งานปาร์ตี้ / อีเวนต์ของคุณจะไม่ยุ่งยากและน่าเบื่ออีกต่อไป ไม่ว่างานจะมีขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่แค่ไหน ทีมนี้ก็สามารถทำให้ได้ ที่สำคัญมีธีมให้เลือกกว่า 100 ธีม ไม่ว่าคุณต้องการจะจัดงานในธีมอะไรก็ย่อมทำได้
เรากำลังพูดถึง The Party Setter ที่นำทีมโดย หนูดี-นุดี กีรติยะอังกูร (Operations Director), นุชชี่ - รัตนนันท์ กิติวัฒน์ (Design Director), แต้จิ๋ว-จุฑาภัทร บันไดเพชร (Marketing Director) ทีมนักตกแต่งปาร์ตี้หรืองานอีเวนต์มืออาชีพ ที่จะเนรมิตงานสำคัญของคุณให้ออกมาสวยงาม ตรงปก ตรงใจ ตรงงบ ตรงเวลา พร้อมนวัตกรรม RTD (Ready to Decorate) Props System พร็อพพร้อมจัด อ่านคู่มือแล้ววางตามแบบได้เลย
กว่าจะมาเป็น The Party Setter
ผู้เชี่ยวชาญด้านการตกแต่งงานอีเวนต์
The Party Setter ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2017 จากการร่วมมือกันของ หนูดี-นุดี กีรติยะอังกูร (Operations Director), นุชชี่-รัตนนันท์ กิติวัฒน์ (Design Director), แต้จิ๋ว-จุฑาภัทร บันไดเพชร (Marketing Director) ที่ช่วยกันปั้นแบรนด์ขึ้นมา
หนูดี-นุดี ผู้ร่วมก่อตั้ง The Party Setter เล่าถึงที่มาขององค์กรให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำธุรกิจร้านอาหารไทยฟิวชั่น ชื่อว่า ifitis (อีฟอิทอีส - ร้านอาหารที่มี Interior Design สไตล์อาร์ท) ตั้งอยู่บนถนนทองหล่อมาก่อน ส่วนไอเดียการทำธุรกิจตกแต่งงานอีเวนต์ก็มาจากการได้เห็นกลุ่มลูกค้าที่มาเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษต่าง ๆ จึงได้เริ่มสอบถามความคิดเห็นของลูกค้า ซึ่งผลตอบรับก็ออกมาดี
“จุดเริ่มต้นก่อนจะมาเป็น The Party Setter นุดีและนุชเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ทำธุรกิจร้านอาหารด้วยกัน หลังจากนั้นก็ได้มาเจอกับแต้จิ๋ว”
“จากการทำร้านอาหาร ทำให้เราได้เห็นว่านอกจากกลุ่มลูกค้าที่มารับประทานอาหารแล้ว ยังมีกลุ่มลูกค้ามาเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษต่าง ๆ ด้วย ตรงนี้เราจึงมาคิดร่วมกันว่า เรามีความสามารถในการดีไซน์ตกแต่งอยู่แล้ว ทำไมไม่ลองเพิ่มมูลค่าโดยตกแต่งโต๊ะอาหารให้ตรงตามธีมให้กับลูกค้า พอเกิดไอเดียปุ๊บ ก็ลงมือทำทันที สอบถามไปยังลูกค้าเลยว่า ถ้าคุณลูกค้าสั่งอาหารถึง 1,000 บาท ต่อท่าน ทางเรามีบริการตกแต่งโต๊ะตามธีมให้ สนใจไหม”
“เราเริ่มจากบนโต๊ะอาหารในร้านของเราก่อน แล้วจึงขยายมาเป็นซุ้มบ้าง แบคดรอปบ้าง ทำมาจนสะสมพร็อพ สะสมของมาเรื่อย ๆ กระแสตอบรับจากที่เริ่มทำคือลูกค้าพึงพอใจมาก จากเดิมที่เขาแต่งตัวจัดเต็มมา ต้องเคอะเขินพอเดินเข้าร้าน แต่พอเราตกแต่งโต๊ะอาหารให้ตรงกับธีม (Theme) ของเขาแล้ว เขาแฮปปี้มาก เขารู้สึกว่าตัวเองพิเศษ สำหรับที่นั้น ๆ เขาขอบคุณเราที่ทำให้ช่วงเวลาของเขาน่าจดจำ จากตรงนี้ทำให้ร้านเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ ลูกค้าสนใจเข้ามาจัดงาน มีตั้งแต่งานขนาดเล็กไปจนถึงงานขนาดใหญ่ ตอนนั้นการจัดตกแต่งปาร์ตี้ก็ได้เป็นบริการเสริมทั้งในร้าน IfItIs และนอกสถานที่ เช่น ที่บ้าน โรงแรม ร้านอาหารอื่น ๆ มาโดยตลอด จากตรงนี้เองจึงทำให้เราได้มองเห็นโอกาสที่จะสร้างธุรกิจใหม่”
