ถึงใครจะว่า “ลุงป้อม” หมดราคา หลังถูกเขี่ยออกไปเป็นฝ่ายค้านแบบสิ้นลาย แต่ความจริงวันนี้ยังมีคนแห่แหนรุมล้อม ยุให้สู้ต่อเพื่อคว้าเก้าอี้นายกฯ มาให้ได้ เพราะ “ลุงป้อม” ยังมีน้ำเลี้ยงคอยแจกจ่าย เป็นเสมือนบ่อเงินบ่อทองใกล้ปลดระวาง ที่คนรอบข้างต้องรีบเข้าไปกอบโกย
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึง
พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป้อม” เป็นหัวหน้าพรรค ต้องเปลี่ยนสถานะมาเป็นพรรคฝ่ายค้าน หลังถูกอัปเปหิออกจากการร่วมรัฐบาล
ตามรูปการณ์จึงคะเนกันว่า เมื่อถูกเขี่ยออกจากวงจรอำนาจ พรรคพลังประชารัฐ สายที่ยังอิงแอบ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร คงจะแตกกระสานซ่านเซ็น และนับถอยหลังไปสู่วันล่มสลายในที่สุด เหตุเพราะเจ้านายไม่สามารถไปถึงฝั่งฝัน “ครุฑตัวที่สอง” บินไปแล้ว หมดสิทธิ์นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
เป็นที่รู้กันดี ว่า “ลุงป้อม” ตั้งเป้าไว้สูงถึงการชนะเลือกตั้งปี 2566 เพื่อก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ จึงได้รวบรวมสมัครพรรคพวก ไพร่พลอุ่นหนาฝาคั่งไม่แพ้พรรคการเมืองอื่น จาก “พลังดูด” ในวันที่ “บิ๊กป้อม” เรืองอำนาจในรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ
ทว่า ผลลัพธ์ที่ออกมาต้องถือว่าล้มเหลว ไม่ใกล้เคียงกับ “เงินหลายพันกิโล” ที่สูญเสียไป เมื่อได้ เสียง ส.ส. เข้าสภาฯ แค่ 40 ชีวิต จำนวนนี้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อแค่คนเดียว ซึ่งก็คือตัว “พล.อ.ประวิตร” เอง
จนมีการพูดกันว่า ที่เบอร์ใหญ่หลายคนมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ก็เพราะหวังเข้าหา “ลุงป้อม” เพื่อหวังกอบโกยผลประโยชน์มากกว่าผลสำเร็จด้านการเมือง ส่งลุงป้อมไปเป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ เมื่อไปสำรวจตรวจสอบกลุ่ม-ก๊วนใน “ค่ายลุงป้อม” ก็ต้องบอกว่า ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะบรรดาขุนพลแถวหน้าที่ต่างก็มีดีกรีเป็นอดีตรัฐมนตรี-อดีต สส.หลายสมัย เป็นนักการเมืองเขี้ยวลากดินทั้งนั้น
ตั้งแต่“ก๊วนผู้กอง” นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่วันนี้มี ส.ส.ในสังกัดไม่ต่ำกว่า 20 ชีวิต ที่แสดงตัวสนับสนุน “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” รอเพียงวันที่ พรรคพลังประชารัฐ จะขับออกจากสมาชิกภาพ โดยขุนพลสำคัญของ “ก๊วนธรรมนัส” ก็มี เช่น นายอรรถกร ศิริลัทธยากร นายไผ่ ลิกค์ รวมไปถึง “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่เพิ่งแยกตัวไปเป็นหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ที่เปลี่ยนชื่อมาจากพรรคเศรษฐกิจไทย สังกัดเดิมของ ร.อ.ธรรมนัส
ในซีกการเมือง ก็ยังมี“ก๊วนเพชรบูรณ์”ของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข ที่เก้าอี้กำลังหลุดลอย เพราะเหยียบเรือสองแคม
“ก๊วนกำแพงเพชร”ของ นายวราเทพ รัตนากร ที่ระยะหลังเสียงเบาลง ด้วย ไผ่ ลิกค์ และเพชรภูมิ อาภรรัตน์ แยกตัวออกไปอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส
“ก๊วนสระแก้ว” ของ นางตรีนุช เทียนทอง ที่วันนี้ยังยืนหยัดอยู่เคียงข้าง พล.อ.ประวิตร แม้เครือญาติจะเป็นใหญ่ในพรรคเพื่อไทยก็ตาม
“ก๊วนสิงห์บุรี”ของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ที่มีข้อจำกัดความเป็นจังหวัดเล็กมี ส.ส.คนเดียว จึงไม่เติบโตเท่าที่ควร
“ก๊วนปักษ์ใต้” ที่นำโดย นายทวี สุระบาล ส.ส.ตรัง ที่ยังยืนหยัดอยู่ที่บ้านป่ารอยต่อ อย่างเหนียวแน่น
นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่ม-ก๊วน ที่ไม่มีเสียง สส.ในมือ อย่าง“ก๊วนวิรัช รัตนเศรษฐ์” คนโตโคราช ที่ไม่ได้ ส.ส.มาแม้แต่คนเดียว แต่ก็ยังเป็นแหล่งรวบรวมจอมยุทธ์มืองาน เช่น นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักร้องคนดัง, นายไพบูลย์ นิติตะวัน มือกฎหมาย ที่ว่ากันว่าอยู่เบื้องหลังการเดินเกมพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของ พล.อ.ประวิตร
“ก๊วน กทม.”ของ “เสี่ยโต” นายอภิชัย เตชะอุบล ที่โลว์โปรไฟล์ไปพอสมควร หลังพังพาบไม่ได้ลุ้นทั้งสนาม สก. ในกทม. และหมาด ๆ กับสนาม ส.ส.
