อดีตทูตฯ "นริศโรจน์ เฟื่องระบิล" ไม่เห็นด้วยชาวเน็ตไทยล่าแม่มดบริษัทอินโดไชน่าฯ รับหน้าที่ประสานงานภาพยนตร์โฆษณาให้แอปเปิล ชี้ ทำหน้าที่แค่คอยอำนวยความสะดวกให้กับกองถ่ายเท่านั้น คนที่กำหนดพล็อตเรื่องคือผู้กำกับที่ชื่อมอลลอย บริษัทประสานงานไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
วันนี้ (4 ส.ค.) จากกรณีที่ Apple บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจถอดโฆษณา The Underdogs : OOO ที่ถ่ายทำในประเทศไทยออกจากแพลตฟอร์มยูทูบ พร้อมออกแถลงการณ์ขออภัยที่โฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้นำเสนอวิถีชีวิตของประเทศไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้อย่างครบถ้วนและเหมาะสม หลังจากถูกวิจารณ์ทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ว่าโฆษณาดังกล่าวพยายามทำให้ย้อนยุคไปหลายสิบปีก่อน ทำภาพลักษณ์คนไทยดูแย่ในสายตาชาวโลก
นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ระบุว่า "ไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติการล่าแม่มด ตามไปด่าบริษัทอินโดไชน่า ที่รับหน้าที่ประสานงาน (coordinator) ให้กับหนัง Apple เลย บอกว่าเพราะ จนท.คนไทยของบริษัทเป็นสาม...เลยทำให้หนังออกมาแบบนี้ บ้าบอเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว !
ในฐานะที่ผมคุ้นเคยในวงการ บริษัทผู้ประสานงานเขาทำหน้าที่แค่คอยอำนวยความสะดวกในเรื่อง logistics / catering / location / เดินเอกสารที่จะติดต่อเรื่องต่างๆ เช่น work permit การเสียภาษี ฯลฯ
บริษัท หรือ จนท.สาม...หรือไม่... เขาไม่ได้เป็นคนกำหนดพล็อตเรื่องครับ !
คนที่กำหนดพล็อตเรื่องคือบริษัทผู้จ้าง / ผกก.หนัง !!!!
ผกก.หนังเรื่องนี้ชื่อ Mulloy เป็นคนออสเตรเลีย เป็นมือโปรระดับได้รางวัลที่คานส์มาแล้ว ถ้าจะล่าแม่มด ตามไปต่อว่าที่เพจของ Mulloy ครับ แต่ต้องพิมพ์ต่อว่าเป็นภาษาอังกฤษนะครับ เขาจะได้เข้าใจ อย่าพิมพ์ไทยแล้วใช้กูเกิ้ลแปลเป็นอังกฤษล่ะ !
บริษัทผู้ประสานเขามีพนักงานหลายสิบชีวิตที่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ เขาไม่รู้อะไรด้วย เขาทำตามหน้าที่ที่ได้รับการจ้างให้ทำตามที่บอกข้างต้น
เลิกหาแพะรับบาปกันเถอะครับ ! มันลามเลยเถิดมากไปแล้ว บาปกรรมจริงๆ"
ด้านผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ยิ่งศักดิ์ สุคนธทรัพย์" คอมเมนต์ว่า "เรื่องนี้มันเลยเถิดแบบไม่มีสติกันเลย เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่แบบไร้เหตุผลไร้ความเข้าใจ บางคนผมเห็นคอมเมนต์ว่าดูถูกประเทศไทยจากการที่เขาใช้ google แปลคำว่า underdog แล้วเข้าใจเอาเองว่าหมายถึงประเทศไทย แปลว่านอกจากไม่รู้ภาษาอังกฤษในหนังแล้วยังไม่ได้ดูหนังเองด้วย เพราะถ้าดูและฟังรู้เรื่องก็จะรู้ว่าหมายถึงทีมที่บินจากอเมริกาตรงมาหาผู้ผลิตในเมืองไทย เอาเฉพาะส่วนนี้ก็มีความนัยของบทหนังซ่อนอยู่แล้ว ประเทศที่เป็น supplier ระดับโลก แต่ถูกอารมณ์ร้ายที่แพร่เหมือนโรคระบาดบดบังความหมายในตัวหนังจนมิด
อิทธิพลของ Influencer ในโลกโซเชียลมันเป็นได้ทั้งบวกและลบ และถูกใช้ทั้งเป็นเครื่องมือทางการตลาดและอาวุธในการทำลายมาตลอด ปรากฎการณ์นี้แยกได้ไม่ยากถ้าจับต้นตอการแพร่ระดับต้น ๆ ทั้งใน fb tiktok สามสี่รายมาดูความเชื่อมโยงมองหาความสัมพันธ์ตัวร่วม อาจจะเห็นว่าเรื่องที่ไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติก็ได้ อาจมีบทมาให้เล่นไม่ต่างจากหนัง
ถ้าฉากในหนังที่พร้อมใจกับพูดว่าใช้โทนสีเหลืองเหมือใส่สิ่งปฏิกูลให้ประเทศไทย แล้วโทนสีแดงเลือดสาดเต็มหน้าโซเชียลมาสองสามวันแบบนี้ใครทำ เพื่ออะไร และใครได้ใครเสีย ประเทศไทยดูดีขึ้นหรือแย่ลงในสายตาชาวโลก"