สภาพ “ทนายตั้ม” หลังโดน “พี่อ้อย” แจ้งความฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน โจทก์เก่าต่างทยอยออกมารุมแฉพฤติกรรม มิตรสหายต่างกระโดดหนี แม้แต่ “พี่โจ๊ก” ยังบอกกรรมใครกรรมมัน พี่ไม่เกี่ยว ด้าน “สนธิ” ประกาศถึงเวลาต้องขจัดทนายเลว ใครที่เคยโดนทนายคนนี้รังแกให้แจ้งมา พร้อมจัดการให้
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลังจากถูก น.ส.จตุพร อุบลเลิศ แจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาทที่โอนมาให้ทำระบบจำหน่ายลอตเตอรี่ออนไลน์ ซึ่งทำให้คนที่เคยเป็นคู่กรณีกับนายษิทราต่างทยอยกันออกมาแฉพฤติกรรมในอดีตของนายษิทราอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม เพจเฟซบุ๊ก “ดาวแปดแฉก” ได้โพสต์ข้อความว่า “ย่อยยับ ! ‘ปอ ตนุภัทร์’ คดีน้องแตงโม แฉวันที่ 25/2/65 เพื่อนแนะนำทนวยดัง ที่มีกระแส พอเจอทนวย จรรยาบรรณ ต้องมี แนะนำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง "เรื่องนี้อยู่ในสำนวน”
ต่อมาในวันเดียวกัน (27 ตุลาคม 2567) รายการ“ทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี” รายงานว่า นายปอ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ เจ้าของสปีดโบ๊ต ที่ ‘แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์’ ดาราสาวชื่อดังนั่งและพลัดตกลงจากเรือสปีดโบ๊ตกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต ได้เปิดใจกับอมรินทร์ทีวี โดยระบุว่า
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 หรือเกือบ 3 ปีที่แล้ว คนบนเรือคดีแตงโมได้ขอคำปรึกษากฎหมายจาก “ทนายตั้ม” ซึ่งวันนั้น “ทนายตั้ม” ขอให้รอก่อน เพราะอยู่ระหว่างไปทำงานต่างจังหวัด หรือที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา(ซึ่งในวันเดียวกันเฟซบุ๊ก ทนายตั้มก็โพสต์ภาพว่าไปดูแลสัญญาผู้รับจ้างเหมาซ่อมแซมโรงเรียนให้ พี่อ้อย จตุพร)
ซึ่งตอนหนึ่ง “ปอ ตนุภัทร” ระบุว่า วันนั้นพวกตนต้องไปเจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้การเรื่องแตงโม ซึ่งเพื่อนบอกว่าเราต้องเจอกับนักกฎหมายเพื่อปรึกษาก่อน ก็มีใครบางคนที่รู้จักกับ “ทนายตั้ม” แนะนำให้มาพบกับทนายตั้ม โดยติดต่อมาให้เจอกันที่ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่ง(ร้านมาเรีย) ถ.ราชพฤกษ์
แต่ในวันดังกล่าว “ทนายตั้ม” ต้องไปธุระที่ อ.ปากช่องก่อน ปล่อยให้นายปอ และ นายโรเบิร์ต รออยู่หลายชั่วโมง จนเป็นที่มาของกระแสสังคมที่ประณามว่าทำไมกลุ่มคนบนเรือไม่ยอมไปให้การกับตำรวจเสียที ที่มาก็คือทนายตั้มบอกให้รอเจอกันก่อน
“นายปอ” เล่าว่า ประมาณ 5 โมงเย็น พอทนายตั้มมาถึง ก็ขอให้กลุ่มคนบนเรือเล่าข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์บนเรือที่เกิดขึ้นกับคุณแตงโม นิดา มาให้หมด ทั้งฝั่งนายปอว่าเห็นอะไร นายโรเบิร์ต(ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์) เห็นอะไรอะไรยังไง แต่พอเล่าไปเรียบร้อยว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบนเรือบ้าง 1 2 3 4 ความจริงทั้งหมด ปรากฏว่าทนายตั้มบอกว่า "คุณพูดแบบนี้ไม่ได้ ต้องไปโทษอีกคนนึงที่อยู่บนเรือแล้วโยนความผิดให้กับคนนั้น" เท่านั้นยังไม่พอถ้าจะให้ทำคดีนี้ขอเรียกเงิน 1 ก้อนที่เป็นก้อนใหญ่มาก(นี่คือจากที่นายปอเล่าให้สื่ออมรินทร์ฟัง)
จากนั้นพอได้ยิน “นายปอ ตนุภัทร” ก็เลยรู้สึกเอ๊ะ! ในหลายประเด็น
เอ๊ะแรกคือ เรื่องที่อยู่ๆ ทนายคนนี้ติดต่อขอเข้ามาเจอพวกตนเอง
เอ๊ะ! ที่สองคือเสนอแนวทางทำคดีที่ให้โทษไปที่เพื่อนอีกคนบนเรือให้รับผิดไปโดยไม่ต้องสนข้อเท็จจริง ซึ่งมองว่าไม่ถูกต้อง ทนายก็ต้องมีจรรยาบรรณ
เอ๊ะ! ที่สามเรื่องจำนวนเงินค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่เรียกมา
แล้วเอ๊ะ! สุดท้ายก็คือ พอพูดคุยไม่ลงตัว อยู่ๆ “ทนายตั้ม” ก็บอกว่า ถ้าอย่างงั้นเราร่วมงานกันไม่ได้ แล้วก็ลุกพรวดพราดออกจากร้านไป แล้วก็ไปโพสต์ลงโซเชียลทำนองว่า "พวกกลุ่มคนบนเรือติดต่อให้ทนายตั้มไปว่าความให้ แต่ตัวเองไม่รับทำคดี"
และที่น่าตกใจมากกว่านั้น คือ ทนายตั้มได้ติดต่อพี่ชายแตงโมเพื่อขอเป็นทนายความให้ฝั่งนั้นด้วย เหมือนกับว่าตั้งใจจะมาล้วงข้อมูลจากทางฝั่งนายปอ แล้วเอาข้อมูลสำคัญจากตรงนี้ไปแล้วไปเสนอตัวว่าความให้อีกฝั่งหนึ่ง
ซึ่ง “ปอ ตนุภัทร” มองว่า วิธีการแบบนี้น่าจะเป็นวิธีที่ “ทนายตั้ม” ถนัด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นตนพูดไม่ได้ เพราะพูดไปกระแสสังคมตอนนั้นด่าตนแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยู่ในคำให้การกับตำรวจแล้ว มีพยานหลักฐานชัดเจน
นอกจากนี้ วันที่ 28 ตุลาคม 2567 แซน วิศาพัช หรือ นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่บนเรือก็ออกมายืนยันว่าเป็นการนัดเจอกันระหว่างนายปอ นายโรเบิร์ตและทนาย ที่ร้านมาเรียจริง โดยเล่าว่า ทนายคนนี้แนะนำ ปอ กับโรเบิร์ต ว่าให้โยนความผิดกรณีการเสียชีวิตของแตงโม มาที่แซน ที่อยู่ท้ายเรือโดยไม่ต้องสนใจข้อเท็จจริงก็ได้ แต่นายปอ กับ นายโรเบิร์ตไม่เห็นด้วย ก็เลยไม่ได้ให้เขาทำคดี ซึ่งทางแซนก็บอกว่ามีคลิปหลักฐานชัดเจนอยู่ในคำให้การตำรวจแล้ว
