xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโปง “แก๊งกิมจิ๊” หลอกดูดเงินด้อมไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดราม่า “แน็ก-กามิน” ไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนเสียแล้ว เพราะเมื่อขุดลึกลงไปก็จะพบว่า มีการขบวนการของแก๊งเกาหลีที่เข้ามาหลอกดูดเงินจากกระเป๋าคนไทยอยู่เบื้องหลัง โดยใช้การแข่ง PK ในติ๊กต็อกเป็นเครื่องมือ และนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ “แน็ก ชาลี” ต้องเลิกคบกับติ๊กต็อกเกอร์แดนกิมจินางนี้ ซึ่งเบื้่องหน้าคือสาวแบ๊วใสซื่อ แต่ความจริงอายุ 31 แล้ว แถมมีรอยสักเต็มตัว ชี้ชัดว่านางคือผู้หญิงเจนจัดที่ผ่านอะไรมามากมายคนหนึ่ง



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงการจบความสัมพันธ์ระหว่าง ชาลี ปอทเจส หรือ “แน็ก ชาลี” กับติ๊กตอกเกอร์สาวเกาหลีที่ชื่อ “จี กามิน” ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่ากระแสตกไปแล้ว สำนักข่าวทั่วไปจึงแทบไม่มีใครทำข่าวเจาะลึกไปกว่านี้แล้ว แต่เรื่องนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจให้ติดตาม เพราะเมื่อเจาะลึกลงไปแล้ว ก็จะพบว่า ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของคน 2 คน แต่เป็น “ขบวนการ” ของเครือข่ายนักแสดงเกาหลีที่กระแสตก ไม่มีงานทำแล้ว วางแผนดูดเงินจากคนไทยอย่างมหาศาลกลับประเทศเกาหลี

เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเทคโนโลยี แต่มี “ขบวนการเกาหลี” ใช้วิธีล่อหลอกคนไทยให้เป็นเหยื่อ โกหกหลอกลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งการดูดเงินคนไทย


2 ประเด็น “แน็ก” เลิก “กามิน”?

คนอย่าง “แน็ก ชาลี” ซึ่งสารภาพว่ายังรัก “กามิน” อยู่ แต่ทำไมต้องเลิกกับกามิน ทั้ง ๆ ที่คบกันได้ไม่นาน มีผู้ชมสนับสนุนก็มาก สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้ทั้ง 2 คน ดังนั้นมันต้องมีเรื่องทนไม่ได้จริง ๆ

สรุปสาเหตุการณ์ที่ แน็ก ชาลี ต้องเลิกรากับ กามินทั้ง ๆ ที่ แน็กชาลี ยังรักกามินอยู่ นั้น มี 2 เรื่อง

เรื่องแรก จากปากของแน็ก ชาลีเอง ที่ห่วงแฟนคลับและคนไทยที่แห่ไปซื้อสติ๊กเกอร์ของขวัญในติ๊กต๊อก แล้วเข้าไปในหมวด PK ของติ๊กต๊อก คือการแข่งขันคู่ดาราติ๊กต๊อกคนอื่น เพื่อให้ผู้ชมหรือแฟนคลับของแน็ก ชาลี แห่กดโอนสติ๊กเกอร์ไปให้กามินให้มากๆ (เหมือนโอนเงินไปให้กามิน) หลายคนยังหมดเนื้อหมดตัว หลายคน


ครอบครัวต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน บางคนถึงกับกู้หนี้ยืมสินเพื่อโอนสติ๊กเกอร์ให้กับกามิน

โดย “แน็ก ชาลี” ถึงขนาดปรามแฟนคลับคนไทยว่า ระวังการโอนเงินผ่านสติ๊กเกอร์ให้กับการแข่งขัน PK แบบนี้ ถึงขนาดบอกว่าเพราะมันคือ “การแสดง“ เท่านั้น

และ “แน็ก ชาลี” เป็นดาราที่ไม่ได้สนับสนุนการจัดแข่งขันโอนสติ๊กเกอร์แบบนี้ด้วย เพราะเห็นว่ามันเหมือนการมอมเมา คนโอนเงินไม่ได้สินค้าอะไรกลับคืนมาเลย สงสารคนที่โอนเงิน เพราะขนาดว่า “แน็ก ชาลี” ไม่ได้เข้าไปในหมวด PK เดือน ๆ หนึ่ง แน็ก ชาลี ก็มีรายได้ 1 เดือนจากติ๊กต๊อกอย่างเดียวคนเดียว 13 ล้านบาท รวมถึงรายได้ของกามิน ชั่วโมงละ 4 แสนถึง 1 ล้านบาท และมีรายได้หลายสิบล้านบาทจากโฆษณาและออกอีเวนต์จำนวนมาก ก็ไม่ควรจะโลภไปมากกว่านี้

แถมกามินยังมีพฤติการณ์ขี้งก ขี้อิจฉา จิตใจคับแคบ อีกด้วย

“กามิน” ถึงขนาดเคยร้องไห้ด่าคนที่ผู้ชมกดโอนสติ๊กเกอร์ให้คนอื่น เผาชื่อแฟนคลับที่โอนสติ๊กเกอร์ให้คนอื่น จน “แน็ก ชาลี” ต้องออกมาเตือน “กามิน” ว่าทำแบบนี้ไม่ได้

