เผยจุดแตกหักความสัมพันธ์คุณอ้อย เศรษฐีนี กับทนายตั้ม มาจากให้ทนายดังซื้อรถเบนซ์ 13 ล้านบาท เป็นปีแล้วเล่มยังไม่ได้ พอไปที่ศูนย์ฯ ปรากฏว่ายังจ่ายไม่หมด แถมไม่ให้ข้อมูลใดๆ ไม่ให้เล่ม ผงะ รปภ.โรงแรมหรูพัทยาบอกมีพวกจีนเทาเอามา ทำตัวกร่าง สงสัยปล่อยเช่าหรือไม่ แถมไมล์ขึ้นเป็นหมื่นกิโลเมตรในเวลาแค่ 2 เดือน พอขอคืนรถก็บ่ายเบี่ยง สุดท้ายไปเอามาได้ที่ศาลนนทบุรี เผยที่ผ่านมาเวลาจัดซื้อรถตู้ฉุกเฉินและรถสองแถวโรงเรียนก็ผ่านทนายดังเพราะเชื่อใจ
วันนี้ (29 ต.ค.) หลังจากที่เฟซบุ๊ก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ Sondhitalk ได้เผยแพร่วิดีโอคลิป 2 ตอนไปเมื่อวานนี้ (28 ต.ค.) ซึ่งเป็นการเปิดใจ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีเจ้าของธุรกิจในประเทศฝรั่งเศส กรณีแจ้งความดำเนินคดีต่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งได้เข้าพบนายสนธิ ลิ้มทองกุล และทีมงาน ที่บ้านพระอาทิตย์ พร้อมกับคุณน้อย เลขานุการส่วนตัว ก่อนที่จะปรากฏเป็นข่าว ได้แก่ "EP.1 จุดเริ่มต้นที่มา ทนายเสน่หา 71 ล้าน" กล่าวถึงที่มาที่ไปของความสัมพันธ์ระหว่างคุณอ้อยกับทนายตั้มในฐานะแฟนคลับ ก่อนที่จะมอบหมายให้เป็นที่ปรึกษาโครงการปรับปรุงโรงเรียนและเป็นที่ปรึกษากฎหมายโดยว่าจ้างเดือนละ 300,000 บาท และ "EP.2 ถลกหนังหน้า เนื้อในทนายตั้ม" ที่คุณอ้อยเกือบจะรับลูกนายษิทราเป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายตัวจริงได้ห้ามเอาไว้ เพราะมีผลทางกฎหมาย
กระทั่งเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้เผยแพร่วิดีโอคลิป "EP.3 ทนายตั้ม หรือ ทนายต้ม" กล่าวถึงกรณีที่นายษิทราชวนคุณอ้อยให้มาลงทุนทำแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์ โดยอ้างว่าเหมือนเป็นสัมปทาน และนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือนอท กองสลากพลัส เจอข้อหาแล้วไม่ได้ทำต่อ จะเข้าไปเสียบ โดยอ้างนักการเมืองอย่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และพาไปพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ฮ่องกง เมื่อคุณอ้อยโอนเงิน 2 ล้านยูโรไปให้ เวลาผ่านไปกลับไม่คืบหน้า กระทั่งนายษิทราเอาสัญญาว่าจ้างเขียนแอปพลิเคชัน "นาคี" โดยพบว่าผู้พัฒนาแอปฯ เสนอขายนายษิทราแค่ 20 ล้านบาท
อ่านประกอบ : คุณอ้อยเผยทนายตั้มชวนทำหวยออนไลน์เสียบแทนนอท อ้างชื่อผู้ใหญ่ "สมศักดิ์-อนุทิน"
เผยเนื้อในทนายตั้ม อยากให้คุณอ้อยรับลูกบุญธรรม ชงตั้งมูลนิธิแต่ให้โอนอย่างเดียว (ชมคลิป)
