรุธไปทุกจุด หรือ เรียกได้ว่าถ้าเป็นนิยายก็ถือว่าเป็นนิยายหลอกเด็กอนุบาลก็ว่าได้
ขนาดคุณเอาเรื่องนี้ไปพูดที่รายการโหนกระแสของ คุณหนุ่ม กรรชัย เขาหยอกกับคุณเหมือนตัวตลกเลย
คุณทั้ง 4 คน คุณหนิงตัวคุณเอง, สามีของคุณ (พ.ต.อ.ภีมพจน์) หรือ “มาดามกุ๊บ” ดร.ศิรินัดดา รวมไปถึง “โจ๊ก” สุรเชษฐ์ พวกคุณรู้อยู่แก่ใจ ว่าพวกคุณทำอะไรกันอยู่??? ซึ่งผมขอตั้งข้อสังเกตแบบนี้ คือ
หนึ่ง เท่าที่ผมรู้ ดร.ศิรินัดดาให้การกับตำรวจตอนมามอบตัวว่ามีการเช่าคอนโดฯ ห้องที่เกิดเหตุกับสามีคุณหนิง ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 67 โดยตกลงเช่ากันไว้ 1 ปี ในราคาเดือนละ 10,000 บาท แต่ได้จ่ายค่าเช่าทั้งปี รวมเป็นเงิน 120,000 บาท แสดงว่าการเช่าจะสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 68 ดังนั้นการเอาถุงกระสอบสีรุ้ง 5 ใบ ไปฝากเก็บไว้ ก็สามารถเก็บได้ถึงตามอายุสัญญาเช่า ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องเอาออกไปแต่อย่างใด
สอง ตามคำให้การของคุณหนิง พบว่าคุณหนิงกับสามีมีการเข้ามาที่ห้องเกิดเหตุตั้งหลายครั้ง แต่ทำไม ดร.ศิรินัดดาไม่มีการแจ้งความในข้อหาบุกรุกกับสองผัวเมีย
สาม ถ้ามีการเช่า กุญแจ คีย์การ์ด ก็ต้องเป็นการได้มาโดยชอบ ก็สามารถที่จะเปลี่ยนกุญแจล็อกได้อีกชั้น หากไม่ต้องการให้ใครเข้าไปวุ่นวายในห้องเช่านี้
สี่ ในซอยสุขุมวิท 101 ซอยย่อย 47 ดร.ศิรินัดดามีคอนโดฯ อีก 3 ห้อง ซึ่งใกล้เคียงกับห้องที่เกิดเหตุ ที่อยู่ซอย 21 ทำไมถึงไม่เอาเงิน 5 ถุง ที่คุณหนิงให้การกับตำรวจ ไปเก็บไว้ที่คอนโดฯ ของตัวเอง?
ห้า ข้อมูลเชิงลึก ดร.ศิรินัดดา รู้จักกับสามีคุณหนิงตั้งแต่เป็นสารวัตรดำรงตำแหน่งแถวภาคใต้ จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
หก เรื่องซื้อขายทอง ตามที่ปรากฏโพสต์อิตในถุงสีรุ้ง ดันไปตรงกับที่มีข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ (ตำรวจลูกน้องบิ๊กโจ๊ก) ที่ พ.ต.ต.ชานนท์ รายงานการซื้อขายทองช่วงนั้น ตรงกับหลักฐานที่ ปปง.มีอยู่ จึงเชื่อได้ว่าทองคำที่คุณหนิงอ้างว่าถูก "มาดามกุ๊บ" ขโมยไปนั้น ไม่น่าจะเป็นของคุณหนิง แต่เป็นทองของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับมาดามกุ๊บ แต่คุณหนิงแต่งเรื่องเพื่อแบล็กเมล์ ใช่หรือไม่???
เจ็ด ตัวคุณหนิงเองมีประวัติถูกแจ้งความดำเนินคดี ถูกฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์เกือบ 10 คดี และเบื้องหลังคุณหนิงกับสามีก็ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จะเอาทองคำ 120 บาท กับเงินสด 600,000 บาท มาจากไหนครับ ตอบผมหน่อยสิ หลักฐานที่จะแสดงถึงว่า คุณซื้อทอง เป็นเจ้าของทองยังไม่มีเลย
แปด ตรรกะง่ายๆ เมียที่ไหนครับ จับได้ว่ามีผู้หญิงเอาผัวตัวเองไปทำชู้ พร้อมหลักฐานชัดเจน แต่ไม่อาละวาด เคลียร์กันเงียบๆ แล้วแยกย้าย ดูเป็นแม่พระเหลือเกิน ต่างกับมาออกรายการโหนกระแส ธาตุแท้ยิ่งกว่าตลาด ดีแล้วที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจไม่ให้คุณทำการสอนต่อไป บุคลากรแบบนี้หรือที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจนำมาสั่งสอนนักเรียนนายร้อยตำรวจ
เก้า คุณหนิงกับสามีรับลูกกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยในรายการโหนกระแส ทั้งที่มันเป็นความผิดร้ายแรงของระบบราชการที่มีการคบซ้อน เชิงชู้สาว ร้ายแรงถึงออกราชการ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้แคร์ เหมือนรู้ว่าจะได้ลาภก้อนใหญ่ จนไม่สนชีวิตราชการ กระทั่ง เงินบำเหน็จ บำนาญ
สิบ ที่ผมพูดมาทั้งหมด มันขมวดไปถึงข้อพิรุธ และความน่าสงสัยของการพยายามปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ร่ำรวยเกินกว่าเหตุ ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ ดร.ศิรินัดดา รวมไปถึงเส้นทางการเงินที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนันทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายมินนี่ หรือ BNK Master
“เรื่องคดีพวกนี้ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผมก็ยังงงกับหน่วยงานที่ตรวจสอบไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ ปปง.ที่ยังเชื่องช้าเหมือนเด็กหัดเดิน ทำอะไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่ได้เต็มข้อสักที ทั้งที่ตำรวจขนหลักฐานให้ไปไม่รู้เท่าไร รออะไรกันอยู่ หรือจะรอให้มันโยกเงิน โยกทองหนีออกนอกประเทศไปก่อน เรื่องดำเนินคดีอาญาที่ ปปง.ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว บทเรียนมีไม่ใช่หรือ มันโยกเงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตให้เห็นแล้วไง” นายสนธิกล่าว