นอกจากนั้นกามินยังไปเลือกรับโฆษณาประเภทสินค้าซ้ำซ้อนกับสินค้าที่ “แน็ก ชาลี” กับ “กามิน” เคยโฆษณาไปแล้วด้วย ซึ่ง “แน็ก ชาลี” ไม่เห็นด้วย เพราะทำให้เสื่อมเสียต่อผู้จ่ายเงินโฆษณา


และปิดท้ายที่เป็นจุดแตกหัก คือ “กามิน” ซึ่งถูกปั้นมาจากแฟนคลับ “ชาลี” ในประเทศไทย กลับไปร่วมขบวนการกับเอเยนต์ซีรีย์เกาหลี ที่จะพาคนเกาหลีมาหาเงินแบบกามินในประเทศไทยอีกจำนวนมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจนถึงทุกวันนี้ “แน็ก ชาลี” ก็เป็นสุภาพบุรุษที่ไม่เปิดเผยกล้องวงจรปิดพร้อมเสียงสนทนาโทรศัพท์ของกามินที่บ้านของ “แน็ก ชาลี” กับการดำเนินการกับขบวนการเกาหลีที่วางแผนจะทำมาหากินกับคนไทยอย่างไร ได้แต่ออกไลฟ์ให้คนระมัดระวังตัว

“แน็ก ชาลี” รู้สึกว่าขบวนการดังกล่าว มีความละโมบโลภมากเกินไป และทำร้ายคนไทยมากเกินไป “แน็ก ชาลี” จึงแสดงความรับผิดชอบต่อแฟนคลับคนไทย ด้วยการเลิกกับกามิน เพื่อไม่ให้กระแสคู่จิ้นระหว่าง “แน็ก ชาลี” กับ “กามิน” ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างกระแสทำมาหากินกับคนไทยต่อไป และเพื่อทำให้คนไทยโดยส่วนรวมได้ตั้งสติด้วย


เรื่องที่สอง เป็นเรื่องที่ “แน็ก ชาลี” ไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่ชาวเน็ตเขาไปสืบมาเห็นว่าใน วันที่ 14 สิงหาคม 2567 กามิน น่าจะพักอยู่ที่โรงแรม ดูหนังซี่รีส์อยู่ กามินได้ถ่ายภาพตัวเองกำลังดูหนังซีรีส์ โดยมีเท้าของคน ๆ หนึ่งนอนอยู่ด้วย

ซึ่ง “แน็ก ชาลี” บอกใบ้ยอมรับว่าการถ่ายภาพเท้ากามิน กับ ชาลี เคยมี “ก่อนหน้านี้” เพียงภาพเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงทำให้ผู้ชมย่อมตีความว่าเท้าปริศนาในภาพครั้งล่าสุดนี้ไม่ใช่เท้าของ “แน็ก ชาลี” และ “แน็ก ชาลี” บอกเองว่าบ้านของชาลีไม่มีหนังซีรี่ย์ดู แปลว่ากามินต้องนอนในสถานที่อื่นด้วย


เรี่องนี้ ยังมีพิรุธข้อแรกคือหลังจากภาพเท้าหลุดออกไปกามินรีบลบรูปทันที

พิรุธข้อที่สอง “แน็ก ชาลี” รู้ว่าประเด็นนี้คนถามเยอะแต่ไม่เคยแก้ตัวให้กามิน และหลังจากนั้นอีก 4 วันแน็ก คือ วันที่ 18 สิงหาคม 2567 ชาลีต้องเลิกรากับ กามิน และไม่ไปส่งกามินด้วย แต่ก็ยังยอมรับว่ายังรักกามินอยู่

แต่เนื่องจากแน็ก ชาลีเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ยอมเปิดเผยหรือซ้ำเติมในข้อสงสัยเรื่องนี้ แต่เหล่าแฟนคลับก็ช่างสังเกตเรื่องนี้มาให้เราได้ตั้งคำถามกัน

“กามิน” นักเต้นเกาหลีปลายแถว

คนไทยส่วนใหญ่จะมองเห็นแต่ภาพลักษณ์ของกามิน ว่าเป็นสาวใส ๆ แอ๊บแบ๊ว ทำตัวคิกขุน่ารัก แต่ถ้าดูประวัติของเธอแล้ว น่าจะเรียกได้ว่าเป็น “ผู้หญิงที่เจนจัด” ในวงการบันเทิง

สำหรับคนที่จะเข้าเป็นดาราแถวหน้าในวงการบันเทิงเกาหลีได้ ส่วนใหญ่จะถูกคัดเลือกมาตั้งแต่เด็ก ๆ คือตั้งแต่อายุไม่เกิน 15 ปี เพราะนอกจากจะมีผู้เข้าแข่งขันเข้าสู่วงการมาให้ค่ายบันเทิงได้เลือกจำนวนมากแล้ว ยังถือเป็นอุตสาหกรรมที่ต้นทุนต่ำ เพราะคนที่เข้ามาแข่งขันให้ถูกคัดเลือกในวงการนี้ในช่วงแรกยังไม่มีชื่อเสียง อำนาจต่อรองน้อย ค่าตัวจึงไม่แพง

