จากกรณีหญิงสาวรายหนึ่งโพสต์ภาพถุงกระดาษใส่ขนมเบื้องที่มาจากงานวัด พบว่าถุงกระดาษดังกล่าวเป็นข้อมูลประวัติเลขประจำตัวและข้อมูลการจ่ายยา ทำให้ชาวเน็ตที่พบเห็นต่างเข้ามาคอมเมนต์ เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบว่า ที่มาการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าข่ายผิดกฎหมาย PDPA หรือไม่
ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล PDPC Eagle Eye ได้ทำการตรวจสอบเอกสารข้อมูลประวัติเลขประจำตัวและข้อมูลการจ่ายยาที่รั่วไหลจนกลายเป็นถุงกระดาษใส่ขนมปรากฎอยู่ในงานวัดตามที่เป็นข่าวโดยด่วน และได้ประสานให้หน่วยงานที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีดังกล่าวเร่งระงับและแก้ไขเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลโดยทันที พร้อมให้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยกระบวนการสอบสวนค้นหาข้อเท็จจริงจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน หากตรวจสอบพบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ตามมาตรฐานขั้นต่ำที่กฎหมาย PDPA กำหนด หรือ มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA สำนักงานจะนำเรื่องให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญพิจารณามาตรการหรือบทลงโทษตามกระบวนการทางปกครองต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC จะเร่งเดินหน้าสร้างความตระหนักรู้เรื่องความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล ประสานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจถึงความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการนำไปใช้ และการทำลายข้อมูล เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของกฎหมาย PDPA สำหรับบุคคลใดที่พบเห็นกรณีข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล ให้งดเว้นการนำข้อมูลเหล่านั้นไปโพสต์หรือแชร์ต่อ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทที่เกี่ยวข้อง และอาจเป็นการทำให้ข้อมูลตกไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพได้ต่อไป
หากพบเห็นข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล ผู้ถูกละเมิดสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือสามารถขอคำปรึกษาหรือยื่นเรื่องร้องเรียนมาได้ที่ ศูนย์ให้คำปรึกษาและรับเรื่องร้องเรียน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป