ผู้ประกอบการรถบัสรายหนึ่งโพสต์ความคิดเห็นส่วนตัวกรณีรถบัสมรณะ เผยว่ารถทุกคันตรวจระบบผ่านการดูแลจากกรมการขนส่งฯ พร้อมแนะโรงเรียนให้จัดบุคลากรที่ไว้ใจได้และนั่งคู่กับคนขับ
จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้รถบัสนักเรียน เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน ขาเข้า ก่อนถึงอนุสรณ์สถาน เบื้องต้นมีรายงานว่ามีเด็กนักเรียนเสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย ต่อมามีรายงานว่ารถบัสคันเกิดเหตุจดทะเบียนครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2513 โดยรถบัสมรณะใช้มาแล้วกว่า 50 ปี จดทะเบียนกับกรมการขนส่งฯ แจ้งว่าไม่ได้ติดตั้งถังแก๊สเอ็นจีวี แต่ตอนเกิดเหตุพบติดถังแก๊สเอ็นจีวี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (2 ต.ค.) มีผู้ประกอบการรถบัสรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ความคิดเห็นส่วนตัวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า “ฟังข่าวแล้วอึดอัดใจ ผมขอเป็นอีกหนึ่งเสียงในการพูดเรื่องที่นักข่าวโจมตีว่ารถจดทะเบียนมาแล้วกี่ปีอายุรถขนาดนี้แล้วใช้งานได้ยังไง อยากให้คุณนักข่าวอย่าเน้นขายข่าวนะครับต้องแยกแยะด้วยว่ารถแต่ละคันสมรรถภาพในการใช้งานผ่านการตรวจระบบผ่านการดูแลจากกรมการขนส่งฯ ทุกคัน
แต่หลักๆ เลยคือสิ่งที่มันเกิด มันเกิดจากคนขับอันดับแรกเลย คุณอย่าโจมตีอาชีพที่เขาทำสุจริตเลยครับไม่ว่าจะเป็นข่าวสำนักไหนหรือว่าข่าวออนไลน์ คุณต้องให้การแยกแยะให้การเตือนสติแก่คนอ่านข่าวเพื่อเป็นทางออกช่วยกันครับ ทางออกที่ดีในการเดินทางไกลหรือการทัศนศึกษาของเด็กคือทางราชการ ทางโรงเรียนต้องจัดบุคลากรที่ไว้ใจได้และนั่งคู่กับคนขับ
ถ้าคนขับเกิดการขับหวาดเสียวหรือขับอันตรายหรือขับไม่ปลอดภัยแบบไหนสามารถสั่งรถหยุดจอดได้เลยแบบนี้คือทางออกที่ดีที่สุดครับ
คุณลองเอารถยนต์ที่ผลิตจากยุโรปรถยนต์ที่ผลิตจากญี่ปุ่นมาเปรียบเทียบกับข่าวดูสิครับบนท้องถนนทุกวันนี้อุบัติเหตุอันไหนมันเกิดมากกว่ากัน ไม่ว่าจะรถใหม่แค่ไหนไม่ว่าจะรถระบบไหน ไม่ว่าจะรถรุ่นอะไรมันก็เกิดได้ครับ อย่าโจมตีเพื่อขายข่าวอย่างเดียวต้องแยกแยะให้ถูกด้วยครับ
ส่วนมากบางคันเพิ่งออกมาป้ายแดงก็ยังเกิดอุบัติเหตุรุนแรงเหมือนกันหมด ขอความเป็นธรรมให้กับรถจดประกอบของคนทุนน้อยแต่ไม่ได้แปลว่าเราจะดูแลทำรถไม่ดีทุกอย่างเราใช้ของดีของใหม่ตลอดแต่แค่ว่าเราไม่มีเงินที่จะไปออกรถใหม่ป้ายแดงมาใช้แค่นั้นเองเพื่อที่จะหากินต่อไปหน่อยครับ
แต่วันนี้ผมก็ยังรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันเป็นอุบัติเหตุกับเด็กและเยาวชน ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”
คลิก>>>อ่านโพสต์ต้นฉบับ