คนที่ผ่านด่านได้ก็จะถูกเซ็นสัญญายาว 5 ปีบ้าง 7 ปีบ้าง หลังจากนั้นส่วนใหญ่ค่ายเกาหลีจะไม่ต่อสัญญา เพราะค่ายศิลปินมองเป็นอุตสาหกรรม พอราคาค่าตัวแพงขึ้นก็โละทิ้ง ก็เลิกโปรโมท ปล่อยให้ไปหากินกันเอาเอง

ดังนั้นใครอายุถึง 25 ปีแล้ว ยังไม่ประสบความสำเร็จ ก็ถือว่าเข้าสู่ขาลงจากวงการบันเทิงเกาหลีใต้แล้ว


รัฐบาลเกาหลีใต้สนับสนุนอุตสาหกรรมบันเทิง เป็นซอฟท์พาวเวอร์ไปทั่วโลก จึงเห็นโอกาสสร้างกระแสในตลาดต่างประเทศ วงหนุ่มๆ หรือสาวๆ ในเกาหลี ก็จะต้องมีศิลปินต่างชาติผสมเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย


โดยเฉพาะอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้รู้ว่าคนไทยพร้อมจะจ่ายเงินมหาศาลให้กับศิลปินเกาหลี อย่างเช่น ก็อตเซเว่น ที่ศิลปินชาย 7 คน ก็ต้องมีแบม แบม ซึ่งเป็นคนไทยรวมอยู่ด้วย 1 คน เพื่อเป็นการตลาดสำหรับดึงดูดแฟน ๆ คนไทย

แต่ศิลปินต่างชาติในวงเหล่านี้มักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จในเกาหลี เพราะความจริงแล้วคนเกาหลีใต้มีความเหยียดชนชาติอื่นอยู่ในตัวเอง


หรือแม้แต่ วงแบล็กพิงค์ มี 4 คน ก็ต้องมี “ลิซ่า” ซึ่งเป็นคนไทยเข้ามาเป็นองค์ประกอบด้วย ซึ่ง “ลิซ่า” ก็ถูกเหยียดในเกาหลีหนักมาก ค่าตัวก็น้อยกว่าคนในวง บางครั้งการแต่งตัวก็ถูกเอาใจใส่น้อยกว่าคนในวงด้วย อีกทั้งยังต้องจ่ายภาษีมากกว่าดาราเกาหลีด้วย

เมื่อวงแบล็กพิงค์หมดสัญญาก็ตัดสินใจไม่ต่อสัญญา ส่วนสำคัญที่สุดคือลิซ่าไม่กลับไปต่อสัญญาเกาหลีอีก ทั้ง ๆ ที่กลุ่มค่ายเกาหลีก็ง้อแล้วง้ออีก

ลองคิดดูว่า ถ้าดีจริงและมีความสุขจริง ไม่ถูกเอาเปรียบจริง ลิซ่าก็คงต่อสัญญากับเกาหลีใต้ไปแล้ว


อย่างไรก็ตาม เกาหลีก็สร้างวงใหม่ขึ้นมารองรับแทน คือ เบบี้มอนสเตอร์ ศิลปินสาว 7 คน ของค่ายวายจี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ก็มีคนไทย 2 คน คือ “ชิกิต้า” กับ “ภริตา” ซึ่งก็ยังห่างไกลที่จะประสบความสำเร็จเหมือนแบล็กพิงค์ และลิซ่า

กรณีของ “จี กามิน” เป็นดาราเกรด C ในเกาหลี จึงไม่ได้ถูกคัดเลือกเป็นศิลปินแถวหน้าตั้งแต่เด็ก จึงต้องใช้วิธีการเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยแทน

โดย “จี กามิน” ได้เข้าการศึกษาด้านศิลปะการเต้นจาก มหาวิทยาลัย วูซุก ในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน แต่มีค่าเล่าเรียนแพงด้วยคำถามคือ เธอยากจน และน่าสงสารจริงหรือเปล่า ?

โดย “กามิน’ สามารถเต้นได้ทั้งบัลเลต์ แจ๊ส เค-ป๊อป รวมถึงเคยแสดงบัลเลต์บนเวทีใหญ่ ๆ มาแล้ว และยังรับงานโฆษณาถ่ายแบบบ้าง เล่นละครภาพยนตร์บ้าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย


ถามประชาชนคนเกาหลีใต้ทั่วไป ก็ไม่มีใครรู้จักว่าคนชื่อ “จี กามิน” เป็นใคร?

แต่ขอให้ทุกคนต้องตระหนักว่า “จี กามิน” คือนักเต้น และนักแสดงปลายแถวในวงการบันเทิงเกาหลีคนหนึ่งเท่านั้น

ก่อนจะแอ๊บแบ๊ว “กามิน” เป็นสายเซ็กซี่มาก่อน

ความจริงแล้ว “แน็ก ชาลี” ได้เชื่อ “กามิน” จนหมดใจ พาคนเกาหลีคนนี้มาให้คนไทยสนับสนุน ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเขาเลย

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริง ๆ กามินพักอาศัยอยู่ที่ไหน? ยากจนจริงหรือเปล่า? ค่าเช่าห้องเท่าไหร่? เรียนหนังสือจริงหรือไม่? แม่ป่วยจริงหรือเปล่า?