ต่อมา วันที่ 28 ตุลาคม 2567 แม่ค้าออนไลน์คนหนึ่งชื่อว่า “หนึ่ง บางปู” ออกมาอัดคลิปแบบเปิดหน้าผ่านเพจบิ๊กเกรียน ร่วมแฉทนายตั้ม โดยเธอบอกว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่เคยโดนทนายตั้มเรียกเงิน 10 ล้านบาทแต่คดีไม่คืบ
โดย “หนึ่ง บางปู” ใช้บริการ “ทนายตั้ม” ในช่วงที่มีคดีฟ้องร้องกับอดีตสามีที่เป็นตำรวจ เรื่องของการแบ่งสินสมรส โดยทนายตั้มพอรู้ว่าสินสมรสมีอะไรยังไงบ้าง ก็เลยเรียกค่าทำคดี 10 ล้านบาท โดยเธอบอกว่าทนายตั้มอ้างว่าต้องเอาเงิน 10 ล้านนี้ไปแบ่งให้กับบิ๊กตำรวจนายหนึ่งที่สนิทสนมด้วย อ้างว่าบิ๊กตำรวจจะช่วยย้ายอดีตสามีเธอไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเธอก็ไปกู้เงินแบงก์มาจ่ายไป แต่ปรากฏว่าคดีไม่มีอะไรกลับคืนมาเลย ในช่วงเวลาเดียวกัน ปรากฏว่า “ทนายตั้ม” ออกรถปอร์เช่ คาเยน สีน้ำตาลคันใหม่มาขับไปไหนมาไหน ก็อดคิดไม่ได้ว่ามาจากเงินของเธอแน่ๆ
ทั้งนี้ทนายตั้ม เคยขับรถ พอร์ช คาเยนน์ สีน้ำตาล ไปจอดในที่จอดรถของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในสมัยที่เป็นรอง ผบ.ตร.ด้วย แสดงว่าทั้งสองคนสนิทสนมกันมากถึงขั้นให้ใช้ที่จอดรถตัวเอง
ใคร ๆ ก็ไม่รัก “ตั้ม”
ช่วงบ่าย วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นายตั้ม ษิทรา ก็ออกมาเคลื่อนไหว เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน โดยโพสต์ภาพตัวเองพร้อมข้อความว่า “ใครใครก็ไม่รักผม ขนาดพัดลมยังส่ายหน้าเลย เฮ้อ ... ชีวิต”
อย่างไรก็ตาม ผู้คนก็ถือโอกาสเข้าไปถล่มแสดงความคิดเห็นต่อว่า “ทนายตั้ม” ต่อกรณีอื้อฉาวเพิ่มเติม จนอาจจะเรียกได้ว่า “ตายคาบ้าน” ก็คงไม่ผิดนัก
คาดเดาสาเหตุของการออกมาตัดพ้อต่อโลกโซเชียลของ “ทนายตั้ม” ว่าน่าจะเกิดจากกรณีที่ เจ้านายคนสนิท อย่าง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ PPTV ถึงกรณี “ทนายตั้ม” กับคดีฉ้อโกง “พี่อ้อย”
โดย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ บอกว่า “พี่ไม่เคยไปรับอะไรกับเขาทั้งสิ้น กรรมใครก็กรรมมัน พี่ไม่เคยไปเกี่ยวข้อง ส่วนเขาจะไปหลอกใครเอาสตางค์ไปให้ใคร ฟังแล้วมันทุเรศ ก็ให้ไปสอบเจ้าตัว ไปสอบทนายตั้มว่าเอามาให้พี่จริงหรือเปล่า พี่ไม่เคยรับเงินสกปรกแบบนี้ คราวนี้กรรมใครก็กรรมมัน”