จุดเริ่มต้นทนายเสน่หา จากแฟนคลับก่อนโดนต้ม สูญ 71 ล้าน ลากไส้กินหรูอยู่แพง (ชมคลิป)
ล่าสุดได้เผยแพร่วิดีโอคลิป "EP.4 จุดแตกหักรถเบนซ์ 13 ล้าน" ระบุแคปชันว่า “ทนายตั้ม-เศรษฐินี” รถเขาฝากซื้อ แต่เอาไปให้จีนเทาเช่า เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกรักเหมือนครอบครัว กรณีรถเมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่น จี 400 ดี เอเอ็มจี พลัส ไฮไลต์ก็คือ คุณอ้อยกล่าวว่า เขาบอกรถราคา 13 ล้าน จะเป็นปีแล้วเล่มยังไม่ได้ ไปที่ศูนย์ฯ ปรากฏว่าเงินยังจ่ายไม่หมด ส่วนคุณน้อยกล่าวว่า มันไปยังไงมายังไง ทำไมพี่ไม่ได้เล่ม เขาบอกซื้อสดหรือซื้อผ่อน ขับรถเบนซ์ไปพักที่ฮิลตัน คุณอ้อยกล่าวว่า ยามบอกว่ารถเบนซ์คันนี้มีพวกจีนเทาเอามา รถเบนซ์เราไม่เคยได้ขับ ไม่เคยได้ไปไหน แล้วก็ไมล์มันไปหมื่นกิโลเมตรแล้ว แม้กระทั่งรถบริจาคก็ผ่านกระบวนการเขาหมด
เริ่มต้นคุณอ้อยกล่าวว่า ล่าสุดก่อนจะแตกแยกกันก็คือไปเที่ยวประเทศฟินแลนด์ คือว่าเก็บความรู้สึกไว้เรื่องรถ ส่งนายษิทราขึ้นเครื่องบินกลับที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ทำแบบใจดีเอาไว้ ใจเย็นเอาไว้แล้วไม่พูดอะไร
ทีมงานถามว่า เล่าเรื่องรถที่มีอะไรอยู่ในใจ คุณอ้อยกล่าวว่า เรื่องรถก็ 13 ล้านบาท เบิกจากคุณน้อยไป 13 ล้านบาท เขาบอกว่า รถราคา 13 ล้านบาท ถามว่าเอาไปทำอะไร คุณน้อยกล่าวว่า เอาไปใช้ที่บ้านที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เวลาที่คุณอ้อยเข้ามา เอาไว้รับ-ส่ง คุณอ้อยกล่าวว่า ให้เลขาฯ ตามเล่มทะเบียนรถให้หน่อย รถซื้อมาตั้งเป็นเดือนๆ จะเป็นปีแล้วเล่มยังไม่ได้ ทางนี้ไปที่ศูนย์ฯ เขาบอกว่าเงินยังจ่ายไม่หมด
คุณน้อยกล่าวว่า การโอนเงินมัดจำ 500,000 บาท ตนเป็นคนมัดจำจากบัญชีของตน ตนก็ไปตามใบโอนว่าบริษัทนี้จะขึ้นชื่อว่าบริษัทอะไร นายษิทราไม่ให้ข้อมูลอะไรกับตนเลย ไม่ให้เล่ม ไม่ให้ใดๆ ทั้งสิ้น ให้แต่เล่มสีน้ำตาล (สมุดคู่มือประจำรถ ใช้กับเครื่องหมายพิเศษ) มาเล่มเดียว ที่ขึ้นทะเบียนว่า ... แล้วนอกนั้นไม่เคยได้อะไร ใบเสร็จก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้
เมื่อถามว่า ซื้อรถ 13 ล้านบาท จ่ายให้จำนวนเต็มเลยครั้งเดียว คุณน้อยกล่าวว่าใช่ มีใบโอนอยู่ โอนจากบัญชีตนเข้าบัญชี ษิทรา เบี้ยบังเกิด แล้วก็มีไลน์ที่คุยกันด้วย รูปหน้าเขา ถามว่ามีใบเปย์อิน (Pay-In) ไหม คุณน้อยกล่าวว่า มี เงินมัดจำตนโอนเข้าบริษัทเบนซ์ (ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์) 500,000 บาท แล้วก็ไปตามจากบริษัทฯ ว่ารถคันนี้ไปยังไงมายังไง ทำไมไม่ได้เล่ม เขาซื้อสดหรือซื้อผ่อน เรื่องถึงนายษิทราโทร.มาด่าตน ถามว่าเงินที่โอนให้นายษิทราเท่าไหร่ คุณน้อยกล่าวว่า 13 ล้านบาทถ้วน ไม่รวมกับเงินมัดจำ 500,000 บาท
เมื่อถามว่า เมื่อความแตกแล้วไปทวงถามนายษิทราเพื่อที่จะเอาหลักฐาน คุณน้อยกล่าวว่า เล่มทะเบียนรถและใบเสร็จ ถามว่าคุยกันยังไง คุณน้อยกล่าวว่า เขาไม่ให้ความร่วมมือ ไปตามที่ศูนย์ฯ เบนซ์ที่เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ก็ตามจนได้เล่มทะเบียนรถ เขาก็ไม่ต้อนรับตนหรอก เขาก็วีดีโอคอลคุยกับจตุพร (ชื่อคุณอ้อย) มาเองที่อยู่บ้าน และวิดีโอคอลขอคำยืนยันว่าเป็นจตุพรตัวจริง ก็เลยให้วิดีโอคอลคุย คุณอ้อยกล่าวเสริมว่า ทางศูนย์ฯ วิดีโอคอล นายษิทราไม่ได้ช่วยอะไรตรงนี้เลย และเขาบอกว่ารุ่นนี้ไม่ถึง 13 ล้านบาท คุณน้อยกล่าวเสริมว่า ไปเช็กราคารถที่ศูนย์ฯ พระราม 3 เขาบอกว่าไม่ถึง แค่ 9 ล้านกว่าบาทเอง แต่ศูนย์ฯ สะพานสูงให้ใบเสร็จมาตอนหลัง แต่ไม่ใช่ตัวจริง จำนวนเงิน 12.9 ล้านบาท
อีกประเด็นหนึ่งคือ คุณอ้อยจับได้ว่านายษิทรานำรถเบนซ์ไปปล่อยเช่า คุณอ้อยและคุณน้อยกล่าวว่า มารู้สึกตอนที่ไปพัทยา ให้คุณน้อยพาไปดูเรือยอชต์ มูลค่า 300 ล้านบาท ขับรถคันนี้ไปพักที่โรงแรมฮิลตัน ยาม (เจ้าหน้าที่ รปภ.) บอกว่ามีพวกจีนเทาเอามา เพราะมีคันเดียวหมายเลขทะเบียนนี้ ผมจำได้ มาที่นี่แล้วก็กร่าง เขาก็เลยถามว่ารถใคร รถเบนซ์เราไม่เคยได้ขับ ไม่เคยได้ไปไหน แล้วไมล์มันไปหมื่นกิโลเมตรแล้ว ไม่ถ่ายน้ำมันเครื่องให้ด้วย ตนขอคืนเพราะคนขับรถตนขับได้อยู่แล้ว พอดีคนขับรถเขาอาจจะบ้านนอกๆ หน่อย แต่เขาขับรถเป็น ขับเก่งด้วย นายษิทราบอกว่า เขาขับได้เหรอครับ โน่นนี่นั่น คุณอ้อยจึงตอบว่า เขาขับได้ เอามาเถอะ เอามาทิ้งไว้กับตน จะไปจอดที่บ้านตน เขาเอารถไปใช้ พอพี่กลับมาพี่ก็จะเอาคืน
คุณน้อยกล่าวว่า กุญแจให้ตนมาดอกเดียว พอตอนหลังยื่นโนติสให้เอากุญแจมาคืน นายษิทราบอกว่าหาย ไม่มี มีดอกเดียว แต่ตนไม่เชื่อ คุณอ้อยกล่าวว่า เอาไปให้จีนเทา (กลุ่มจีนสีเทา) เช่าหรือเปล่าเราไม่รู้ 2 เดือน เลขไมล์รถหมื่นกิโลเมตรไปแล้ว คุณน้อยกล่าวเสริมว่า รถไม่ได้อยู่ที่เขาใหญ่ คุณอ้อยมาเมื่อไหร่รถคันนี้ถึงจะมารอรับ พอส่งคุณอ้อยเสร็จก็เอามาไว้กรุงเทพฯ เลย ให้คนขับรถเอาไป แล้วตอนหลังบอกว่าเราจะเอารถไว้ที่นี่ (โคราช) ให้เอาเล่มมาคืนด้วย แล้วก็เงียบไปเลย บอกให้เลขาฯ ไปตามให้หน่อย วันนั้นขึ้นเครื่องแล้วไม่ไปด้วย พอไปตามปุ๊บก็เลยเป็นเรื่อง ทะเลาะกัน บอกว่าน้อยออกจากที่นี่ไม่ได้ น้อยต้องอยู่ เขาก็เลยโกรธ