“ปัจจุบันร้าน IfItIs ได้ปิดตัวลงแล้ว และเราก็ได้หันมาทำธุรกิจชื่อว่า The Party Setter อย่างเต็มตัว กระทั่งธุรกิจขยายตัวขึ้นเรื่อยมา จนถึงวันนี้ผ่านประสบการณ์งานปาร์ตี้ งานอีเวนต์มาแล้วกว่า 1,000 งาน ทั่วประเทศ”
The Party Setter = Event Decorator
เมื่อถามถึงการทำงานของ The Party Setter นุชชี่ - รัตนนันท์ กล่าวว่าการทำงานจะต่างจากการเป็น event organizer ซึ่งให้ความสำคัญกับ 5 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ Art, Architecture, Practical, Consumer & Customer Insights และ Value for Money
“ความแตกต่างของ The Party Setter กับ event organizer จะอยู่ที่ event organizer จะให้บริการเรื่องการรันคิว ซึ่ง The Party Setter โฟกัสไปที่ Decorations และองค์ประกอบต่าง ๆ ของงานให้เข้ากับธีม โดยมีธีมให้เลือกกว่า 100 ธีม มีระบบไฟ แสง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบวงจร อีกทั้งเรายังเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้น รวมถึงวางแผนงบประมาณกับการออกแบบ ลูกค้าสามารถจัดตกแต่งได้ตามงบประมาณ โดย The Party Setter จะแนะนำตัวเลือกในการจัดงานให้ทุกครั้ง ทั้งในเรื่องของดีไซน์ และรูปแบบของการจัดงาน โดยจะมีการให้บริการ 3 รูปแบบ ได้แก่
1. Full Team Operation ทีมงานชุดใหญ่ ไปจัดตกแต่งงานให้คุณถึงที่อย่างครบวงจร เหมาะกับงานที่มีการออกแบบใหม่เฉพาะสถานที่นั้น ๆ งานที่มีรายละเอียด งานที่มีงบประมาณสูง เป็นงานที่มีความยากในการติดตั้ง ต้องมีการปรับหน้างาน
2. Junior Setter ทีมงานที่จะไปจัดงานให้คุณตามแบบและแผนผังที่กำหนดไว้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้ เหมาะกับงานที่ใช้อุปกรณ์ตกแต่งหรือธีมเดิมที่มีอยู่แล้วงานที่มีงบประมาณระดับกลาง
3. Self – Installation ลูกค้าสามารถเช่าของตกแต่งที่ออกแบบไว้ ลูกค้าเพียงจัดวางพร็อพต่างๆตามคู่มือ (Manual - แผนผังการจัดวางที่ดีไซเนอร์ของ The Party Setter ได้ออกแบบไว้) สามารถวางของตกแต่งตามรูปที่แสดงในแมนนวลได้ด้วยตนเอง พร้อมกับมีทีมงานออนไลน์ซัพพอร์ตและให้คำปรึกษาที่ต้องการ เหมาะกับงานที่มีงบประมาณจำกัด
แต้จิ๋ว-จุฑาภัทร หนึ่งในผู้ร่วมปั้นแบรนด์ ได้กล่าวให้เห็นภาพการทำงานโดยรวมของ The Party Setter ว่า The Party Setter ไม่ใช่การจัดอีเวนต์ เพราะการจัดอีเวนต์เป็นหน้าที่ของออแกไนซ์เซอร์ แต่ The Party Setter เป็น Theme Decorator หรือ Event Decorator “เราคือนักตกแต่งงานอีเวนต์ทุกรูปแบบโดยใช้ธีม (Theme) ต่าง ๆ เป็นแก่นหลักในการบอกเล่าเรื่องราว ผ่านนวัตกรรม “RTD Props System” (Ready to Decorate Props System) ให้ทุกคนและทุกธุรกิจสามารถตกแต่งงานสำคัญได้ในมาตรฐานงานอาร์ตอย่างรวดเร็วในราคาที่ถูกลง”
