วันที่ 22 สิงหาคม 2567 เวลา 11.00 น. นางสาว น.รินี เรืองหนู นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นำคณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน เพื่อแนะนำตัว และหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างสมาคมฯ กับกระทรวงแรงงาน ในการเพิ่มทักษะอาชีพให้สื่อมวลชน
โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นายสมพจน์ กวางแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับและเข้าร่วมหารือ
นางสาว น.รินี เรืองหนู นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในนามสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารจากทุกหน่วยงานที่ให้การต้อนรับและเปิดโอกาสให้เข้าพบเพื่อหารือความร่วมมือกันในวันนี้ ปัจจุบันสมาคมเรามีสมาชิกกว่า 1,000 คน ทั้งที่ปฏิบัติงานอยู่และเกษียณอายุไปแล้ว การได้มาหารือกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในวันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่สมาคมและกระทรวงแรงงานจะเกิดความร่วมมืออย่างใกล้ชิด อันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายร่วมกันต่อไป
ด้าน นายพิพัฒน์ กล่าวว่า "ผมพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงานยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และคณะมาเยี่ยมเยียนถึงกระทรวงแรงงาน ทราบดีว่าปัจจุบันธุรกิจสื่อต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับการสื่อสารในปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนส่งผลให้มีการปรับการจ้างงาน
ในสื่อบางประเภท การหารือร่วมกันในวันนี้ ซึ่งกระทรวงแรงงานเรายินดีและทุกหน่วยงานก็มีความพร้อมที่จะดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่ทุกท่านในวงการสื่อสารมวลชนทุกรุ่นหากต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด
กระทรวงแรงงานขอบคุณที่ได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนทุกท่านมาโดยตลอดและมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างดี โดยสื่อมวลชนช่วยนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่อพี่น้องผู้ใช้แรงงานทั้งนโยบายจากกระทรวงและข้อเรียกร้องจากพี่น้องแรงงานและประชาชน ซึ่งหากมีเรื่องอะไรเรายินดีที่จะช่วยประสานงานให้ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 มาได้ตลอด"
ขณะเดียวกัน รมว.แรงงานแนะนำให้สื่อมวลชนได้มา Up skill / Re skill และสร้าง New skill โดยเฉพาะการอบรมอาชีพอิสระกับหลักสูตรที่สามารถนำไปเป็นอาชีพเสริมได้ ซึ่งในส่วนนี้ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ประสานกับสมาคมฯ เพื่อให้สมาชิกของสมาคมได้มีโอกาสเลือกหลักสูตรที่เราสนใจ เพื่อสมัครเข้ามาฝึกอบรมแล้วนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายในครัวเรือน รวมทั้งช่วยนำความรู้จากการฝึกอบรมอาชีพไปถ่ายทอดให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่