คุณอ้อยกล่าวว่า ตนสงสัยว่านายษิทราไม่ซื่อตรงแล้ว ฟินแลนด์เป็นทริปสุดท้ายก่อนแตกหักกับเลขาฯ แต่เขาก็ไปกับตนอยู่ ตนรู้สึกไม่สนุกแล้ว เพราะเลขาฯ ไม่ได้ไปด้วย ไม่สนุกแล้ว
ส่วนคุณน้อยกล่าวว่า ตนแคนเซิลหมดทุกอย่างและไม่ไป นายษิทราให้ตนเช็กอินไปก่อน ทั้งที่เป็นคณะเดียวกัน 7 คน ครอบครัวนายษิทรา 6 คน ตนเป็นคนที่ 7 เขาบอกว่าให้ตนเช็กอินไปก่อนเลย ทีนี้ตนเห็นนายษิทราเกี่ยงกันกับภรรยาข้างหน้าว่า เธอก็โทร.หาพี่น้อยสิ เขาเกี่ยงกัน ถ้าตนไปแล้วเป็นภาระ ตนไม่ไป แล้วก็แคนเซิล กลับบ้านเลย ไม่เข้าไปเช็กอินเลย แล้วพวกเขาก็ไปกัน 6 คน ไปเที่ยวฟินแลนด์กับคุณอ้อย นี่แหละจุดแตกหัก ตนบอกว่าเรื่องงานก็ส่วนงาน เรื่องส่วนตัวก็ส่วนตัว ที่ตนตามอยู่ในหน้าที่ตน อยู่ในคำสั่งของคุณอ้อย ไม่ได้ทำเองโดยพลการอยู่แล้ว มันไม่ใช่เงินตน ตนทำตามคำสั่งเขา แล้วถ้าไม่ใช่เงินนายษิทรา ทำไมนายษิทราไม่เอาของมาให้คุณอ้อย มันของของเขา มันไม่ใช่แค่นี้ มีมากกว่านี้อีกที่เราไม่ได้เปิด
เมื่อถามว่า แล้วตอนคืนรถเบนซ์เขาก็มาเคลียร์กันที่ศาล คนขับรถกล่าวว่า เขาก็เอารีโมตมาคืนที่ศาล วันนั้นเขาบอกเขาติดงานที่โน่น เขามีคดีที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ตนก็เลยเพื่อความสะดวก ไม่เป็นไรเดี๋ยวตนเดินทางไปรับเอง ไม่ยาก ถามว่าคืนเล่มทะเบียนรถไหม คนขับรถ กล่าวว่า คืนเฉพาะกุญแจรีโมตเท่านั้น คุณน้อยกล่าวว่า เล่มเอามาจากที่ศูนย์ฯ
เมื่อถามว่าทำไมนายษิทราเข้ามาเกี่ยวข้องการซื้อรถ คุณน้อยกล่าวว่า ก็เชื่อใจด้านกฎหมาย เป็นที่ปรึกษา พอจ้างเดือนละ 300,000 บาทตนก็ต้องใช้งาน คุณอ้อยกล่าวเสริมว่า แม้กระทั่งรถบริจาคก็ผ่านกระบวนการเขาหมด 6 คัน อาทิ รถตู้ฉุกเฉิน
คุณน้อยกล่าวว่า แล้วนายษิทราเสนอตัวว่าเขามีเพาเวอร์พอ รถบริจาคให้โรงเรียนเป็นรถสองแถว นายษิทราเป็นคนไปติดต่อครั้งแรก แต่เวลาซื้อรถสองแถว ชื่อรถเป็นชื่อนายษิทรา ทุกวันนี้ก็ยังมีหลักฐานอยู่เลยว่าซื้อในชื่อนายษิทราแล้วไปโอน ตนต้องตามไปโอนที่สำนักงานขนส่งภายหลัง มันยุ่งยาก
@sondhitalk จุดแตกหักรถเบนซ์ 13 ล้าน EP.4 เปิดปม จุดแตกหักรถเบนซ์ 13 ล้าน “ทนายตั้ม - เศรษฐินี” รถเขาฝากซื้อ แต่เอาไปให้จีนเทาเช่า เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกรักเหมือนครอบครัว... รอฟังคลิป ต่อไป EP.5 วันนี้(30-10-67) เก้าโมงตรง 09.00 น. ฟังจากปากทนายพี่อ้อย ทำไมต้องโอนคดีไปกองปราบ ความจริงมีหนึ่งเดียว เรื่องนี้ต้องดูกันยาวววๆๆๆๆๆๆๆๆ!! #Sondhix #Sondhitalk #ทนายตั้ม #ษิทราเบี้ยบังเกิด #ตั้มโกงเงิน #ซื้อรถเบนซ์ #จีนเทา #พี่อ้อย ทนายตั้ม ♬ original sound - sondhitalk