ข้อสำคัญคือ จริง ๆ “แน็ก ชาลี” ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า กามิน มีสามี มีลูกแล้วหรือยัง ???


แล้ว “กามิน” เป็นคนเรียบร้อย ไร้เดียงสา น่าสงสารเหมือนที่แสดงให้พวกเราดูจริงๆหรือเปล่า

ก่อนที่ “แน็ก ชาลี” จะรู้จัก “กามิน” นั้น แน็ก ชาลี ยอมรับในการไลฟ์ครั้งหนึ่งว่า มีเพื่อนของ “กามิน” ส่งข้อความถึง “แน็ก ชาลี” ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังลำบาก และ “แน็ก ชาลี” ก็ดันเชื่อเขาไปซะอย่างงั้น โดยอาจจะไม่รู้ว่า ทั้งหมดนี้มันคือ “การจัดฉาก” และ “การแสดง” โดยมี เอเจนซี ในการวางแผนการตลาดอยู่เบื้องหลัง


“กามิน” ก่อนที่จะมาแอ๊บแบ๊ว ทำตัวน่ารักนั้น เธอเป็นนักเต้นแนวใช้กำลังและเซ็กซี่ ประมาณหางเครื่องของนักร้อง และเป็นนักแสดงที่เกาหลีใต้

ตามภาพในตอนปี 2561 -2562 กามินยังไม่มีรอยสักเลยด้วยซ้ำ(ตามภาพด้านล่าง)


แต่วันที่เจอ “แน็ก ชาลี” คือ ปี 2567 เป็นวันที่ กามิน อายุ 31 ปีแล้ว การที่กามินอายุเกิน 25 ปี ถือเป็นขาลงของวงการศิลปินเกาหลี และการที่มีรอยสัก ก็ชัดเจนว่าได้หันหลังให้วงการบันเทิงเกาหลีแล้ว และจะต้องมีรายได้จากทางอื่น

กามินน่าจะเริ่มมีรอยสักก็ประมาณ 2 ปีที่แล้ว ประมาณหลังช่วงการระบาดของโควิดคือประมาณ 2565-2566

ถามว่า ใน 2 ปีนั้น กามินหาเลี้ยงชีพและดำรงชีวิตอยู่ในเกาหลีได้อย่างไร โดยไม่ได้งานเต้นแบบเดิมแล้ว ?


น่าสงสัยว่า กามินจะมีเงินเรียนหนังสือปริญญาโทได้อย่างไร แล้วอยู่อาศัยในเกาหลีที่ค่าครองชีพได้อย่างไร ?

และข้อสำคัญ ก่อนเธอจะมาทำตัวน่ารัก แอ๊บแบ๊ว น่าสงสารให้พวกเราเห็น มีภาพที่กามินในวันที่มีรอยสักแล้ว ใส่ชุดบิกินีไปทะเล พร้อมภาพลักษณ์เซ็กซี่ ใช่คนใสๆ คนเดียวกันกับที่แสดงให้เราดู


หากดูภาพด้านซ้ายสุดในชุดบิกินี ภาพสะท้อนในแว่นตาดำของเธอในภาพขวาสุด คนที่ถ่ายภาพให้เธอก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่คอยติดตามเธอตลอด แสดงว่ากามินอยู่กับผู้ชายจริงหรือไม่ ?

ผู้หญิงอายุ 31 ปี อดีตนักเต้นตกกระป๋องในวงการบันเทิงเกาหลี กล้าแต่งตัวเซ็กซี่ มีรอยสักนอกร่มผ้า ชอบดื่มเหล้า ชอบปาร์ตี้ แถมภาพสุดท้าย เธอนั่งเรือไปทะเลด้วยกระเป๋าหลุยส์ วิตตองราคาแพง


นักแสดงตกอับใช้ชีวิตอย่างนี้ได้อย่างไร ?

และคำถามตามมามีอยู่ว่าตกลงเธอยากจนจริง ๆ หรือเปล่า หรือเป็นการแสดงให้เราดูเท่านั้น

“สำหรับผมกามินคือนักแสดง ที่เจนจัด กรำศึกผ่านโลกมามาก และต้องมีสปอนเซอร์หรือสายเปย์ดูแลอยู่แล้วด้วย” นายสนธิ กล่าว

“กามิน” เมื่อกลับเกาหลีในครั้งหลัง จึงได้ไลฟ์สดว่า ตัวเองมีรายได้ดีอยู่แล้วที่เกาหลีใต้ ไม่เคยอยากไปเมืองไทยเลย แต่ยอมไปยากลำบากเพราะเห็นว่า “ชาลี” ชวน ดังนั้นผู้ชมอย่ามาอิจฉา “กามิน” ใครอยากประสบความสำเร็จก็ให้ไปไลฟ์เอาเอง

ตอนแรกเข้าใจว่า “กามิน” เป็นพวกอวดดี วัวลืมตีน

แต่พอมาเห็นหลักฐานแล้ว “กามิน” แย่กว่านั้น คือหลอกทั้ง “แน็ก ชาลี” และหลอกคนไทย และสิ่งที่คนไทยเห็นคู่จิ้นระหว่างกามินกับ “แน็ก ชาลี” คือการแสดงของ “กามิน” เท่านั้น ก็สามารถต้มหลอกเงินคนไทยด้วยการโปรยเสน่หาและความรัก ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีเงิน มีสามี และมีเอเจนซี อยู่แล้วใช่หรือไม่