เมื่อถามว่าเคยรู้หรือไม่ว่า “ทนายตั้ม” มีพฤติกรรมแบบนี้แอบอ้างชื่อแบบนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ บอกว่า“ไม่รู้ๆ ชื่อพี่แอบอ้างกันเยอะอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็จับไปเยอะแล้ว แต่พี่ไม่รู้พฤติกรรมแบบนี้เพราะพี่ไม่ได้ไปร่วมวงกับเขา แล้วเจ๊อ้อยพี่ไม่รู้จัก ไม่เคยไปติดต่ออะไรกับเรา คือตั้มไปทำอะไรก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับพี่”
นอกจาก “โจ๊ก สุรเชชษฐ์” ที่ขับไสไล่ส่ง “ทนายตั้ม” แล้วมิตรสหายเก่า ๆ ในแก๊งทนาย ไม่ว่าจะเป็น
- “ทนายคู่ใจ” นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์
- “ทนายจุ๊กกรู้” นายเดชา กิตติวิทยานันท์
- นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์
แล้วผมไม่รู้ว่า “คุณษิทรา” คุณเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ เวรกรรมด้วยหรือไม่ เพราะ เพื่อนคุณ ทนายรณณรงค์ ออกมาไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กทนายคู่ใจเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้เอง เขาบอกอย่างนี้ครับว่า
“คุณเชื่อเรื่องลี้ลับไหม ตอนแรกผมไม่ระแคะระคาย ไม่เอะใจอะไรเลยจน ผมไปทอดกฐินที่วัดป่าภูทับเบิก กลับมาถึงบ้าน นอน แล้วฝันว่ามีคนหิ้วหัวตั้ม (นายษิทรา) กับหัวใครอีกคนหนึ่งมาด้วย มาสองหัว มือขวาหิ้วหัวไว้ ทั้งหัวทนายตั้ม ทั้งหัวอีกคนหนึ่งใครก็ไม่รู้ อีกมือหนึ่งก็เอาตัวมาด้วย เหมือนผีเลย ตกใจเหมือนกัน เจอในฝัน เขาก็ถืออย่างนี้ไปเรื่อยๆ หลังสะพายดาบด้วย
“ผมก็กลัว สงสัยจะดูซีรีส์เยอะไป เขาก็เดินไปไหนของเขาไม่รู้ เดินเข้าไปในภูเขา เดินเข้าไปในถ้ำ แล้วก็เอาไปฝังไว้ ตื่นมาตอนเช้าก็นึกว่าฝันอะไร ตอนเย็นไปรายการถกไม่เถียง ไปเจอเคสเมียบิ๊กโจ๊ก (นางศิรินัดดา หักพาล ภริยา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.) นั่งอยู่ในถกไม่เถียง แล้ววันนั้นนายษิทราก็โดนเปิดทางฝั่งของบ้านพระอาทิตย์ (เครือผู้จัดการ) โดนคู่เลย เราก็บอก ทำไมผมฝันอย่างนี้ล่ะเนี่ย ถามว่ากล้าเล่าให้นายษิทราฟังไหม ผมก็ไม่เล่าหรอก วิบากใครวิบากมัน แต่ผมรู้ว่าฝันอย่างนี้ไม่ปกติแน่นอน”
ทั้งเรื่องการฉ้อโกง การหลอกถามข้อมูลอีกฝ่ายแต่ไปทำคดีให้อีกฝ่าย แอบอ้างชื่อตำรวจนักการเมืองมาเรียกรับเงินจำนวนมากจากลูกความแต่คดีไม่คืบ เป็นเรื่องที่คนในแวดวงทนายความเห็นว่าผิดจรรยาบรรณทนายความอย่างร้ายแรง ไม่ทราบว่าสภาทนายความทำอะไรกันอยู่?
"การเป็นทนายพฤติกรรมเลวๆ แบบนี้ ถึงเวลาที่ผมต้องเข้ามาขจัดทนายเลวๆ ส่วนใครที่เคยโดนทนายษิทรารังแก ให้แจ้งมาที่ผม ส่งข้อมูลเข้ามาที่ inbox คุยทุกเรื่องกับสนธิเลย เดี๋ยวผมจะจัดการให้" นายสนธิ กล่าว