การเมืองที่ใช้แต่พระเดชแบบ “บิ๊กป้อม” ไม่ได้ผลอีกแล้ว เครือข่ายเส้นสายไม่มีความหมายโดยเฉพาะการล่มสลายของ ส.ว.ลากตั้ง องค์กรอิสระผลัดใบ คนในคาถาพ้นจากตำแหน่ง ตอกย้ำว่าวาระสุดท้ายในทางการเมืองของลุงป้อมได้มาถึงแล้ว
ฟังอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นสำหรับข้อแก้ตัวของบรรดาแกนนำพรรคพลังประชารัฐที่ต่างออกมาปฏิเสธว่าเสียงในคลิปที่มีการเผยแพร่กันว่อนในสื่อสังคมออนไลน์นั้นไม่ใช่เสียงของ 'บิ๊กป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคอย่างแน่นอน และยังโยนไปว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีระดับปัญญาประดิษฐ์ตัดต่อเสียงพล.อ.ประวิตร เพื่อใส่ร้ายกันในทางการเมือง
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ข้ออ้างที่ว่านั้นรับฟังได้ยาก คือ การออกมายอมรับเองของนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่า คลิปเสียงนั้นเป็นเสียงของตัวเองกำลังสนทนากับพล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลฝ่ายความมั่นคงและดูแลกระทรวงมหาดไทย
โดยเป็นการรายงาน เพื่อเสนอโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ เป็นการเสนอชื่อแต่งตั้งนายขจร ชวโนทัย เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กับนาย อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน
กลายเป็นว่าบิ๊กป้อมต้องจำนนด้วยประจักษ์พยานรายนี้ไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตาม ถ้ามองกันตามเนื้อผ้าก็อาจไม่เป็นเรื่องความผิดอาญาแผ่นดินหรือกฎหมายบ้านเมืองข้อใด เพราะเป็นเพียงการสนทนาในวงของคนคุ้นเคยเท่านั้น แต่ถ้ามองในทางการเมืองแล้ว ต้องถือว่าทัศนคติของบิ๊กป้อมที่สื่อออกมา ไม่ได้ช่วยนำพาพรรคพลังประชารัฐก้าวข้ามความเป็นอนุรักษ์นิยมเก่าไปสู่อนุรักษ์นิยมใหม่แม้แต่น้อย
ทั้งนี้ เป็นเพราะบทสนทนาส่วนใหญ่เป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงท่าที “อยากเป็นเบอร์หนึ่ง”บ้าง ซึ่งหมายความว่าต้องการจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ การพูดกับคู่สนทนาเรื่องการแบ่งเงินแบ่งทอง รวมไปถึงการโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย
โดยบทสนทนาที่ว่านี้เรียกได้ว่าเป็นการเปลือยความคิดและตัวตนของบิ๊กป้อมได้ชัดเจน กล่าวคือ เป็นการทำงานการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของพรรคพลังประชารัฐเป็นสำคัญ และมุ่งเน้นการใช้ระบบอำนาจนิยมแบบเดิมที่ตัวเองเคยชินมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนายทหารระดับผู้บัญชาการที่ชอบให้มีคนมาก้มหัวน้อมรับการใช้อำนาจนิยมอย่างที่เห็น
คาแรกเตอร์ของพล.อ.ประวิตร ก็ได้สะท้อนให้เห็นผ่านการบริหารจัดการของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอย่างที่ทุกคนเห็นเวลานี้ว่าพรรคพลังประชารัฐแทบไม่เหลือคราบของพรรคการเมืองที่เคยเน้นความสมัยใหม่ที่มีส่วนผสมระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าที่สามารถทำงานกันได้ลงตัว
แต่ทุกวันนี้เหลือแต่เพียงนักการเมืองแถวสองที่แทบไม่เหลือราคาทางการเมืองล้อมหน้าล้อมหลังบิ๊กป้อมทุกวันนี้
จึงไม่แปลกที่เวลานี้เริ่มมีความเคลื่อนไหวออกมาว่าบรรดาบ้านใหญ่ ซึ่งเป็นขุมกำลังที่เหลือของพรรคประชารัฐเตรียมโบกมือลาเพื่อไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นๆ เพราะมองว่าอยู่ต่อไปกันแบบนี้มีแต่จะจมน้ำตายไปพร้อมกันทั้งพรรค การกระโดดเรือหนีตายตอนนี้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ด้วยสภาพที่เหลือเศษซากเช่นนี้ อีกไม่นานพรรคพลังประชารัฐภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร อาจเหลือแค่ชื่อเท่านั้น เพราะไม่อาจปรับตัวให้เข้ากับบริบทสังคมและการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงได้
การเมืองที่ใช้แต่พระเดชแบบพล.อ.ประวิตร ไม่อาจใช้ได้ผลอีกแล้ว เครือข่ายและเส้นสายทางการเมืองที่โยงใยสลับซับซ้อนอยู่เบื้องหลังนั้นไม่มีความหมายอีกต่อไป โดยเฉพาะการล่มสลายหายไปของส.ว.ลากตั้งชุดก่อนหน้านี้ ประกอบกับองค์กรอิสระที่อยู่ในช่วงผลัดใบครั้งสำคัญ ที่คนในคาถาบิ๊กป้อมหลายคนต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องหมดวาระตามกฎหมาย ยิ่งเป็นการตอกย้ำวาระสุดท้ายในทางการเมืองของลุงป้อมได้มาถึงแล้ว
อดีตนายทหารใหญ่ในวัยแตะหลัก 80 ปี เหลือทางเลือกอีกไม่มากระหว่างจะลงจากเสืออย่างนิ่มนวลหรือตกลงแบบหลังกระแทกพื้นเท่านั้นเอง เพราะดวงอาทิตย์ไม่มีทางขึ้นที่พรรคพลังประชารัฐอีกต่อไปแล้ว หากยังมีบิ๊กป้อมเป็นผู้นำพรรคต่อไป
--------------------------------
**หมายเหตุ
แอป Sondhi App ดาวโหลดได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
**ขอแนะนำ ThaiTimes โซเชียลมีเดียของคนไทย
ไม่ปิดกั้นเนื้อหา - แชร์รูปภาพและวิดีโอ - ติดตามข่าวสารล่าสุด ได้อย่างอิสระ
มีให้ Download ได้แล้วทั้งในระบบ iOS และใน Android
iOS :https://apps.apple.com/th/app/thaitimes-social/id6502225132
Android :https://play.google.com/store/apps/details...
และhttps://thaitimes.co