เตรียมพบละครเวทีร่วมสมัย “ลำนำชีวิต (BALLAD OF LIFE)” เฉลิมฉลองเนื่องในวาระ 150 ปี ชาตกาล เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี 22-24 ส.ค.นี้
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นทีทิพย์ กฤษณามระ ในนามของมูลนิธิเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เปิดเผยว่า ในโอกาสเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในวาระ 150 ปี ชาตกาล เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี มูลนิธิเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีจึงจัดละครเวที เรื่อง “ลำนำชีวิต” (Ballad of Life) ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องเล่าของทายาทรุ่นหลาน รวมถึงบทประพันธ์และแนวคิดของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ผ่านมุมมองและการตีความของนิกร แซ่ตั้ง ศิลปินศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดงปีพ.ศ. 2553 จากคณะละคร 8x8 (Theatre8x8) ซึ่งเป็นผู้กำกับละครเวที เขียนบท และนักแสดง ที่มีผลงานการกำกับละครเวทีมาแล้วมากมาย อาทิ ไร้พำนัก (Where should I lay my soul?), ใจยักษ์ Gi(ant), Mouth (เมาท์), พระเจ้าเซ็ง, สามสาวทราม ทราม, กรุงเทพน่ารักน่าชัง, ทารกจกเปรต ฯลฯ การแสดงจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคมนี้ ที่ ศูนย์ศิลปการละครสดใส พันธุมโกมล ชั้น ๖ อาคารมหาจักรีสิรินธร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับ ลำนำชีวิต (Ballad of Life) เป็นละครเวทีร่วมสมัย กำกับและเขียนบทโดยนิกร แซ่ตั้ง ซึ่งในการแสดงนี้ คุณนิกรได้มาพร้อมกับทีมงาน นักแสดง ทั้งรุ่นใหญ่ และรุ่นใหม่ ที่มีชื่อเสียง ด้านคุณภาพ อาทิ ดวงใจ หิรัญศรี, สุชาวดี เพชรพนมพร, สุมณฑา สวนผลรัตน์, ตรึงตรา โฆษิตชัยมงคล, ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส, วิภู บุนนาค, ณัฐวุฒิ เมืองมูล และประพันธ์ดนตรีโดย สินนภา สารสาส
ลำนำชีวิต (Ballad of Life) ถูกถ่ายทอดในครั้งนี้ เป็นละครสั้น 3 ตอนต่อกัน ความยาว 60 นาที ละครชวนให้นึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากยุคเก่าสู่ยุคใหม่ กะเทาะเปลือกของความเป็นมนุษย์ ผ่านสถานการณ์ที่แตกต่างกัน โดยเนื้อหาของละครมิใช่เป็นการเล่าเรื่องราวชีวประวัติหรือผลงานของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีที่มีอยู่มากมายโดยตรง ไม่มีการระบุตัวบุคคลที่มีจริง แต่ศิลปินได้นำแนวคิดเนื้อหาจากผลงาน “ครูเทพ” และวิสัยทัศน์ของท่านมาเป็นตัวจุดประกายและสร้างสรรค์บทละครเรียงร้อยเนื้อหาของละครในครั้งนี้ ผู้ชมจะได้เห็นมุมมองของความคิดและสังคมในมิติต่าง ๆ ผ่านละครเวทีร่วมสมัยในรูปแบบละครพูดผสมการแสดงแบบภาษากาย (Physical Theatre)
สำหรับเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี หรือที่รู้จักกันในนามปากกา “ครูเทพ” มีชื่อจริงว่า สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยาเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2419 ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่บ้านหลังศาลเจ้าหัวเม็ด ตำบลสะพานหัน พระนคร (กรุงเทพมหานครในปัจจุบัน) เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนวัดบพิตรพิมุข โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบและโรงเรียนสุนันทาลัย ระหว่างปี พ.ศ. 2431- 2435 เมื่ออายุได้ 16 ปี เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ ท่านสามารถสอบประกาศนียบัตรครูรุ่นแรกของกระทรวงธรรมการได้อันดับที่1 และได้ปฏิบัติหน้าที่สอนในราชการของกระทรวงธรรมการ
ต่อมาใน พ.ศ. 2439 ครูเทพได้เป็นนักเรียนทุนหลวงกระทรวงธรรมการเดินทางไปศึกษาวิชาครูต่อที่โรงเรียนฝึกหัดครู วิทยาลัยเบอโรโรด (Borough Road College) ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2442ได้กลับเข้ารับราชการกระทรวงธรรมการ โดยเป็นครูสอนวิชาครู และคำนวณวิธีในโรงเรียนฝึกหัดครู และรับหน้าที่แต่งแบบเรียนประจำศาลาว่าการกรมศึกษาธิการ
