xs
xsm
sm
md
lg

"แอมเนสตี้" จี้รัฐต้องจับกุมจำเลยคดีตากใบด่วน ก่อนหมดอายุความ 25 ต.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้ทางการไทยดำเนินการจับกุมจำเลยคดีตากใบตามหมายจับอย่างเร่งด่วน เพื่อมอบความยุติธรรมแก่ผู้เสียหายที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมประท้วงเมื่อ 20 ปีก่อน เนื่องจากอีกไม่กี่วันคดีนี้จะหมดอายุความ คาดจำเลยบางคนอยู่ในญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร

วันนี้ (22 ต.ค.) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกเอกสารข่าวหัวข้อ "ทางการต้องจับกุมจำเลยคดีตากใบตามหมายจับอย่างเร่งด่วน" กรณีที่ศาลจังหวัดนราธิวาสประทับรับฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต 85 ราย ในช่วงระหว่างและภายหลังการชุมนุมประท้วงในอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อเดือน ต.ค. 2547 ซึ่งคดีดังกล่าวจะสิ้นสุดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. 2567

นายชนาธิป ตติยการุณวงศ์ นักวิจัยประจำประเทศไทย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าวว่า ทางการไทยต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะสายเกินไป เพื่อมอบความยุติธรรมแก่ผู้เสียหายที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐละเมิดสิทธิมนุษยชนมายาวนาน จากการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมประท้วงในอำเภอตากใบเมื่อ 20 ปีก่อน

"คำสั่งศาลให้รับฟ้องคดีที่ยื่นโดยผู้เสียหายและครอบครัวเมื่อเดือน ส.ค. ถือเป็นสัญญาณแห่งความหวัง ท่ามกลางการลอยนวลพ้นผิดที่ฝังรากลึกในประเทศไทยหลังจากการละเมิดสิทธิของผู้ชุมนุมประท้วง แต่คดีที่ผู้เสียหายยื่นฟ้องกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากอีกไม่กี่วันคดีนี้จะหมดอายุความ”

“จำเลยในคดีนี้ล้วนเป็นอดีตหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานรัฐในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีที่คาดการณ์ว่าตอนนี้อยู่ในญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักร ซึ่งยังไม่ได้เข้ามาปรากฏตัวต่อศาลตามการนัดหมาย หากคดีนี้ไม่มีจำเลยอย่างน้อยหนึ่งคนมาปรากฏตัวต่อหน้าศาลภายในวันที่ 25 ต.ค. 2567 คดีจะถูกพิจารณาให้เป็นอันยุติการสอบสวนในกระบวนการยุติธรรมและจะถูกยกฟ้องในที่สุดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง”

ทั้งนี้ แอมเนสตี้เรียกร้องให้ทางการไทยต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จำเป็นและทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เพื่อทำให้แน่ใจว่าผู้ต้องสงสัยที่มีความผิดในคดีทางอาญา เพราะละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงในคดีนี้จะไม่ลอยนวลพ้นผิด ทางการไทยจะต้องบังคับใช้หมายจับที่มีอยู่ และนำตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาลภายในวันที่ 25 ต.ค. 2567 เพื่อมอบความยุติธรรมแก่ผู้เสียหายและครอบครัว และทำให้พวกเขามีโอกาสเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา โดยสามารถทวงถามความรับผิดชอบและความเป็นธรรมในคดีนี้ได้อย่างเต็มที่

ข้อมูลจากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ผู้ประท้วงกว่า 2,000 คนได้รวมตัวกันหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชายมุสลิมเชื้อสายมลายู 6 คน ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าถูกทางการไทยควบคุมตัวโดยพลการ

ในการชุมนุมประท้วงนั้น เจ้าหน้าที่ได้ใช้แก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง และกระสุนจริง ส่งผลให้ผู้ประท้วงเสียชีวิตทันที 7 ราย โดย 5 รายถูกยิงเสียชีวิต หลังการสลายการชุมนุม เจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายชายมุสลิมเชื้อสายมลายูประมาณ 1,370 คนไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ซึ่งห่างออกไป 150 กิโลเมตร พวกเขาถูกบังคับให้นอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหาร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 78 ราย จากการถูกกดทับหรือขาดอากาศหายใจระหว่างการเดินทาง ผู้รอดชีวิตหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัส และบางคนกลายเป็นผู้พิการถาวร

คณะกรรมการอิสระสอบข้อเท็จจริงกรณีมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์อำเภอตากใบ ซึ่งจัดตั้งโดยรัฐบาลในขณะนั้น ได้ประณามการใช้กำลังเกินกว่าเหตุและความประมาทในการขนส่งผู้ถูกควบคุมตัว แม้ว่าจะมีการจ่ายค่าชดเชยให้ผู้เสียหาย แต่เจ้าหน้าที่ที่ถูกระบุว่ามีส่วนรับผิดชอบตามความเห็นของคณะกรรมการยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการไต่สวน

ในเดือน ส.ค. 2567 ศาลจังหวัดนราธิวาสได้เห็นชอบตามคำร้องของผู้เสียหายและครอบครัวที่ยื่นฟ้องทางอาญาเพื่อเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่อำเภอตากใบ ซึ่งรวมถึงอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารระดับสูง

จากเจ้าหน้าที่ 9 นายที่ถูกฟ้อง ศาลเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ 7 นายในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา พยายามฆ่า และควบคุมตัวบุคคลโดยมิชอบ แม้จะมีหมายเรียก แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่นายใดจากทั้ง 7 นายมาปรากฏตัวต่อศาลจังหวัดนราธิวาส เพื่อเข้ารับการสืบพยานและตรวจสอบพยานหลักฐาน ศาลจึงได้ออกหมายจับบุคคลทั้ง 7 รวมถึงผู้ที่คาดว่าอยู่ในญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักร ในคดีที่เกี่ยวข้องแต่เป็นการฟ้องแยกต่างหาก

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2567 สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีความเห็นให้สั่งฟ้องเจ้าหน้าที่ความมั่นคง 8 นายที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายผู้ถูกควบคุมตัวในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ต่างจากคดีที่ฟ้องโดยผู้เสียหาย คดีนี้มีจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่าง และไม่มีจำเลยคนใดในคดีนี้มาปรากฏตัวต่อศาลเช่นกัน
อายุความในคดีนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 25 ต.ค. 2567 โดยต้องมีจำเลยอย่างน้อยหนึ่งคนมาปรากฏตัวต่อศาลเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จึงจะทำให้กระบวนการไต่สวนเริ่มขึ้นได้ ตามมาตรา 95 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

อย่างไรก็ตาม แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลมีข้อสังเกตว่า ไม่ควรมีอายุความสำหรับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง หรือความผิดตามกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น การสังหารนอกกระบวนการยุติธรรมและการทรมาน ในเดือน ต.ค. 2566 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้เผยแพร่แถลงการณ์เกี่ยวกับผลกระทบจากการที่ทางการไทยไม่สามารถทำให้เกิดความยุติธรรมแก่ผู้เสียหาย จากการปราบปรามการประท้วงที่รุนแรงที่อำเภอตากใบและครอบครัวของพวกเขา
กำลังโหลดความคิดเห็น