“เรามีนวัตกรรม RTD Props System” (Ready to Decorate Props System) กว่า 100 ธีมให้เลือก ที่สามารถนำออกไปจัดวางตามแมนนวลได้เลย ไม่ว่าใครก็สามารถวางพร็อพตามตำแหน่งในแผนผังได้ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกธีมที่มีอยู่ได้ ไม่จำเป็นต้องวางแผนงานล่วงหน้าเป็นระยะเวลานาน หากเป็นงานเล็ก ก็สามารถใช้ “DIY mini theme” สามารถเช่านำไปจัดเองที่บ้านหรืองานได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายในราคาที่สูง”
“ที่สำคัญเราให้ความสำคัญกับคำว่าเวลา เพราะความต้องการของลูกค้าต้องการความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เรามีธีมให้เลือกได้เลยในเว็บไซต์ มีแบ่งหมวดหมู่ว่าเหมาะกับงานแบบไหน มีภาพไฟล์ PNG ภาพไฟล์ไดคัทให้ มีใบเสนอราคาที่รวดเร็วทันใจ เพื่อน ๆ ออแกไนเซอร์สามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปคุยกับลูกค้าได้ทันที ทำให้เขาทำงานได้เร็วขึ้น เรามีทีมงานคนที่เป็นเครือข่าย กลุ่มคนที่สามารถจะยื่นมือเข้ามาช่วยให้งานสำเร็จได้ รวมถึงตัวผลิตภัณฑ์ที่มีความง่ายในการติดตั้ง สามารถทำตามแมนนวลได้ง่าย ซึ่งงานจะออกมาเหมือนกับดีไซเนอร์ออกแบบให้เลย ถือเป็นการร่นระยะเวลาให้กับลูกค้า” นุดี กล่าวเสริม
ปัจจุบัน The Party Setter ได้มีโอกาสรับจัดงานให้ลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมามากกว่า 1,000 งาน และเป็นทีมงานเบื้องหลังให้กับงานที่จัดโดย event organizer ใหญ่ ๆ มาแล้วกว่า 100 งาน สามารถจัดงานได้ทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก เริ่มต้นที่ 5,500 บาท หรืองานใหญ่ไซส์ Exhibition ทำได้ตั้งแต่งานปาร์ตี้ส่วนตัว งานวันเกิด งานเซอร์ไพรส์ให้บุคคล งานสัมมนา งานจัดเลี้ยงบริษัท งานอีเวนต์ งานแต่งงาน งานเปิดตัวสินค้า เปลี่ยนลุคร้านอาหาร จัดงานเทศกาล เป็นต้น
โดยจุดเด่นของแบรนด์ คือ มีธีมให้เลือกกว่า 100 ธีม ซึ่งในแต่ละธีมจะมีสตอรี่ภายในเรื่องราวนั้นมากมาย มีพร็อพในคลังมากกว่า 10,000 ชิ้น มีของพร้อมใช้ เรียกได้ว่า มีงานพรุ่งนี้จัดได้เลย เนื่องจากมีการจัดทำสต็อก และ database อย่างเป็นระบบ ถือได้ว่า The Party Setter เป็นนักตกแต่งงานอีเวนต์ที่เป็น Theme Expert ของวงการ ที่สามารถใช้การดีไซน์บอกเล่าเรื่องราวสตอรี่ของธีมนั้น ๆ ได้อย่างครบถ้วน ทั้งนี้จุดมุ่งหมาย คือ การสร้างโมเมนต์ที่ดีและน่าจดจำให้กับผู้คน โดยใช้การตกแต่งแบบมีธีมอย่างมืออาชีพ เป็นสื่อกลางนั่นเอง
ต่อยอดเป็นแบรนด์ “THEMEChitect”
สร้างผลงานสู่ลูกค้ากลุ่ม B2B
จากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาหลายปี ในปี 2024 ทางบริษัทจึงได้แตกไลน์แบรนด์ใหม่ “THEMEChitect” เพื่อรองรับลูกค้าในสเกลที่ใหญ่ขึ้น มีส่วนเกี่ยวข้องที่ต้องทำโครงสร้าง เป็นทางการมากขึ้น โดยเน้นกลุ่มลูกค้า B2B (Business-to-Business) เช่น event organizer, องค์กรใหญ่ ทั้งที่เป็นราชการและภาคเอกชน ที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทจำกัด ไปจนถึง SMEs ที่เป็นเจ้าของธุรกิจ เช่น ธุรกิจร้านอาหาร บริษัทผู้ผลิตสินค้า บริษัทประกันชีวิต โชว์รูมรถ โรงพยาบาล โรงแรม บริษัทต่าง ๆ เป็นต้น
แต้จิ๋ว-จุฑาภัทร ในฐานะนักวางแผนกลยุทธการตลาด กล่าวถึงการสร้างแบรนด์ใหม่ “THEMEChitect” ว่า บทบาทใน THEMEchitect คือ กำหนด Brand Positioning ผ่าน Customer Insights ในเรื่องของกลุ่มลูกค้า B2B ที่ความแม่นยำแบบพลาดไม่ได้ และ ทุกงานอีเวนต์ เป็นเวทีที่บอกตัวตนและเป็นสิ่งที่คนจะจดจำเกี่ยวกับตัวผู้จัด เพราะทุกงานคือการลงทุนที่ส่งผลต่อธุรกิจ หรือมีผลต่อหน้าที่การงาน มีภาพลักษณ์เป็นเดิมพันกับความสำเร็จ เราจึงเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านคติที่ว่า Your Best Event, Your Best Moment ที่เน้นความเที่ยงตรง เช่น ตรงงบ ตรงโจทย์ ตรงเวลา ที่สำคัญตรงใจ
“THEMEChitect จะมีส่วนช่วยให้ลูกค้า B2B สามารถทำงานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ในที่นี้คือ ลูกค้าสามารถรับผิดชอบส่วนที่ตัวเองถนัด โดยมีเราเป็นผู้ดูแลเรื่องความคิดสร้างสรรค์ การตกแต่งต่าง ๆ ให้ ยกตัวอย่างเช่น ร้านอาหารที่ต้องการรีโนเวททุก ๆ ซีซั่น เขาสามารถใช้บริการของเรา เพื่อนำไปเปลี่ยนธีมร้านอาหารให้ตรงกับเทศกาลนั้น ๆ หรือเปลี่ยนลุคร้านอาหาร เพื่อลดต้นทุนในการรีโนเวทลงได้”
เลือกใช้เทคนิค Upcycling ในองค์กร
จากความเชื่อที่ว่า ของทุกชิ้นตราบใดที่ยังมีหน้าที่บนโลกใบนี้ จะยังไม่ถูกเรียกว่าขยะ
นอกจากนี้แล้ว The Party Setter ยังเลือกใช้เทคนิค Upcycling เพื่อช่วยสร้างการหมุนเวียนของพร็อพทุกชิ้น
หนูดี-นุดี เล่าถึงการ Upcycling ว่ามาจากความเชื่อลึก ๆ ว่าของทุกชิ้นตราบใดที่ยังมีหน้าที่บนโลกนี้ จะไม่ถูกเรียกว่าขยะ โดยส่วนตัวเธอเป็นคนชอบแยกขยะเป็นทุนเดิม ทำมาต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว และจากแนวคิดนี้จึงทำให้องค์กรจะพยายามไม่สร้างขยะ จึงเป็นที่มาที่เน้นให้เช่าพร็อพ และสร้างระบบสต๊อกหมุนเวียน โดยพร็อพและอุปกรณ์ตกแต่งต่าง ๆ แต่ละชิ้นสามารถทำหน้าที่ได้หลายบทบาท ได้รับการรักษาดูแลให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา สามารถไปอยู่ในงานได้หลายธีม สามารถนำไปจัดในสถานที่ต่าง ๆ ได้โดยไม่มีข้อจำกัด และนำมากลายเป็นธีมใหม่ได้อย่างไม่สิ้นสุด อีกทั้งยังสามารถนำมาพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสีสันและรูปแบบได้ไม่จำกัด
“เราจะใช้การดีไซน์มาแก้ปัญหา นอกจากนี้เรายังนำของเหลือใช้ในวงการของ event organizer เจ้าต่าง ๆ มาดัดแปลงเป็นของตกแต่งชิ้นใหม่ ๆ ได้ เช่น พรมแดงสามารถนำมาทำเป็นกุหลาบ Red Velvet ได้ เป็นต้น”
นุชชี่ - รัตนนันท์ กล่าวเสริมเพิ่มเติมถึงการใช้เทคนิค Upcycling ในองค์กรว่า The Party Setter มีจุดมุ่งหมายที่ยึดมั่นว่าต้องการ “Upcycling” ของทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ จะไม่เหลือเป็นเศษขยะ ไม่ใช้แล้วทิ้ง ใช้แล้วต้องนำหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ของที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่จะเกิดจากการดัดแปลงจากของเหลือใช้ต่าง ๆ เพื่อเป็นการ “Upcycling” และ “Recycle” อย่างยั่งยืน