ดังนั้นการที่กามิน ไม่เคยอนุญาตให้ “แน็ก ชาลี” ไปหาที่เกาหลีใต้ แถมยังบอกว่าเป็นความลับ และพอถึงที่เกาหลีใต้ก็ไม่ติดต่อ “แน็ก ชาลี” อีกเลย โดยอ้างว่าแม่ป่วย งานเยอะ

“ซึ่งผมเคยฟันธงจากประสบการณ์ที่ผ่านชีวิตเห็นอะไรมาเยอะ ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่าเธอต้องมีเสี่ยเลี้ยงอยู่ที่เกาหลีใต้อยู่แล้ว” นายสนธิ กล่าว

เปิดรอยสัก “กามิน” เชื่อมโยงกลุ่มพนันที่ญี่ปุ่น

รอยสักของกามิน ซ่อนอะไรบางอย่าง ที่เราเห็นตามแขนนอกร่มผ้า 6 จุด ทั้งรอยสักรูปคิวปิดสีดำ, เชอร์รี่สีแดง, ลูกไฟ, ตัวเลข 777, ดาวล้อมดอกไม้, รวมถึงตัวอักษรจีนที่แปลว่าโชคดี และมีรอยสักด้านหลังอีก 1 จุด และยังมีที่นิ้วนางมือขวาเป็นรอยสักเป็นรูปหัวใจอีก 1 จุด รวมเป็น 9 จุด


รอยสักที่มีอยู่บนตัวกามินทั้งหมด คือสัญลักษณ์ที่อยู่ในตู้การพนัน สล็อตแมชชีน หรือ ปาจิงโกะ ในประเทศญี่ปุ่น สัญลักษณ์เหล่านี้หากกดหรือโยกคันโยกแล้วมาอยู่รวมกัน 3 ช่อง แจ็คพ็อตก็แตก

ซึ่ง “กามิน” ก็ยอมรับเอง ว่าไปสักเพื่อความโชคดีของตัวเองในการเล่นตู้สล็อตแมชชีน !


แต่ประเด็นที่น่าสังเกตคือ การสักแนวท้องแขนด้านใน เป็นเนื้อเยื่อที่อ่อนบอบบาง แต่การสักรูปลูกไฟ, เลข 777และดาวล้อมดอกไม้ ตามแนวท้องแขนจะต้องเจ็บมาก การที่เป็นผู้หญิง แล้วยอมตัดสินใจไปเจ็บตัวที่ต่างประเทศ ให้มีรอยสักตามร่างกาย แม้กระทั่งจุดที่เจ็บนั้น ในทางจิตวิทยาอาจแปลว่าจะต้องทำให้เกิดจุดเจ็บกว่าเพื่อชดเชยระบายความเจ็บปวดอะไรบางอย่างในจิตใจก็ได้ เช่น มีความฝังใจอะไรบางอย่างในการใช้ชีวิตที่ผ่านมา หรือไม่ก็แปลว่าต้องแสดงสัญลักษณ์อะไรบางอย่างเพื่อให้เกิดการยอมรับจากใครบางคนให้พอใจ


คำถามคือ ถ้า “กามิน” ตกอับ ตกงานในเกาหลีแล้วมีเงินไปเที่ยวเล่นพนันที่ญี่ปุ่นได้ยังไง แถมมีอะไรเป็นหลักประกันที่จะทำการสักรอยบนผิวร่างกายจนยิ่งทำให้ “กามิน” หางานบันเทิงยิ่งยากมากขึ้นในเกาหลีใต้

นั่นคือปริศนากับคำถามที่ว่า กามินใช้ชีวิตและหาเงินอย่างไรที่ญี่ปุ่น ใครเป็นคนจ่ายให้? แล้วถ้ากามินเสียพนันที่ญี่ปุ่น จะมีเงินมาจากไหน? หรือ กามินต้องแลกด้วยอะไรถึงจะมีเงินมาเล่นพนัน?

ดังนั้น แปลความว่า “กามิน” ต้องมีการสนับสนุนหรือสปอนเซอร์บางอย่างที่ทำให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในญี่ปุ่น เล่นพนันที่ญี่ปุ่น และต้องมีเงินเล่นมากด้วย จนทำให้มีแรงจูงใจ จนถึงขั้นตัดสินใจยอมให้มีรอยสักเกี่ยวกับการพนันบนร่างกายของกามินเอง .... หรืออาจจะแปลได้ยิ่งกว่านั้นกามินอาจจะอยู่กับคนในแวดวงการพนัน หรือพนันออนไลน์ หรือโลกสีเทาหรือสีดำก็ได้ และต้องการการฟอกเงินผ่านติ๊กต๊อก

หรืออย่างน้อยแสดงให้เห็นว่า “กามิน” เป็นคนที่มีอุปนิสัยชอบพนันเสี่ยงโชคหรือ “กล้าได้ กล้าเสีย”


และทำให้เข้าใจได้ว่า ทำไม กามิน ถึงได้ชื่นชอบการทำ PK ในวงการติ๊กตอก เพราะมันถูกจริตพวกนักพนัน


