วันที่ 31 ตุลาคม ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดกิจกรรมงานวันออมแห่งชาติ ประจำปี 2567 ในงานได้รับเกียรติจาก ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี พร้อมแสดงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "วินัยการออม เสาหลักสู่ความยั่งยืนในสังคมไทย"
โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะแก่ก่อนรวย มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จากวัยแรงงานที่ลดลง ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลลดลง และค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุของภาครัฐสูงขึ้นแบบขั้นบันได เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องเข้ามาบริหารจัดการ โดยเฉพาะการกระจายรายได้เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งวินัยการออมเปรียบได้กับ "เสาหลัก" ที่ค้ำจุน "ชีวิต" ให้มั่นคง
"ผมอยากให้คนไทยร่วมกันปรับและเปลี่ยนพฤติกรรม ให้ความสำคัญต่อการออมเพื่อการเกษียณ อย่ามองเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเริ่มต้นเร็วย่อมได้เปรียบ และในขณะนี้ครัวเรือนไทยมีความตระหนักถึงการออมที่ค่อนข้างต่ำ รวมถึงมีพฤติกรรมจ่ายก่อนและออมทีหลัง ซึ่งเงินออมที่ไม่เพียงพอจะทำให้กลายเป็นคนยากจนในวัยเกษียณ และความไม่ยั่งยืนทางการคลังของภาครัฐเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างวิตกกังวล และเป็นโจทย์ใหญ่ในขณะนี้ว่าเราจะทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุมีรายได้ในวัยเกษียณที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และไม่กลายเป็นกลุ่มเปราะบางในสังคม" ดร.เผ่าภูมิกล่าว
ดร.เผ่าภูมิกล่าวว่า ปัจจุบันได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนออมเงินเพื่อการเกษียณมากขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังได้พัฒนานวัตกรรมการออมให้คนไทยเพื่อจูงใจและกระตุ้นให้เกิดการออมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้เป็นนโยบายที่ดีมาก และจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทย คือ "สลากออมทรัพย์เพื่อการเกษียณ" ที่ดำเนินการผ่าน กอช. เป็นผลิตภัณฑ์การออมรูปแบบใหม่ ที่สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออมเงินด้วยตนเอง ผ่านการสร้างแรงจูงใจ ในรูปแบบของ เงินรางวัล เป็นการนำลักษณะนิสัยของคนไทยที่ชื่นชอบการ เสี่ยงโชคเสี่ยงดวงมาสร้างแรงจูงใจในการเก็บออม
ดร.เผ่าภูมิกล่าวว่า สลากเกษียณฯ เป็น "สลากขูดดิจิทัล" จำหน่ายใบละ 50 บาท ซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน ออกรางวัลทุกวันศุกร์ แบ่งเป็น รางวัลที่ 1 มูลค่า 1,000,000 บาท 5 รางวัล และรางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท 10,000 รางวัล ผู้ถูกรางวัลจะได้รับเงินภายในวันถัดไป และหากรางวัลออกไม่ครบจะทบไปงวดถัดไป ส่วนผู้ที่มีสิทธิซื้อ ได้แก่ สมาชิก กอช., ผู้ประกันตนมาตรา 40 และกลุ่มแรงงานนอกระบบ ที่มีอยู่กว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ ส่วนการแก้ไข พ.ร.บ.กอช. เบื้องต้นได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขการขยายอายุผู้มีสิทธิซื้อสลากเกษียณฯ จากเดิมอายุ 15-60 ปี เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีสามารถซื้อได้ แต่ต้องถือบัญชีซื้อสลากเกษียณฯ ไว้ต่อเนื่อง 10 ปีถึงจะถอนเงินออกมาได้ หากเสียชีวิตเงินจะตกเป็นมรดกให้กับทายาทหรือผู้ได้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ ทั้งนี้ จะมีการเสนอเข้าที่ประชุม ครม.โดยเร็วที่สุด จากนั้นจะเป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายสลากฯ ได้ภายในไตรมาส 1 ของปี 2568
"หากสมาชิกเข้าโครงการสลากเกษียณฯ และส่งเงินออมตามช่องทางปกติของ กอช.ร่วมด้วย ตั้งแต่อายุ 15-60 ปี (45 ปีออม) สำหรับช่องทางปกติ ออมสูงสุด 30,000 บาทต่อปี และรัฐสมทบสูงสุด 1,800 บาทต่อปี สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุนร้อยละ 2.5 ต่อปี จะมียอดเงินในบัญชีรวมกว่า 2.6 ล้านบาท และออมร่วมกับ "สลากเกษียณ" โดยซื้อสลากทุกเดือน เดือนละ 3,000 บาท จะได้รับเงินคืน ประมาณ 1.6 ล้านบาท รวมเงินที่ได้รับ นอกเหนือสิทธิประโยชน์ รวมทั้งสิ้นกว่า 4.2 ล้านบาท และจะได้รับเงินบำนาญรายเดือนไปจนตลอดชีวิตจากการออมตามช่องทางปกติ มั่นใจว่านโยบายนี้จะช่วยรักษาเสถียรภาพทางการคลังของภาครัฐในระยะยาว ทำให้ประชาชนมีความมั่นคงด้านรายได้เมื่อเกษียณอายุ และลดภาระทางการคลังได้ในระยะยาว" ดร.เผ่าภูมิกล่าว