ด้วยวิสัยทัศน์ด้านการศึกษาที่ทันสมัยและจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู ท่านได้มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานให้แก่ระบบการศึกษาไทย โดยในปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ เพื่อรับกระแสพระราชดำริเรื่องการวางแนวทางการจัดการศึกษาของชาติ อันนำมาสู่การจัดตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซึ่งต่อมาคือ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย พัฒนาระบบโรงเรียนข้าราชการพลเรือน อันเป็นต้นกำเนิดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นรากฐานของการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาของไทย ในปี พ.ศ. ๒๔๕๕ ท่านดำรงตำแหน่งปลัดทูลฉลอง กระทรวงธรรมการและได้รับบรรดาศักดิ์เป็น “พระยาธรรมศักดิ์มนตรี” และ “เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี” ในเวลาต่อมา
คุโณปการสำคัญของครูเทพ คือ การพัฒนาการศึกษาในทุกระดับ ตั้งแต่ขั้นปฐมวัย จนถึงอุดมศึกษา การสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา การ ให้ผู้หญิงได้มีโอกาสเรียนหนังสือ และที่สำคัญคือ การออกพระราชบัญญัติประถมศึกษาภาคบังคับ เพื่อให้การศึกษาเข้าไปอยู่ในรากฐานชีวิตของคนไทย การสร้างองค์ความรู้ในศาสตร์หลายแขนง การใช้จิตวิทยาพัฒนาการศึกษาปฐมวัย การแต่งตำราเรียน ประพันธ์งานร้อยกรองในรูปฉันทลักษณ์ต่าง ๆ รวมถึงบทละคร บทเพลง และข้อเขียนร้อยแก้ว ครูเทพมีชื่อเสียงในฐานะอรรถกวี เสนอแนวคิดผ่านบทกวี โดยผลงานชิ้นสำคัญ ปรากฏใน “หนังสือโคลงกลอนของครูเทพ” และ “ความเรียงต่าง ๆ ของครูเทพ”
นอกจากการศึกษาสายสามัญ ท่านยังเห็นความสำคัญยิ่งของการศึกษาสายวิชาชีพ โดยวางรากฐานสนับสนุนให้เกิดการศึกษาสายช่าง อันพัฒนาเป็นวิทยาลัยอาชีวะในปัจจุบัน และเป็นผู้วางรากฐานการศึกษาด้านเกษตรกรรม เพราะเล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ซึ่งสามารถนำพาสู่การพัฒนาเศรษฐกิจหลักได้ เกิดการวางรากฐานสู่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และขยายผลต่อเป็นมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และวิทยาลัยการเกษตร
การกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล ถือเป็นเรื่องที่ท่านมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและนำกีฬามาสู่ประเทศไทย เพื่อสร้างเสริมด้านพลานามัยและเรียนรู้การทำงานเป็นทีม มีน้ำใจนักกีฬา ถือเป็นการศึกษาผ่านการกีฬา
(Education through Sport) โดยส่งเสริมให้เล่นในโรงเรียน และจัดแข่งขันฟุตบอลระหว่างโรงเรียน การแต่งเพลงกราวกีฬา เพื่อให้เห็นคุณค่าของกีฬาต่อชีวต
ในปี พ.ศ.2475 ท่านดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกในระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ และท่านได้ดำรงตนในฐานะ “ครูเทพ” สร้างสรรค์ผลงานต่อเนื่องด้วยจิตวิญาณแห่งครู และเป็นครูสอนนักเรียนโรงเรียนสตรีจุลนาค สร้างตำราแบบฝึกหัดสอนอ่านเขียนบทประพันธ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา
หมายเหตุ รอบการแสดง
• วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 19.30 น.
• วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 19.30 น. (เวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนหลังการแสดง)
• วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2567 เวลา 14.00 น. (เวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนหลังการแสดง) และ 19.30 น. โดยทุกรอบการแสดงมีบทบรรยาย (Subtitle) ภาษาอังกฤษประกอบ
ราคาบัตร บุคคลทั่วไปราคา 500บาท และนักเรียน / นักศึกษาราคา 350 บาท
** หมายเหตุ : นักเรียน / นักศึกษาต้องแสดงบัตรนักศึกษาเพื่อรับบัตรเข้าชมก่อนเข้าโรงละคร ช่องทางการสำรองที่นั่ง
• ทางเว็บไซต์ https://www.ticketmelon.com/ballad-of-life/theatre8x8
•โทร 082-093-4650