กามินใช้ชีวิตแบบนี้ทั้งในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ก่อนจะมาแสดงว่ายากจนข้นแค้น แอ๊บแบ๊วให้คนไทยได้เห็น และมีสปอนเซอร์อยู่เบื้องหลังการแสดงของกามิน ซึ่งอาจเป็นเอเย่นต์ของกามิน เพื่อมีภารกิจอะไรบางอย่างในการหารายได้ต่อไป

ประเมิน “กามิน” ทำ PK แค่ 5 นาที ดูดเงินทุยไทยได้นับ 10 ล้านบาท

ในสมัยโบราณ นักร้องลูกทุ่ง นักร้องคาเฟ่ หรือพระเอกลิเก ที่พ่อยกแม่ยกชื่นชอบ ก็จะแห่กันไปคล้องพวงมาลัยที่ติดธนบัตร บางคนถึงกับมีรายได้มหาศาลคล้องเต็มตัวก็มี

หรือการประกวดงานวัด ก็ให้แฟนคลับไปซื้อพวงมาลัยหรือดอกกุหลาบกับกองกลาง ไปคล้องหรือมอบให้คนที่ขึ้นเวทีเพื่อให้คนที่เรารักจดจำเราได้บ้าง เพื่อหวังแต๊ะอั๋งบ้าง เพื่อหวังไปไกลกว่านั้นบ้าง ฯลฯ

แต่แอปพลิเคชั่น ติ๊กต๊อก เขาก็ได้คิดค้น กระบวนการแบบนี้เหมือนกัน คือทุกคนสามารถเติมเงินในบัญชีติ๊กต๊อกเท่าไหร่ก็ได้ เพื่อแลกเป็น เหรียญของติ๊กต๊อก (TikTok Coin)

1 เหรียญของติ๊กต๊อก เมื่อก่อนต้องใช้เงินประมาณ 1.8 บาท แต่เดี๋ยวนี้ราคาลดลง (อาจเพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้น และติ๊กต๊อกลดราคาให้) 1 เหรียญติ๊กต็อก ใช้เงินประมาณ 40 สตางค์

เมื่อมีทุกคนมีเงินในบัญชีแล้วก็สามารถเลือกของขวัญติ๊กต๊อก (TikTok Gifts)กดส่งไปให้คนที่เราชื่นชอบได้

ภาพ ของขวัญ TikTok Universe จากแฟน ๆ ชาวไทยที่เคยส่งให้กามิน
ยกตัวอย่างเช่น ของขวัญราคาที่แพงที่สุดคือ ติ๊กต๊อก ยูนิเวิร์ส ซึ่งมีมูลค่า 44,999 เหรียญติ๊กต๊อก เมื่อก่อนตอนที่ กามินเล่นอยู่ ราคาประมาณ 24,999 บาท เดี๋ยวนี้การส่งติ๊กต๊อก ยูนิเวิร์ส 1 ตัวก็ประมาณ 17,581 บาท 

ส่วนของขวัญราคาถูก ๆ ลงมาก็มี อย่างเช่น ส่งรูปมงกุฏ ราคาตัวละ 99 เหรียญ(ประมาณ 40 บาท)หรือ เป็ด 299 เหรียญ(ปัจจุบันราคาตัวละ 120 บาท) หมาคอร์กี้ 299 เหรียญ(ราว 120 บาท)


โดยรายได้จากของขวัญทั้งหมด ติ๊กตอกจะหักไป 20% ที่เหลือจะเป็นรายได้ให้กับผู้ที่ได้รับของขวัญโดยตรง และสามารถถอนเงินได้ทันทีด้วย

แต่ตัวที่กระตุ้นแฟนคลับอย่างบ้าคลั่ง คือเกมในติ๊กต๊อก ในหมวดที่เรียกว่า PK ย่อมาจาก Player Kill หมายถึง ให้ผู้เล่น 2 คนขึ้นไปนัดหมายมาแข่งขันกัน 3 ยก ๆ ละ 5 นาที โดยแข่งกันว่าผู้ชมจะโอนสติ๊กเกอร์ให้ใครมากกว่ากัน ใครชนะ 2 ใน 3 ยกแล้ว นอกจากจะได้เงินจากคนที่กดสติ๊กเกอร์ให้แล้ว ก็จะได้ถูกยกระดับการมองเห็น ผู้เล่นติ๊กต๊อกจากคนทั่วโลกมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากใครจ่าย ติ๊กต๊อก ยูนิเวิร์ส เมื่อไหร่ คนที่เล่นติ๊กต๊อกจะเห็นทั้งโลก ทั้งผู้โอนและผู้ได้รับโอน แถมขึ้นชื่อคนโอนบนหน้าจอให้คนเห็นด้วย

ทำให้คนอยากเด่นอยากดังก็จะพยายามทำ PK ให้เกิดขึ้น ยิ่งแข่งกันคนดังก็จะยิ่งได้รับความน่าสนใจมากขึ้น

