รมว.มหาดไทยชี้แจงประเด็นดรามาเยี่ยมเขมรคุยเรื่องแชร์วัฒนธรรม ก่อนที่เจ้าตัวออกมาเปิดเผย ไม่มีเรื่องแชร์วัฒนธรรม พูดคุยในเรื่องการค้า ยาเสพติด และอาชญากรรมไซเบอร์
จากกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะเข้าพบนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กระชับความสัมพันธ์ โดย นายอนุทินกล่าวว่า "ทางการไทยเองมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลักดันความร่วมมือในทุกมิติให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ และเชื่อมั่นว่าด้วยความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งทั้งด้านการทูต การทหาร และเศรษฐกิจชายแดนจะทำให้ทุกความร่วมมือสำเร็จลุล่วง กัมพูชาและไทยมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน เราจะใช้โอกาสนี้ในการขยายและพัฒนาด้านวัฒนธรรม สร้างสรรค์พื้นฐานเดียวกันนี้ให้เป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่ดีร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เกิดเป็นงานและอาชีพของประชาชนทั้งสองประเทศ"
อย่างไรก็ตาม ได้มีชาวเน็ตจำนวนมาก ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านการใช้วัฒนธรรมร่วมกับเขมร ชี้ไม่ควรนำเสนอนโยบายวัฒนธรรมร่วมที่อ้างว่าเป็นซอฟต์เพาเวอร์ เพราะหากสิ่งที่นายอนุทินได้พูดไว้เกิดเป็นจริงขึ้นมา เกรงว่านานาประเทศในโลกจะเกิดความเข้าใจผิด ว่าสถานะความเป็นเจ้าของวัฒนธรรม รวมถึงเอกลักษณ์ต่างๆ ของไทยจะเลือนหายไปและหลอมรวมไปกับเขมร เสมือนว่าสองชาตินี้ร่วมสร้างวัฒนธรรมมาด้วยกันนั่นเอง
ล่าสุดวันนี้ เพจ “FC อนุทิน” ได้ออกมาโพสต์ข้อความสยบดรามาเกี่ยวกับประเด็นแชร์วัฒนธรรมกับเขมร โดยได้ระบุข้อความว่า
“ไม่มีเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ไม่มีเรื่องแชร์วัฒนธรรม! “อนุทิน” เปิดวาระประชุมร่วมกัมพูชา สยบดรามาชาวเน็ต
29 ตุลาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าว กรณีความกังวลต่อกรณีที่ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยของประเทศไทย และกัมพูชา ได้มีการประชุมร่วมกัน ระหว่างวันที่ 23-24 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจมีประเด็นอ่อนไหวเรื่องพื้นที่ และวัฒนธรรมร่วมอยู่ในการประชุม ว่า
เราไปหารือกันเรื่องการค้าชายแดน ไปพูดเรื่องการค้า เปิดจุดผ่านแดน ทั้งที่เป็นชั่วคราว และถาวร เราไปหารือเรื่องการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด และการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ อาทิ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งสองชาติช่วยกันอย่างดี
“เราไปร่วมมือกันเรื่องนี้ แต่เราไม่ได้ไปพูดเรื่องแชร์วัฒนธรรม เรื่องพื้นที่ทับซ้อนก็ไม่ได้ไปพูด ผมไปในนามกระทรวงมหาดไทย มันชัดเจน ในประเด็นที่ต้องหารือ เราเน้นเรื่องการค้า การลงทุน เรื่องปราบยาเสพติด เรื่องจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ อะไรนอกเหนือจากนี้ ไม่ใช่วาระที่เราไปหารือกัน”