สสว.ตั้งเป้าผลักดัน GDP ของ SME เพิ่มร้อยละ 40 ภายในปี 2570 มองโอกาสเจาะตลาด “จีนเที่ยวไทย” ช่วยขับเคลื่อน MSME เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าจับมือ “ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย” และ “เอวีโปรเจคท์” ร่วมพัฒนาแอปพลิเคชัน “เหวยไท่กว๋อ” เปิดประตูบานใหญ่ต้อนรับนักท่องเที่ยวแดนมังกร
กรุงเทพฯ (5 ส.ค. 2567) นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดแผยว่า การส่งเสริมให้ MSME ให้ได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษถือเป็นภารกิจสำคัญของ สสว.ในการขับเคลื่อนให้ MSME ได้เติบโตตามเป้าหมาย โดย สสว.ต้องการผลักดันสัดส่วน GDP ของ SME ให้เพิ่มเป็นร้อยละ 40 ภายในปี 2570 จากเป้าหมายปีนี้ (2567) ที่ตั้งเป้าการเติบโตไว้ร้อยละ 37
นอกจากนี้ สสว.ยังมุ่งตอบสนองนโยบายรัฐบาลภายใต้วิสัยทัศน์ “Thailand Vision IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) ซึ่ง สสว.พร้อมขับเคลื่อนเพื่อยกระดับ MSME ด้านการท่องเที่ยวและบริการให้มีโอกาสขยายการเติบโตด้วยการสร้างโอกาสใหม่ๆ โดยเฉพาะการดึงตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงได้ร่วมกับ บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท เอวีโปรเจคท์ จำกัด พร้อมด้วยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงพาณิชย์ พัฒนามินิแอปพลิเคชัน “เหวยไท่กว๋อ” หรือ Hello Thailand แพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวประเทศไทยเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจีน สามารถเข้าถึงร้านอาหาร โรงแรม แพ็คเกจทัวร์ 40 เมืองใหญ่และเมืองน่าเที่ยว ไปจนถึงบริการ Payment on Service และ Payment on Ground ที่จำเป็นและสามารถใช้บริการได้อย่างไร้รอยต่อ
“ที่ผ่านมา สสว.ทำงานร่วมกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การเอกชน ในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ทั่วประเทศให้เติบโตภายในประเทศ และด้วยวิสัยทัศน์จากการทำงานมากว่า 20 ปี เชื่อมั่นว่าการจับมือกับ ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย และเอวีโปรเจคท์ ครั้งนี้จะช่วยผลักดันผู้ประกอบการ MSME ให้มีพื้นที่เติบโตในตลาดต่างแดน สอดคล้องไปกับ พันธกิจของ สสว.ที่ต้องการส่งเสริม MSME ให้มีพื้นที่เติบโตทางธุรกิจ เราจึงลงพื้นที่เพื่อคัดสรรผู้ประกอบการกว่า 100,000 รายทั่วประเทศ ทั้งผู้ประกอบการร้านค้า บริการ สินค้า การท่องเที่ยว ให้มาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม ‘เหวยไท่กว๋อ’ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ MSME ได้ขยายตลาดไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย” นางสาวปณิตาระบุ
ขณะที่ นางสาวพรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จุดเด่นของ ‘เหวยไท่กว๋อ’ จะเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ครอบคลุม 66 เมืองใหญ่และเมืองน่าเที่ยว ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย กระบี่ สมุย กรุงเทพฯ และอุบลราชธานี ช่วยทลายกำแพงด้านภาษาเนื่องจากข้อมูลทั้งหมดจะเป็นภาษาจีน นักท่องเที่ยวจึงสามารถเข้าถึงร้านอาหารท้องถิ่น ซื้อสินค้าจากชุมชน ซื้อแพกเกจทัวร์ รวมไปถึงบริการ Payment on Service ที่จำเป็นสำหรับการท่องเที่ยวในเมืองไทยอย่างง่ายดาย โดยสามารถชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน WeChat Pay ได้สะดวกยิ่งขึ้น การใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง ถูกจังหวะและถูกเวลาจะช่วยให้ขับเคลื่อน SME ไทยก้าวสู่ตลาดจีนได้แบบก้าวกระโดด โดยได้ทุ่มงบกว่า 500 ล้านบาท เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มที่นักท่องเที่ยวจีนทุกคนต้องมี ตั้งเป้าว่าภายใน 1 ปีต้องมีสมาชิก 200 ล้านคน และมี Active User ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านคน
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยในปัจจุบัน พบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 80.6% เป็นกลุ่ม FIT (Free Independence Traveler) ที่นิยมการท่องเที่ยวแบบอิสระ มีเงินใช้จ่ายประมาณ 40,000-100,000 บาท โดยมีไลฟ์สไตล์การเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เน้นความหรูหรา มองหาสถานที่และกิจกรรมสำหรับคู่รัก ไปจนถึงการพักผ่อนเพื่อบำบัดกาย-ใจ และมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น กลายเป็นตัวแปรสำคัญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
สำหรับพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) “การส่งเสริมสิทธิประโยชน์ MSME เปิดโอกาสการเติบโตเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน” ระหว่าง สสว. กับ WeiTaiGuo จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือขององค์กรภาครัฐและองค์กรเอกชนทั้ง 5 ฝ่าย รวมถึงพันธมิตรจากประเทศจีน ประกอบด้วย WeChat Pay (วีแชตเพย์) Xiaohongshu (เสี่ยว หง ชู) และ TAOBAO & TMALL GROUP ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่จะมาร่วมมือกันในครั้งนี้ อีกทั้งยังถือโอกาสเฉลิมฉลองครบวาระความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกัยสาธารณรัฐประชาชนจีนครบ 50 ปีอีกด้วย