สสส.-ศวปถ.-กรมประชาสัมพันธ์ สานพลังภาคีเครือข่าย ยกระดับทิศทางกลไกประชาสัมพันธ์ เชื่อมประสานการทำงานร่วมกับสื่อส่วนกลาง สื่อท้องถิ่น และ ศปถ.จังหวัด เพื่อสร้างวัฒนธรรมขับขี่ปลอดภัย
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย กรมประชาสัมพันธ์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ กลุ่ม Nudge Thailand (กลุ่มนักพฤติกรรมศาสตร์ประเทศไทย) ผู้แทนกลุ่มอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน (อป.มช.) และภาคีเครือข่าย ร่วมแถลงข่าวปิดโครงการ “พัฒนาและสนับสนุนกลไกประชาสัมพันธ์เพื่อความปลอดภัยทางถนน” เพื่อขับเคลื่อนการทำงานคณะอนุกรรมการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกและความตระหนักในการใช้รถใช้ถนน ร่วมกับ ประชาสัมพันธ์จังหวัดและศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัด (ศปถ.จ.) ณ ห้องประชุมเลอเบลแอร์ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ
นางสาวชนิสา ชมศิลป์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนน เป็นหนึ่งปัญหาสำคัญที่สร้างความสูญเสียทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และชีวิต การสูญเสียดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี และประเทศไทยยังไม่สามารถแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนได้ตามเป้าหมายทศวรรษด้านความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2554-2563 ขององค์การอนามัยโลก และในปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา สถานการณ์การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยมีมากถึง 17,379 ราย คิดเป็นอัตราผู้เสียชีวิต 26.65 ซึ่งมากกว่าปี พ.ศ. 2564 (จำนวน 16,957 ราย อัตราผู้เสียชีวิต 25.92) และมากกว่าร้อยละ 80 เกิดจากพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ รวมถึงอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน ตามแนวทางการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยจำเป็นต้องอาศัยการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกันจากทุกภาคส่วน โดยคณะอนุกรรมการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกและความตระหนักในการใช้รถใช้ถนน เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย ยุทธศาสตร์ มาตรการ แนวทางและแผนงานเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการสื่อสาร สร้างการรับรู้ความเสี่ยงไปยังสาธารณชน ร่วมกันทั้งสื่อส่วนกลาง สื่อในพื้นที่นำร่อง และภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างจิตสำนึกและความตระหนักในการใช้รถใช้ถนน จะผลักดันในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยด้วยการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในการรณรงค์สื่อสารประชาสัมพันธ์ด้านความปลอดภัยทางถนนต่อไป
“ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเทศกาลใหญ่ๆ เท่านั้น แต่เกิดขึ้นทุกวัน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้จัดทำ "ปฏิทินความเสี่ยง" ในแต่ละจังหวัด เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีความเสี่ยงที่แตกต่างกันตามบริบทและกิจกรรมทางสังคม ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุซึ่งต้องอาศัยสื่อกลางและสื่อท้องถิ่นในการกระจายข้อมูลเพื่อให้ประชาชนและกลุ่มเป้าหมายเข้าใจปัญหาความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนน การใช้สื่อในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการใช้ "ปฏิทินความเสี่ยง" ในการสื่อสารเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ จะช่วยสร้างความตระหนักรู้และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นางสาวชนิสากล่าว
ผอ.สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยยังระบุต่อว่า การสร้างความตระหนักรู้ไม่สามารถทำได้โดยลำพัง คณะอนุกรรมการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกและความตระหนักในการใช้รถใช้ถนน ซึ่งรวมหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมงานด้านการสื่อสาร จึงจำเป็นต้องเป็นหัวหลักสำคัญในการกำหนดการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการประชาสัมพันธ์ประเด็นอุบัติเหตุทางถนน เพื่อเป็นการกระตุกเตือนว่าในแต่ละช่วงเวลา ในแต่ละพื้นที่มีการละเล่น และความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกัน และเมื่อกลับมาทบทวนแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ในยุทธศาสตร์ที่ 4 เพื่อให้ทุกคนร่วมกันทำ เรื่องของการบูรณาการ จับมือกันไว้เพื่อสร้างโครงสร้างของทุกภาคส่วน พร้อมเตรียมรับมือกับความท้าทายที่ทำอย่างไรให้การประชาสัมพันธ์สามารถสร้างการรับรู้ได้ผล สื่อจึงต้องปรับตัวให้ทันตามกระแสและบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป และสื่อไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ถ้าอยากสำเร็จต้องจับมือ โดยเฉพาะภาคประชาชน
นายวิทยา จันทน์เสนะ ผู้อำนวยการกองบูรณาการความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า การขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทยต้องอาศัยกลไกที่มีความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงหน่วยงานราชการ เอกชน และภาคประชาสังคม โดยมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เพื่อประสานงานและบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วน กลไกนี้มีความสำคัญในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการในการลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับการสื่อสารประชาสัมพันธ์ก็มีความสำคัญไม่น้อย รวมถึงการใช้สื่อสมัยใหม่ เพราะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างความตระหนักรู้และจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในสังคม โดยการให้ข้อมูลและการสื่อสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงที่นำไปสู่อุบัติเหตุ และการเสนอแนวทางการป้องกัน ซึ่งจะช่วยลดจำนวนอุบัติเหตุและความสูญเสียที่เกิดขึ้น
รศ.ดร.กุลทิพย์ ศาสตระรุจิ ที่ปรึกษาสาขาการศึกษาและการเรียนรู้และ/หรือสุขภาพดิจิทัล กล่าวว่า การจะออกแบบสื่อหรือผลิตสื่อที่โดนใจด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกและความตระหนักในการใช้รถใช้ถนนให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จริง ต้องศึกษาพฤติกรรมการเสพสื่อในปัจจุบัน เพราะพฤติกรรมการบริโภคสื่อสังคมของแต่ละ Generation นั้นมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ ประสบการณ์ เทคโนโลยีที่เติบโตมา และความนิยมในแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงการใช้อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer), KOL ของแต่ละพื้นที่มาสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดความสนใจ ก็นับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และกระตุ้นให้ผู้คนมีส่วนร่วมในเนื้อหานั้นๆ มากขึ้น และการสร้างสรรค์เนื้อหาให้สร้างสรรค์ (Content Creation) เพื่อสร้างความตระหนักและรับรู้ในสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น โดยต้องมีตัวชี้วัดว่าแคมเปญที่เราจัดขึ้นมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
นางอรพรรณ อ่อนด้วง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคามมีความก้าวหน้าอย่างมากในการส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนผ่านแคมเปญการสื่อสารที่สร้างสรรค์และมุ่งเน้นชุมชน โดยใช้ช่องทางสื่อสารทั้งแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญ เช่น การสวมหมวกนิรภัย การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และการดื่มแล้วขับ อย่างการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100% ได้มุ่งเน้นไปที่เด็กและเยาวชน และมีการใช้ภาษาถิ่นในการจัดทำเนื้อหาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมชาติในการสื่อสาร โดยใช้ปฏิทินความเสี่ยงในการทำงานร่วมกันเป็นทีมในการออกแบบการสื่อสารและผลิตเป็น infographic ที่เผยแพร่ให้กับเด็กๆ เช่น การรณรงค์ให้เด็กใช้ทางม้าลายที่ถูกต้องในช่วงเปิดเทอม และการเตือนระวังในการขับรถในช่วงฤดูฝน