xs
xsm
sm
md
lg

“หมอดื้อ” เผยกินช็อกโกแลตดำแล้วสุขภาพดี ชี้ไม่ใช่ยา แค่ป้องกันโรครุนแรงที่จะเกิดในอนาคตได้บ้าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



”หมอธีระวัฒน์” ไขข้อข้องใจทำไมกินช็อกโกแลตดำแล้วสุขภาพดี ชี้การรักษาสุขภาพอย่างมีความสุขคงต้องคำนึงถึงหัวจิตหัวใจของคนไข้ด้วย

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. "ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา" ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ออกมาโพสต์ข้อความชี้กินช็อกโกแลตแล้วสุขภาพดี โดย นายแพทย์ ธีระวัฒน์ ได้ระบุข้อความว่า

“กินช็อกโกแลตแล้วสุขภาพดี…… สนใจมั้ย?
หมอดื้อ

เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่หมอทั้งขู่ทั้ง ปลอบคนไข้ที่มีปัญหาอ้วน น้ำหนักเกิน มีความดันสูง ไขมันเกิน เป็นโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ ให้รับประทานผัก ผลไม้ (ซึ่งไม่ใช่ทุเรียน ข้าวเหนียวมะม่วง) ลดเค็ม จนแล้วจนรอดไม่ค่อยสำเร็จเท่าไหร่

คนไข้สารภาพว่าถ้าห้ามทุกอย่างแล้ว จะอยู่ไปทำไม ซึ่งคิดๆ ดูก็น่าจะเป็นความจริง มนุษย์เราตราบเท่าที่ไม่บรรลุ ยังคงต้องแสวงหาความสุข และส่วนหนึ่งที่สำคัญ คือ การกิน

เพราะฉะนั้น คงต้องเข้าใจถึงธรรมชาติมนุษย์ และมีกุศโลบายในการเชื้อ เชิญให้มีทั้งสุขภาพดีและมีความสุขไปด้วยกัน รายงานที่หลายคนรวมทั้งหมอรอคอยมาจากวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ (British Medical Journal 2012) พบว่าถ้ากินช็อกโกแลตดำ (dark chocolate) ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 10 ปี จะป้องกันอุบัติการณ์ของโรคเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดสมองตีบ ที่ไม่ถึงตาย 70 รายต่อ 10,000 คน และป้องกันชนิดรุนแรงถึงตายได้ 15 รายต่อ 10,000 คน ทั้งนี้เป็นการศึกษาจากออสเตรเลีย โดยติดตามประชากรจำนวน 2,013 คน ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือด โดยที่มีพุงโตเฉลี่ย 39 นิ้ว มีระดับเฉลี่ยของความดันตัวบน 141.1 มม. และมีไขมันคอเรสเตอรอล เฉลี่ยประมาณ 239 โดยที่ค่าน้ำตาลสะสมยังไม่ถึงขั้น เบาหวาน อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 53.6 ปี

ปริมาณของช็อกโกแลตดำที่ทาน กำหนดจากประมาณของโพลีฟีนอล (polyphenol) เทียบเท่ากับ 100 กรัมต่อวัน ทั้งที่น่าจะอธิบายจากการที่ซ็อกโกแลตดำมีสรรพคุณในการต้านการอักเสบของเส้นเลือด ซึ่งเป็นบ่อเกิดของเส้นเลือดตีบ และมีฤทธิ์ลดความดัน ต้านเลือดข้น และประโยชน์อื่นๆ ทางการลดไขมันเสียเพิ่มไขมันดี

ช็อกโกแลต เป็นผลิตผลจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน และช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของเมล็ดของต้นโกโก้และเนยโกโก้ (วีกิพีเดีย) ช็อกโกแลตดำไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ

สหรัฐกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15% และทางยุโรปกำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35% โดยที่ต่างจากช็อกโกแลตนมที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น10% และยุโรปอยู่ที่ 25% ของส่วนผสมของเมล็ดโกโก้ ร่วมกับนมหรือนมข้นหวาน

ช็อกโกแลตกึ่งหวานและหวาน จะมีการเพิ่มความหวานและใส่เนยโกโก้ โดยมีน้ำช็อกโกแลตประมาณ 35 และ 15% ตามลำดับ และมีไขมันประมาณ 27%