ด้าน นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า ครม.มีมติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2541 กำหนดให้วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปีเป็น “วันออมแห่งชาติ” เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีวินัยรักการออม การวางแผนทางการเงิน รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการออมเงิน โดย กอช.ดำเนินการตามภารกิจเข้าสู่ปีที่ 9 ซึ่งปัจจุบัน กอช.มีจำนวนสมาชิกกว่า 2,686,247 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2567) โดยสมาชิกส่วนใหญ่ร้อยละ 45.21 เป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร รองลงมาเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ร้อยละ 29.21 และนักเรียน นักศึกษา ร้อยละ 9.12 ตามลำดับ โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างหลักประกันที่มั่นคงให้ชีวิตประชาชนที่มีอาชีพอิสระ หรืออยู่นอกระบบบำเหน็จบำนาญของรัฐ ให้ได้มีโอกาสรับสวัสดิการจากภาครัฐอย่างทั่วถึง ด้วยการสร้างระบบการออมที่เข้มแข็ง ซึ่งองค์ประกอบสำคัญของการออมเพื่อความมั่นคงในยามชราจะต้องมีระยะเวลาที่ยาวพอ
นางสาวจารุลักษณ์กล่าวอีกว่า สมาชิกสามารถเริ่มต้นออมเงินกับ กอช.ขั้นต่ำเพียง 50 บาทต่อครั้ง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี อีกทั้งได้รับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐตามช่วงอายุ ในเดือนถัดไป สูงสุด 100% หรือไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี ดังนี้
- อายุ 15-30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของยอดเงินออม โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 1,800 บาท
- อายุ 31-50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของยอดเงินออม โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 1,800 บาท
- อายุ 51-60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของยอดเงินออม โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 1,800 บาท
นอกจากนี้ สมาชิกยังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนของเงินออมสะสม เงินสมทบที่นำไปลงทุน โดยรัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนจากการลงทุนสำหรับสมาชิกที่ออมกับ กอช.ถึงอายุ 60 ปีบริบูรณ์ และเงินออมสะสมของสมาชิกสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีสูงสุด 30,000 บาท ทั้งนี้ กอช.ยังส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษาเริ่มออมกับ กอช.ตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเมื่อเข้าระบบการทำงาน เช่น เป็นข้าราชการก็จะมีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือพนักงานบริษัทเอกชนมีประกันสังคม ก็จะยังได้รับสิทธิออมเงินต่อเนื่องจนถึงอายุ 60 ปีบริบูรณ์ สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเป็นสมาชิก กอช.สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน กอช. หรือทางไลน์ แอด กอช. @nsf.th เพื่อตรวจสอบสิทธิและสมัครสมาชิก เพียงระบุเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตนเอง หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนเงินออม 0-2049-9000
สำหรับบรรยากาศภายในงาน ได้มีการมอบรางวัลเพื่อเป็นการขอบคุณความร่วมมือจากหน่วยงานและภาคีเครือข่ายต่างๆ รวมถึงร่วมบูรณาการความร่วมมืออย่างจริงจังในการส่งเสริมการออมให้แก่ประชาชนเพื่อให้ได้รับบำนาญถ้วนหน้า จึงได้จัดมอบรางวัลดังต่อไปนี้
1. รางวัลส่งเสริมการออมกับ กอช. ยอดเยี่ยมประจำปี 2567 จำนวน 36 รางวัล (ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2567) ประกอบด้วย รางวัลเกียรติยศ จำนวน 8 รางวัล, รางวัลหน่วยงานการศึกษา จำนวน 9 รางวัล, รางวัลระดับประเทศ จำนวน 9 รางวัล, รางวัลระดับเครือข่ายที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น จำนวน 5 รางวัล และรางวัลระดับเครือข่ายกรมราชทัณฑ์ที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น จำนวน 5 รางวัล
2. รางวัลชนะเลิศ หน่วยงานตัวแทน กอช.ที่มียอดเงินออมสะสมสูงสุด ในโครงการ The best Agent of NSF 2024 จำนวน 1 รางวัล
3. รางวัลชนะเลิศ หน่วยงานตัวแทน กอช.ที่มียอดสมาชิกใหม่สูงสุด ในโครงการ The best Agent of NSF 2024 จำนวน 1 รางวัล
4. รางวัลชนะเลิศ จากโครงการประกวด กอช. MV Contest 2024 “MV สุดปัง ปล่อยฝันวัยใส” จำนวน 1 รางวัล
ภายในงานยังมีการแสดงมินิคอนเสิร์ต จาก Getsunova และ กัน นภัทร และหน่วยงาน ภาคีเครือข่ายต่างๆ ร่วมจัดแสดงบูท เช่น ทรูมันนี่, ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) เป็นต้น โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก