หมอยงเผยการเฝ้าระวัง "ฝีดาษวานร" ในประเทศไทย มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เผยวัคซีนจะมีความสำคัญในการป้องกัน โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางเช่นเด็ก ขณะนี้วัคซีนยังมีราคาแพงมากๆ
วันนี้ (17 ส.ค.) เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” หรือ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ระบุข้อความว่า “ฝีดาษวานร MPOX องค์การอนามัยโลกประกาศ เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศที่น่ากังวล เมื่อ 2 ปีที่แล้วองค์การอนามัยโลก เคยประกาศโรคฝีดาษวานร เป็นโรคที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขครั้งแรก ทำให้ทุกประเทศเฝ้าระวัง ตื่นตัว การระบาดครั้งนั้น มีการแพร่กระจายออกมานอกทวีปแอฟริกา ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย โดยเฉพาะในกลุ่มชายรักชาย ที่เป็นผู้ใหญ่ และการระบาดได้กระจายไปเกือบทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย สายพันธุ์ของการระบาด เป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่ม 2 (Clade 2) เช่นในประเทศไทยที่พบจะเป็น 2b ดังรูป และโรคไม่รุนแรง อัตราการเสียชีวิตน้อยมาก
ปีนี้ 2567 เกิดการระบาดใหญ่ ในทวีปแอฟริกา เช่น คองโก บุรุนดี เคนยา รวันดา มากกว่า 15,000 ราย และมีการเสียชีวิตมากถึงร้อยละ 3.4 (537 ราย จาก 15,600 ราย) มีการเสียชีวิตในเด็ก และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ตรวจไวรัสพบว่าเป็น กลุ่ม 1 Clade 1b ซึ่งแตกต่างกับการระบาดก่อนหน้านี้ในประเทศนอกแอฟริกา จึงทำให้เกิดความกังวลว่าโรคนี้จะระบาดออกไปทั่วโลก องค์การอนามัยโลก จึงประกาศโรคฝีดาษวานร เป็นโรคที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ครั้งที่ 2 หลังจากที่คิดว่าโรคนี้ได้สงบลงแล้ว การติดต่อของโรคจะไม่เหมือนกับช่วงที่ผ่านมา ที่ระบาดนอกแอฟริกา และพบได้ทั้งเพศชายและหญิง มีความรุนแรงมากกว่า
ในคองโก 2 ใน 3 ของผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และในจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นเด็กมากกว่าร้อยละ 80 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มเสี่ยงจึงอยู่ในวัยเด็ก
การเฝ้าระวัง ตรวจสายพันธุ์ ฝีดาษวานร ในประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าเป็น Clade 1b หรือสายพันธุ์ที่มาจากแอฟริกา จะเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลและต้องเฝ้าระวังติดตามไม่ให้แพร่กระจายได้
ถ้ามีการพบสายพันธุ์ดังกล่าว (1b) วัคซีนจะมีความสำคัญในการป้องกัน โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางเช่นเด็ก ขณะนี้วัคซีนยังมีราคาแพงมากๆ การลดขนาดของวัคซีนเช่นการให้ในผิวหนัง อาจจะต้องมีการศึกษาอย่างเร่งด่วน”
คลิกอ่านโพสต์ต้นฉบับ