xs
xsm
sm
md
lg

ซีพีเอฟโต้ปมปลาหมอคางดำ ชี้ข้อมูล-ภาพเท็จบิดเบือน ว่อนโซเชียลฯ-เวทีสาธารณะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้บริหารซีพีเอฟชี้แจงกรณีปลาหมอคางดำ พบการใช้ภาพและข้อมูลเท็จในสื่อโซเชียลฯ และเวทีสาธารณะ ทำสังคมเข้าใจผิดและบริษัทฯ เสียหาย ยืนยันหลังปี 54 ไม่มีกิจกรรมใดๆ เกี่ยวกับปลานี้อีก พร้อมดำเนินการตามกฎหมายปกป้องชื่อเสียง ย้ำยินดีร่วมมือแสวงหาข้อเท็จจริงบนพื้นฐานอย่างสุจริต เผยยังมีอีกหลายบริษัทที่ไม่เกี่ยวกัน ค้าขายปลาตัวนี้ในช่วงที่ผ่านมา

วันนี้ (30 ก.ค.) ที่อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 1 นางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ชี้แจงกรณีที่มีสื่อสังคมออนไลน์นำภาพและข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำ ประกอบการสื่อสารสู่เวทีสาธารณะและสื่อโซเชียลฯ ต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา และในการแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย

บริษัทฯ ขออภัยที่มีการชี้แจงล่าช้า พร้อมขอบคุณที่แสดงความห่วงใย และขออภัยต่อคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำเพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ สภาผู้แทนราษฎร ที่บริษัทฯ ไม่ได้เข้าร่วมประชุม เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้ว จึงต้องมีกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงก่อน โดยหาข้อมูลด้วยความระมัดระวังและเป็นระบบ ก่อนรายงานคณะกรรมาธิการฯ โดยมีข้อมูลบางส่วนที่สามารถเปิดเผยได้ บางส่วนต้องรอชี้แจงคณะกรรมาธิการ และบางส่วนต้องพิจารณาการดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อปกป้องชื่อเสียงขององค์กร




นางกอบบุญได้ยกตัวอย่างภาพที่สร้างความเข้าใจผิดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ จำนวน 3 ภาพ ได้แก่ ภาพแรก กล่าวอ้างว่าเป็นสภาพบ่อดินของฟาร์มยี่สาร จ.สมุทรสงคราม ที่ใช้เพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำ ปี 2554-2557 และกล่าวอ้างว่าเลี้ยงต่อเนื่องที่ฟาร์มยี่สารตั้งแต่ปี 2553-2560 ขอชี้แจงว่าเป็นการใช้ภาพและข้อมูลเท็จ เพราะในภาพไม่ใช่ฟาร์มยี่สาร อีกทั้งหลังจากบริษัทฯ ตัดสินใจไม่เริ่มดำเนินโครงการ ยุติการวิจัยเมื่อเดือน ม.ค. 2554 และได้ทำลายลูกปลาทิ้งทั้งหมด

"ขอยืนยันว่าบริษัทฯ ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวกับปลานี้อีกเลย ดังนั้นที่กล่าวอ้างว่ามีการเลี้ยงต่อเนื่องถึงปี 2560 จึงเป็นข้อมูลเท็จ เสมือนการโกหกที่สร้างความเข้าใจผิดเชิงลบในสังคมต่อบริษัทฯ" นางกอบบุญกล่าว

ภาพต่อมา กล่าวอ้างว่าเป็นการคัดเลือกไข่ปลาหมอคางดำเพื่อนำไปขยายพันธุ์ ผสมพันธุ์ และนำไปอนุบาลในกระชังในฟาร์มยี่สาร บริษัทฯ ชี้แจงว่ารูปดังกล่าวไม่ใช่ฟาร์มยี่สารเช่นกัน และกิจกรรมที่ปรากฏไม่ใช่กระบวนการคัดเลือกไข่ปลาตามวิธีปฏิบัติของบริษัทฯ และภาพสุดท้ายเป็นภาพถ่ายทางอากาศของฟาร์มยี่สาร มีการระบุผังของฟาร์มเป็นสีต่างๆ มีข้อความอันเป็นเท็จ เพราะกรอบสีแดงไม่ได้เป็นบ่อเลี้ยงปลาตามที่กล่าวอ้าง แต่เป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ส่วนกรอบสีเหลืองที่ระบุว่าเป็นบ่อผสมพันธุ์ปลาและบ่ออนุบาลปลานั้น ความจริงเป็นบ่อปรับปรุงปลาทับทิม ปลานิล และปลาทะเล




นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ในระหว่างรวบรวมข้อความต่างๆ ที่บิดเบือนอื่นๆ ที่ปรากฏในสื่อต่างๆ เพื่อนำไปใช้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สำหรับผู้ที่ให้รูปและข้อมูลที่เป็นเท็จ ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงดังกล่าว ควรจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ร่วมกับผู้ที่ใช้ข้อมูลและรูปภาพดังกล่าวในการสื่อสารในเวทีสาธารณะและสื่อโซเชียลต่างๆ ซึ่งบริษัทฯ ต้องดำเนินการพิจารณาโอกาสต่อไปในทางกฎหมาย

"บริษัทฯ เห็นควรด้วยว่าเราควรมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางสังคมเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เนื่องจากมีหลายบริษัทที่บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ มีกิจกรรมค้าขายปลาตัวนี้ในช่วงที่ผ่านมา ขอให้สังคมให้ความเป็นธรรม น่าจะมีการเสาะหาสาเหตุอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย จะได้นำข้อเท็จจริงมาร่วมกันพิจารณาหาแนวทางร่วมมือกันแก้ไขปัญหา และแนวทางป้องกันการแพร่กระจายในระยะยาว บริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือสนับสนุนการช่วยเหลือสังคม" นางกอบบุญกล่าว


สำหรับโครงการความร่วมมือสนับสนุนการแก้ปัญหา 5 โครงการ บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการร่วมมือสนับสนุนกรมประมงที่มีกิจกรรมการจับปลาหมอคางดำ และปล่อยลูกปลากะพง ซึ่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์มีการให้ข่าวว่าในบางพื้นที่มีปริมาณปลาหมอคางดำลดลงมากแล้ว และสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ร่วมกิจกรรมจับปลาหมอคางดำและมอบปลากะพงเพิ่มเติมให้แก่ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการติดต่อแสดงความจำนง จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทยอีกประมาณ 2-3 แห่ง ที่ต้องการร่วมมือการทำวิจัยและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะการวิจัยเพื่อหาแนวทางควบคุมประชากรปลาหมอคางดำในระยะยาว

"บริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเสาะหาข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงอย่างสุจริต แต่ก็ต้องขอปกป้องชื่อเสียงของบริษัทฯ จากการใช้ข้อมูลหรือรูปภาพถ่ายที่กล่าวอ้างที่เป็นเท็จ ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงให้สังคมเข้าใจผิด ผู้ให้ข้อมูลและรูปภาพเหล่านั้น รวมทั้งผู้ที่ใช้ข้อมูลและรูปภาพดังกล่าวประกอบความคิดเห็นบนเวทีสาธารณะหรือสื่อต่างๆ ควรรับผิดชอบในการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้อื่น โดยบริษัทฯ ขออนุญาตพิจารณาแนวทางการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" นางกอบบุญกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น