แฟน ๆ ชาวไทยเปย์กันไม่หยุดจนกามินถึงกับหลั่งน้ำตา (ในภาพคือของขวัญหมาคอร์กี้)
“กามิน” ได้เริ่มต้นจากแฟนคลับคนไทยที่มาจาก “แน็ก ชาลี” ด้วยการชวนแฟนคลับชาลีเปิดห้องลับจ่ายคนละ 250 บาทต่อเดือน ที่ชื่อว่าห้อง discord ปรากฏว่ากามินดึงแฟนคลับจากชาลีมาได้ 1,500 คน(กามินจะมีรายได้ทันที 375,000 บาทต่อเดือน) และมากขึ้นไปเรื่อยๆ ถึง 5,000 คน (1,250,000 บาทต่อเดือน) ลองคิดดูว่าเป็นรายได้ทุกเดือน จะร่ำรวยขนาดไหน

99% ในห้องนี้เป็นผู้ชาย คงหวังจะได้ใกล้ชิดกามินที่เป็นขวัญใจชาวไทยในเวลานั้น ซึ่งแน็ก ชาลี ไม่เคยเห็นด้วยเลยทั้งการเปิดห้อง หรือการทำ PK

แต่ความจริงมันแย่ยิ่งกว่าการคล้องพวงมาลัยในสมัยก่อนมาก เพราะรูปแบบกดTikTok Giftsนี้ แม้โอนเงินเป็นแสน แต่แขนยังไม่ได้จับเลย

ที่นี้กามินเขาจับจุดถูกว่า แฟนคลับคนไทยขี้สงสาร และสนับสนุนกามิน กามินจะไปใช้วิธีว่า “เกรงใจทุก ๆ คน แต่ว่าฉันอยากชนะแมตช์นี้”


ยังไม่นับว่าการจัดแมตช์แบบนี้ ยังมีการนัดหมายปั่นตัวเลขจากเอเย่นซี่ของตัวเอง เพื่อปั่นให้คนยิ่งโอนเข้ามามากขึ้น เพราะมันเป็นการแสดงให้คนโอนเงินมาให้มากที่สุด

คนที่จ่ายสติ๊กเกอร์หนักๆ จะมีสรรพนามว่า“เทพ”นำหน้า ส่วนคนที่โอนมาให้มากที่สุดในการแข่งขันครั้งนั้น PK จะขึ้นชื่อประกาศให้เป็นMVP แปลว่าMost Valuable Playerแปลว่าผู้เล่นที่มีคุณค่าที่สุด เพื่อให้เป็นที่จดจำ

แฟนคลับไทยของ “กามิน” หน้าใหญ่ แห่กันกดของขวัญกันแบบขาดสติ เพียงเพราะอยากให้ “กามิน” จดจำได้บ้าง อยากให้ชนะคู่แข่งขาดลอยบ้าง อยากให้ “กามิน” ปลื้มใจบ้าง

อย่าลืมว่า “กามิน” เป็นนักแสดง ทั้งร้องไห้ ทั้งทำท่าน่ารักโปรยเสน่ห์ให้คนยิ่งกดของขวัญให้มากยิ่งขึ้น


“ผมเคยดูการทำ PK ครั้งหนึ่งของ “กามิน” 1 ยก 5 นาที กามินจะได้รับสติ๊กเกอร์ประมาณ 14-25 ล้านเหรียญติ๊กต๊อก คิดเป็นเงินไทยในเวลานั้นประมาณ 8 ล้านบาท - 14 ล้านบาท ใน 5 นาทีเท่านั้น

“พอยกที่ 2 ก็เพิ่มไป 2 เท่าเป็น 16-28 ล้านบาท ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น

“และถ้าเตี๊ยมกับคู่แข่งทำให้มีการผลัดกันแพ้ 1 ยก จะทำให้มีการแข่งถึง 3 ยก รายได้จะเพิ่มเป็น 24-42 ล้านบาทเป็นอย่างน้อยใน 15 นาทีเท่านั้น”


นี่แค่การแข่งขันกันเพียงแค่ 5-15 นาทีเท่านั้น

ถ้าสมมติว่า กามินเขาทำทุกวัน ๆ ละครั้ง 1 เดือน จะมีคนไทยต้องเสียเงินเพิ่มอีกกี่สิบล้าน กี่ร้อยล้านบาท ... ผมลองคำนวณว่าทำทุกวัน ต่อเนื่อง ต่อเดือนนี่ได้เดือนละ 600-700 ล้านบาทเลยทีเดียว

มีอยู่ครั้งหนึ่งมีคนไทยคนหนึ่งที่เป็นเซียนพระ ชื่อ “อั๋น โอกิ” กดโอนให้การแข่งขัน PK ของกามินในการแข่งขันครั้งเดียวไป 10 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 4 ล้านบาทเพือให้กามินชนะ


แต่บางคนเผลอกดจนเงินไปพอ ติดงอมแงม รีบเติมเงิน หรือใช้บัตรเครดิต กลายเป็นหมดเนื้อหมดตัว หรือเป็นหนี้เป็นสิน บางครอบครัวทะเลาะกันอย่างรุนแรง

ด้วยเหตุนี้ เอเจนซีเกาหลี ถึงได้ติดต่อกับกามิน เตรียมแห่ขนทัพดาราเกาหลีตกกระป๋อง อีกเพียบมาขนเงินจากประเทศไทยกลับไปเกาหลีอีกมหาศาล