“เรามองว่าเราสามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมวงการออแกไนเซอร์ได้ เราเห็นสิ่งของที่ถูกทิ้งเป็นประจำ ซึ่งออแกไนเซอร์ก็จำใจต้องทิ้งเพราะถ้าเขาเก็บทุกงาน เขาก็ไม่มีพื้นที่เก็บเหมือนกัน คือเราเห็นจุดบอดตรงนี้ เราจึงมองว่าจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถเปลี่ยนแปลงหลังบ้านของเราได้ ซึ่งอนาคตน่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในวงการนี้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเราจะเก็บขยะมาทำพร็อพทุกชิ้น แต่การจะหยิบจับอะไรมาดัดแปลงนั้นต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ผ่านการทำให้ดูสวยงามมาแล้ว เราต้องทำของทุกชิ้นให้สะอาดและดูใหม่ตลอดเวลา เช่น พรมเก่าที่นำมาทำดอกไม้ เราจะต้องเคลือบเรซิน มีการทำให้ดอกไม้แข็งแรงทนทาน สวยงาม เป็นต้น คือการ “Upcycling” ของเราต้องมีมาตรฐาน ของทุกชิ้นต้องดูดี ดูสวย ดูใหม่”
“เรามองภาพรวมของสังคมที่เปลี่ยนไป เราจึงพยายามพัฒนาองค์กรของเราให้ทันกับโลกที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน ธุรกิจของเราดูเหมือนจะไม่ยั่งยืน แต่เอาจริง ๆ ธีมที่เราเคยไปจัดมาเมื่อหลายปีก่อน อย่าง เจ้าหญิง เจ้าชาย ฮาวาย ฟลามิงโก้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเรามีหน้าที่นำมาทำให้ชัดขึ้น ทันยุคทันสมัยขึ้น เราจะเอาดีไซน์เข้ามาเปลี่ยนลูกเล่น เปลี่ยนการวาง เปลี่ยนตำแหน่ง เพื่อให้ลูกค้าจะไม่ได้ของเดิม ๆ ได้ธีมเดิม ๆ ซ้ำกับคนอื่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็จำเป็นต้องมีธีมใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งถ้าเอา 100 ธีมมาคูณกับพร็อพ 10,000 ชิ้นที่เรามี จะทำให้เกิดปาร์ตี้และงานต่าง ๆ ได้อีกมากมาย” แต้จิ๋วกล่าว
เมื่อถามถึงความท้าทายในการทำธุรกิจตกแต่งอีเวนต์ ผู้บริหารทั้ง 3 คนให้คำตอบกับเราอย่างพร้อมเพรียงกันว่า คือ การวางแผนระบบหลังบ้าน
“ความท้าทายคือ การแพลนนิ่งระบบหลังบ้าน เพราะบางครั้งมีงานเข้ามา 6 งานในวันเดียวกัน เราต้องจัดการกับคน เวลา สถานที่ ภายใต้ข้อจำกัด ส่วนความท้าทายหน้างานเกิดขึ้นได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ การติดตั้งหน้างาน เวลาที่มีจำกัดในการติดตั้ง ซึ่งเราต้องทำงานในข้อจำกัดที่มีให้ออกมาดีที่สุด เราต้องบริหารจัดการให้ได้”
“เรามองความประทับใจไม่ใช่แค่เรื่องสวยงาม แต่มันต้องราบรื่นทุกจุด ทุกขั้นตอน การทำงานมันเกิดข้อผิดพลาดขึ้นอยู่แล้ว แต่เราจะนำเสนอวิธีการแก้ไข ซึ่งการทำงานของเรา 80% คือ การเตรียมพร้อมหลังบ้าน ทั้งทีมงาน ทั้งการเตรียมของต่าง ๆ อีก 20% คือการทำตามแผนหน้างาน ซึ่งหน้างาน สถานที่ พื้นที่ ข้อจำกัดแต่ละสถานที่ก็แตกต่างกัน เราจึงมีหน้าที่ทำการบ้าน สอบถามลูกค้าก่อน เช่น เพดานฝ้าสูงเท่าไหร่ อยู่ชั้นไหน ลิฟท์กว้างยาวเท่าไหร่ ลมแรงไหม เป็นต้น เวลาจบทุกงาน เราจะบันทึกไว้ว่าแต่ละงานมีปัญหาอะไรบ้างเพื่อนำปัญหาเหล่านั้นมาพัฒนาทีมต่อไป”