ส่วนช็อกโกแลตขาวประกอบด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และกลิ่นวานิลลา เพราะฉะนั้น ต้องเลือกชนิดของช็อกโกแลตด้วยนะครับ เอาแต่ชนิดหวานมัน ก็อาจจะเสร็จก่อนอายุอันสมควร

สารที่ควรจะอธิบายประโยชน์จากช็อกโกแลต คือ สารโพลีฟีนอล อย่างไรก็ตาม Flavonoids อาจเป็นเครื่องอธิบายได้ไม่หมด ทั้งนี้เนื่องจากผลดีที่ได้จากการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดเข้าสมอง เมื่อมีการใช้ความคิด เกิดจากโกโก้ที่แม้มีปริมาณของ Flavonoids น้อยมาก และโกโก้ที่แม้ไม่มี Flavonoids สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสมองในด้านสมาธิและความจำ และการทดสอบทางการปฏิบัติได้ (82% เทียบกับ 75%) และสมองยังมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ในการเชื่อมโยงของกระแสประสาทในส่วนต่างๆ (วารสาร Neurology 2013)

สรรพคุณอื่นตามวิกิพีเดียจาระไนไว้ จะเชื่อหรือไม่ก็ได้นะครับ คือ คาสซาโนวา (1725-1795) นักรักกระฉ่อนโลก กินช็อกโกแลต (ไม่ได้บอกว่าขาวหรือดำหรือหวาน) ก่อนขึ้น เตียงกับผู้หญิงที่หลงเสน่ห์ และผู้หญิงร้อยละ 50 สารภาพว่ากินช็อกโกแลตก่อนเมคเลิฟ ช็อกโกแลตที่ทำท่าจะละลายในมือถือว่าเป็นช็อกโกแลตที่ดี เพราะแสดงว่ามีเนยโกโก้ผสมในปริมาณสูง หาชิ้นที่มีผิวมันเรียบ อย่าซื้อที่กัดแล้วร่วงกราวเป็นเศษเล็กเศษน้อยหรือนิ่มเหลว

สำหรับความคุ้มค่าของการกินช็อกโกแลตดำ จะอยู่ที่ 52,500 เหรียญสหรัฐต่อปีของชีวิตที่ช่วยไว้ได้ โดยที่ค่าช็อกโกแลตจะอยู่ประมาณ 42 เหรียญสหรัฐต่อปี เป็นที่น่าสังเกตว่าช็อกโกแลตดำที่ใช้ในการศึกษานี้จะมีโกโก้เป็ นส่วนผสมถึง 60-70% ซึ่งมากกว่าผลิตภัณฑ์ธรรมดาที่กล่าวมาข้างต้น

เพราะฉะนั้น ถ้าจะเริ่มส่งเสริมสุขภาพอย่างมีความสุข ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อน (รายงานในวารสาร Neurology 2013 พบว่าช็อกโกแลตธรรมดาก็ลดความเสี่ยงสำหรับอันพฤกษ์เช่นกัน)

ช็อกโกแลตดำไม่ใช่ยา แต่ช่วยป้องกันโรคที่จะรุนแรงขึ้นในอนาคตได้บ้าง แต่ถ้าปรากฏว่ามีความดันสูงเกิดขึ้น มีเบาหวาน มีโรคหัวใจ เจ็บหน้าอก เหนื่อยกว่าธรรมดา มีอาการของอัมพฤกษ์ เดินเซ ตาเห็นภาพซ้อน แขน-ขาชา หรืออ่อนแรงครึ่งซีก ต้องรักษาด้วยยาจริงๆทันที ไม่ใช่ทานแต่ช็อกโกแลตดำ หรือทานแต่กาแฟ

การรักษาสุขภาพ อย่างมีความสุข คงต้องคำนึงถึงหัวจิตหัวใจของคนไข้ด้วย

นอกจากจะต้องเครียดเพราะถูกคุณหมอห้ามปราม บ่น ถูกคนในครอบครัวว่าต่างๆนานา ว่ากินเยอะ และอื่นๆ

เราคงต้องพบกันครึ่งทาง ขณะนี้หมอเริ่มต่อรองแล้วคือถ้าทานทุเรียน ต้องไม่ทานข้าว หรือต้องเพิ่มการออกกำลังกายด้วย
กายด้วย และแล้วหมอก็จะไปวิ่งแล้ว (เพราะกินเยอะไป)

ศ.นพ .ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต"
กำลังโหลดความคิดเห็น