ลองคิดดูว่าหากสถานการณ์ดำเนินต่อไป “กามิน” เพียงคนเดียวโกยเงินจากคนไทยที่ขาดสติหลายร้อยล้านบาท หากขนกองทัพแบบกามินมาอีก 10 คน ประเทศไทยเงินออกนอกประเทศยิ่งกว่านี้มหาศาล กำลังซื้อหดหาย และอาจจะต้องมีหลายคนสิ้นเนื้อประดาตัว

นี่คือเหตุผลว่าแน็ก ชาลี ไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้ รีบตัดความสัมพันธ์กับ กามิน

แต่แน็ก ชาลี ก็ต้องเสียมากกว่านั้น เพราะแน็กชาลีให้กามินเป็นค่าไลฟ์ชั่วโมงละ 400,000 -1,000,000 บาท ก็ยังไม่พอ

แน็กชาลี ยังต้องจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่กามินอยู่ในประเทศทั้งหมด แถมยังให้กามินได้มีรายได้จากโฆษณาอีกจำนวนมาก

แต่การที่เรื่องราวอาจจะบานปลายใหญ่โต วิเคราะห์ว่านี้คือเหตุผลที่แน็ก ชาลีต้องรีบโอนเงินค่าจ้างที่รอเป็นงวดไม่เกิน 30 ล้านบาท เพื่อให้กามิน รีบๆ กลับเกาหลีใต้ให้เร็วที่สุด และพยายามบอกใบ้ให้กับคนไทย อย่าไปหลงเชื่อเรื่อง PK เพราะมันเป็นแค่ “การแสดงเท่านั้น”


ความที่คนโอนเงินระดับเทพให้ “กามิน” มีจำนวนมาก “กามิน” ต้องรวบรวมจดเอาไว้เป็นสมุดหนาถึง 2 เล่มใหญ่ แล้วก็มาเอาใจแฟนคลับสายเปย์ด้วยการอ่านชื่อคนที่โอนสติ๊กเกอร์ให้ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงการจดรายชื่อหนาขนาดนี้ คือพวกคุณตกเป็นเหยื่อ “มายาเสน่หา” ของกามินแล้ว

เพราะความเป็นจริง ถ้าไม่หลงงมงาย กามินจดจำชื่อพวกที่โอนเงินมาก ๆ มาให้ได้ไม่หมดต่างหาก ถึงต้องจดเอาไว้ในสมุดให้สายเปย์ปลื้มใจว่าตัวเองสำคัญ

ผลประโยชน์มหาศาล มีช่องโหว่ให้ขบวนการฟอกเงิน

เนื่องจากการโอนสติ๊กเกอร์อันมหาศาลเหล่านี้ เป็นช่องว่างที่ตรวจสอบได้ยาก ว่าเอาเงินที่ไหนมาซื้อสติ๊กเกอร์ แต่การมีดาราที่เป็นที่สนใจ ทำให้เป็นเป้าหมายช่องโหว่ของพวกสีเทา และสีดำ ที่ต้องการนำเงินที่ผิดกฎหมาย ทั้งค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าอาวุธ ทุจริตคอรัปชั่น พนันออนไลน์มาฟอกเงินผ่าน การทำ Pk โดยผ่านเอเยนต์และตกลงแบ่งผลประโยชน์ให้คนที่ถูกรับโอนเพื่อให้กลายเป็นเงินถูกกฎหมาย

สังกัดเหล่านี้จะเชิญชวนให้คนที่อยู่ในสังกัด “ทำหน้าที่” เช่นต้องไลฟ์กี่ชั่วโมงต่อวัน ต้องโอนไปให้ใครบ้าง ซึ่งเป็นช่องโหว่อย่างยิ่ง ที่จะลวงหลอกทำให้คนปกติหลงไปในกระแสปั่นที่ไม่มีจริงจำนวนมาก

ดูอย่างห้อง discord ของกามินลดลงจาก 5,000 คน เหลือเพียงประมาณ 1,600 คน แต่มีขบวนการอวตาร จัดตั้งบัญชีปลอมไม่มีตัวตนเข้ามกดสวนกระแสในติ๊กต๊อกของกามิน และเมื่อการมินเห็นท่าไม่ดี ก็ใช้วิธีปิดวีดิโอทั้งหมดด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้แฟนคลับมากดรายงานเพื่อปิดบัญชี หรือกดเลิกติดตาม


เพราะหากคนดูต่ำกว่า 1,000,000 เมื่อไหร่ ราคาและกระแสความเชื่อมั่นต่อเครือข่ายกามินจะลดลง

การจัดตั้งบัญชีปลอม ถึงขนาดปั่นกระแสให้คำว่า #Savegamin (เซฟกามิน) ติดอันดับ 1 เทรนต์ทวิตเตอร์ เมื่อดูรายละเอียดก็เห็นว่า เป็นบัญชีปลอมทั้งสิ้น

ล่าสุดกามิน พยายามปั่นกระแส ร้องไห้บ้าง โชว์ตัวปั่นกระแสพี่ชายหน้าตาดีบ้าง

ยิ่งทำให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นมันเป็น “ขบวนการ” และมีขบวนการทัวร์ลงด่าหรือด้อยความน่าเชื่อถือไปยังแน็ก ชาลีด้วย เพราะผลประโยชน์ของคนที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศไทยและเกาหลีมีจำนวนมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น