ก้าวต่อไปของ The Party Setter และ THEMEchitect
นุชชี่เล่าว่า อนาคตจะเปิด Rental Space Cubic Unit เพื่อให้ Event Organizer หรือผู้ที่มีพร็อพต่าง ๆ มาเช่าพื้นที่ หมดปัญหาใช้แล้วทิ้ง ไม่มีที่เก็บ แถมยังทำเงินได้
“ถ้าเรายังทำแบบเดิม คือ จัดงานเสร็จแล้วทิ้ง มันสร้างขยะมหาศาลเลย Rental Space Cubic Unit คือ ใครที่มีของอยู่ที่บ้าน อาจจะไม่มีที่เก็บ พอเริ่มเยอะขึ้นก็ต้องไปเช่าพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่เพื่อเก็บของ แต่ของที่เก็บไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ ซึ่งถ้ามาเช่าพื้นที่เรา ไม่ว่าของจะมีขนาดใด ก็สามารถเช่าพื้นที่เป็นขนาดตาม Cubic ที่เล็กที่สุดสำหรับของชิ้นนั้นได้เลย ซึ่งเราจะมีการเอาของมาลงทะเบียนในระบบให้ เพื่อที่จะได้นำออกมาเช่าในธีมต่าง ๆ ตรงนี้จะทำให้การเก็บของของคุณเปลี่ยนไป เพราะไม่ใช่แค่คุณจะหยิบใช้งานได้ง่าย แต่หากเรานำของคุณไปใช้ คุณก็จะได้เงินด้วย ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีออแกไนเซอร์เข้ามาใช้บริการตรงนี้บ้างแล้ว”
“นอกจากนี้ ในอนาคตเรายังอยากขยายการทำงานไปทุกจังหวัด ทั่วทุกมุมของประเทศ รวมถึงต่างประเทศ เราจะพัฒนาให้พร็อพและอุปกรณ์ตกแต่งต่าง ๆ มีน้ำหนักเบา แยกเป็นชิ้นส่วนเล็กได้ ติดตั้งได้ง่าย ออกแบบเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บ การขนส่ง ทำให้จากเดิมธุรกิจออแกไนเซอร์ที่ขยายตัวไม่ได้เพราะเขาต้องขนคนไปทำงานที่นั่นที่นี่ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่าง ๆ มากมาย แต่การบริการของเราจะไม่เป็นแบบนั้น อย่าง Junior Setter เรามีทีมงาน มีคน ณ ที่นั้น ๆ เช่น มีงานหนึ่งจัดที่เขาใหญ่ เราก็ใช้คนที่อยู่ที่เขาใหญ่จัดให้ได้เลย หรือจะจัดงานที่จังหวัดอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ และได้มาตรฐานที่ดีเหมือนกัน”
“ที่สำคัญ The Party Setter และ THEMEchitect ยังมุ่งเป้าที่จะเป็น Hub ใหญ่ของวงการอีเวนต์ ซึ่งมองว่าธุรกิจของเราจะช่วยตอบโจทย์ความจำเป็นของกลุ่มคนที่ต้องการใช้การตกแต่งอีเวนต์ทุกรูปแบบ”
“สุดท้ายนี้ ถ้าถามว่าธุรกิจเราประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง เราตอบได้เต็มปากว่า หลังจากโควิดที่ผ่านมา เราเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างก้าวกระโดด เรามองการบริการของเราว่าไม่ใช่ตลาดเฉพาะกลุ่ม เพราะการตกแต่งสถานที่ การจัดงานอีเวนต์มีทุกที่ เกิดขึ้นได้ทุกวัน เราสามารถไปอยู่ได้ทุกที่ที่จำเป็นหรือต้องการการตกแต่ง ซึ่งถ้าคุณจะต้องจัดงานอะไรสักอย่าง ลองปรึกษาเราก่อนได้ เมื่อไหร่ที่ต้องใช้ก็อยากให้นึกถึงเรา เป้าหมายหลัก ๆ ของเรา คือ อยากให้คนรู้จัก เข้าใจ แล้วเห็นประโยชน์” แต้จิ๋ว กล่าวทิ้งท้าย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >>
เว็บไซต์ The Party Setter : https://thepartysetter.com/
เว็บไซต์ THEMEchitect : https://www.themechitect.com/