ยังมี“ก๊วนเด็กเกรียน”ที่นำโดย “จ๊อบ” สามารถ เจนชันจิตรวณิช ที่ระยะหลังดูขึ้นหม้อ จนเข้าไปเป่าหูแผนดูด ส.ส. เลี้ยงงูเห่า ให้ “ลุงป้อม” ฟังจนเคลิ้ม ควักกระเป๋าเปย์แหลก กลุ่มนี้เพิ่งมี “หนุ่ม” วัน อยู่บำรุง ทายาท ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาร่วม แล้วก็ยังมี นายสฤกษ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.พังงา พรรคภูมิใจไทย ร่วมด้วย
และ“ก๊วนนักคิด”นำโดย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี, นายอันวาร์ สาและ นายสัญญา สถิรบุตร ที่ว่ากันว่าเป็นเบื้องหลังในการเดินยุทธศาสตร์ทางการเมือง ในฐานะ “ทีมสื่อสารความคิดการเมือง” ผู้รังสรรค์จดหมายน้อยเปิดใจของ พล.อ.ประวิตร เมื่อช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
และแน่นอนที่ขาดไม่ได้กับ“ก๊วนท๊อปบูต”ที่อยู่ข้างกาย “นายป้อม” มาตลอด นำโดย
พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ
เบื้องหลัง 3 ป. คือ 4 ม. (มาดาม)
นอกเหนือบรรดาชายอกสามศอกแล้ว“ทีมงานป่ารอยต่อ”ก็ยังมี “สตรี“ เป็นแบ็กอัพเบื้องหลัง คอยเดินงานสื่อสารประขาสัมพันธ์ ประสานงานผู้สื่อข่าวอีกถึงอย่างน้อย 4 ทีม นำโดย“4 มาดาม”ได้แก่
1.“ทิพย์” พ.ท.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข ผู้ประกาศข่าว และพิธีกรรายการ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ที่ดูแล “ลุงป้อม” มานาน
2.คนถัดมาก็เป็น “ลูกเก๋“ พ.ต.อ.หญิง พัชรา วงษ์สุวรรณ ลูกสาวคนโตของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 โดยเคยมีข่าวว่า เป็นผู้จัดแจงงบประมาณด้านพีอาร์ของพรรค รวมทั้งยังมีส่วนในการคัดตัวผู้สมัคร ส.ส. ในบางพื้นที่ด้วย
3.“บัดดี้” ศุทธดา เนติภานนท์ อดีตผู้สื่อข่าวช่องดัง คนสนิทของ “โอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ แกนนำพรรค ที่มีบทบาทด้านการสื่อสารของพรรค
4."น้ำผึ้ง" ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ อดีตผู้สมัคร สส.นครพนม ที่เข้านอกออกในบ้านป่ารอยต่อฯ และเป็นทีมงานประชาสัมพันธ์ของ พล.อ.พัชรวาท ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“4 ม.หรือ4 มาดามรวมไปถึงกลุ่มก๊วนทางการเมืองที่ผมว่าไปทั้งหมดวันนี้ยกเว้น “กลุ่มของผู้กองธรรมนัส” ก็ยังเบียดเสียดรุมล้อมอยู่ข้างกาย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร อยู่ แม้พรรคพลังประชารัฐ เพิ่งจะถูกกันออกจากวงจรอำนาจ ด้วยการที่ทักษิณดีดออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และริบตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งหมด
ทว่า “บ้านป่ารอยต่อ” ณ วันนี้กลับดูจะอุ่นหนาฝาคั่งมากขึ้นด้วยซ้ำ คนเก่า ๆ ที่หายไปนานอย่าง วิรัช รัตนเศรษฐ จู่ๆ ก็โผล่กลับมาร่วมประชุมพรรค แล้วยังมีหน้าใหม่ ๆ เข้ามาอีก
ตามข่าวของวงในบอกว่า ในวงสนทนาที่บ้านป่ารอยต่อยังคงหลายเสียงที่ป้อยอ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร ว่า ยังไม่หมดหวังจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และยุให้ต้องยืนหยัดสู้ต่อ โดยตั้งทีมจ้องจับผิดหาช่องสอย “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” ได้แน่ ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อโอกาสมาถึง รวมทั้งการเลี้ยง “งูเห่า” เตรียมดูดมาใช้ในการโหวตนายกฯด้วย
สำคัญที่แผนการทั้งหลายทั้งปวงล้วนแต่ต้องมี “น้ำเลี้ยง” ขับเคลื่อน กลายเป็นเหตุให้เกิดปรากฎการณ์ ลิ่วล้อใหม่-เก่าแห่แหนมารุมล้อม “ลุงป้อม“ ที่ขึ้นชื่อเรื่องสายเปย์มากเป็นพิเศษ
เพราะขณะที่คนนอกมองว่า ”เจ้าสำนักป่ารอยต่อ” หมดราคาแล้ว แต่คนในกลับมองเป็น “บ่อเงินบ่อทอง” ที่ใกล้ปลดระวาง ที่ต้องรีบแห่ไปรุมทึ้งกอบโกยกันเที่ยวสุดท้าย !