xs
xsm
sm
md
lg

พิรุธเหตุลอบสังหาร! หาก “ทรัมป์” ตาย ใครได้ประโยชน์?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เหตุลอบยิง “ทรัมป์” กระสุนเจาะใบหูเลือดอาบหน้า มีคนร่วมเวทีหาเสียงตาย 1 บาดเจ็บอีก 2 คอนเฟิร์มว่าไม่ใช่การจัดฉาก แต่มีพิรุธตรงที่หน่วยตำรวจลับอารักขาปล่อยให้มือปืนขึ้นไปบนหลังคาตึกใกล้เวทีปราศรัยได้อย่่างไร เมื่อวิเคราะห์ตามทฤษฎีสมคบคิด คนได้ประโยชน์หาก “ทรัมป์” ตาย ไมใช่ใครอื่นนอกจาก “ไบเดน” และบรรดาเจ้าอุตสาหกรรมอาวุธที่เป็นเสมือนรัฐซ้อนรัฐของอเมริกา



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงเหตุการณ์ลิบยิงนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 45 และตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะหาเสียงในเมืองบัตเลอร์ มลรัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตามเวลาในสหรัฐฯ หรือ เช้าวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม ตามเวลาในประเทศไทย เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องราวที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะภาพนายทรัมป์ที่ถูกกระสุนปืนยิงทะลุใบหูซ้าย จนเลือดไหลลงมาเปื้อนที่ใบหน้า แต่เจ้าตัวกลับชูกำปั้นท้าทายยืนหยัดต่อสู้ ระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายล้อม เข้าคุ้มกัน และพยายามพาตัวเขาลงจากเวทีหาเสียง


กระสุนนัดนี้ นัดเดียวที่พลาดเป้าจากการ “ปลิดชีวิต” กลายเป็นการ “เฉี่ยวหู” นายทรัมป์จนฉีก กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนทิศทางการเมือง-การเลือกตั้งในอเมริกา รวมถึงสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลกทั้งใบด้วย

“ประเด็นแรก มีคนถามผมมาเยอะ โดยเฉพาะฝั่งคนที่เกลียด และกลัวว่าทรัมป์จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย เขาถามผมอย่างนี้ครับว่า “คุณสนธิเหตุการณ์การลอบยิงนี้ ฝั่งทรัมป์เป็นฝ่ายจัดฉากหรือเปล่า?

“ผมจะบอกอย่างนี้ครับท่านผู้ชมดูภาพขณะเกิดเหตุ และ อยากให้ดูภาพจำลองศีรษะของนายทรัมป์ขณะเกิดเหตุก่อน”


นายสนธิ กล่าวว่า จากคลิปการปราศรัยถ้าดูดี ๆ จะเห็นว่าเสี้ยววินาทีเดียวก่อนที่จะมีเสียงปืน นายทรัมป์หันหน้าไปทางขวานิดเดียวประมาณ 20 -30 องศา กระสุนเลยเบี่ยงจากที่ควรจะเข้าด้านท้ายทอยแล้วไปทะลุขมับก็ไปเข้าที่บริเวณใบหูขวาแทน


หลังเหตุการณ์ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวกับ รอนนี แจ็คสัน อดีตแพทย์ประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ว่า ตำรวจตระเวนชายแดนสหรัฐฯ เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เพราะหากในวินาทีนั้นเขาไม่หันหน้าไปดูแผนภูมิสถิติของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ลักลอบข้ามชายแดนเข้ามา ที่ฉายอยู่บนจอภาพขนาดใหญ่ กระสุนคงเจาะเข้าศีรษะไปแล้ว

นายสนธิ กล่าวว่า ตนเองก็เคยถูกลอบฆ่ามาแล้ว กลางกรุงเทพมหานคร เมื่อ วันที่ 17 เมษายน 2552 หรือเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ด้วยกระสุนกว่า 200 นัด พร้อมกับระเบิด M-79 อีกหลายลูก รถพรุนไปหมด เศษกระสุนเจาะเข้าตัวรถโตโยต้า เวลไฟร์ เลือดเต็มหน้า เต็มเสื้อไปหมด เหนือขมับด้านขวายังมีแผลจากสะเก็ดกระสุนอยู่


“ก็ยังมีคนเพ้อเจ้อ มโนว่า ไอ้พวกมือปืนผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นกองกำลังผสม ทหารกับตำรวจ หาว่ายิงผมพลาดมั่งล่ะ ผมสร้างภาพมั่งล่ะ

“ผมถามจริง ๆ คุณมาลองนั่งแบบผมแล้วให้ใช้อาวุธสงครามระดมยิงบ้างไหม ไม่ต้องถึง 200 นัด เอาแค่ 10-20 นัดก็พอ ดูสิว่าคุณจะยอมไหม? และคุณจะรอดไหม?



“เช่นเดียวกัน เมื่อใช้ตรรกะอันนี้ไปเปรียบเทียบกับกรณีการลอบฆ่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถามตรงๆ ว่านายทรัมป์จะยอมเหรอ ให้ตัวเองต้องเสี่ยงตายขนาดนั้น” นายสนธิ กล่าว

ยิ่งมีภาพถ่ายยืนยันจากช่างภาพนิวยอร์กไทมส์ชื่อ Doug Mills ซึ่ง ถ่ายภาพขณะกระสุนวิ่งก่อนเข้าโดนใบหูทรัมป์ และมีผู้เข้าร่วมการฟังปราศรัยเสียชีวิตด้วยอีก 1 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน ยิ่งเป็นการคอนเฟิร์มชัดเจนว่าเรื่องการลอบสังหารนี้เป็นของจริง ไม่ได้เป็นการจัดฉากแต่อย่างใด


ประชาธิปไตยแห่งการลอบสังหาร เปลือยธาตุแท้การเมืองอเมริกัน

หากงมองย้อนการเมืองอเมริกา พลิกหน้าประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศในปี ค.ศ.1776 ถึงวันนี้ ปี ค.ศ.2024 ก็เป็นเวลา 248 ปีแล้ว จะเห็นว่าประเทศที่อุปโลกน์ว่าตัวเองเป็นต้นแบบแห่งประชาธิปไตย พี่ใหญ่แห่งโลกเสรี จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้ต่าง เสรีภาพในการใช้ความรุนแรง และประชาธิปไตยแห่งการลอบสังหารผู้นำนั่นเอง

ก่อนเกิดเหตุความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประวัติศาสตร์ของการเมืองอเมริกาสองร้อยกว่าปี นั้นเต็มไปด้วยบันทึกของการลอบสังหารผู้นำเรื่อยผม ยกตัวอย่างคร่าว ๆ


คนแรก นายเอบราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีคนที่ 16 ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2408 (ค.ศ.1865) ขณะกำลังร่วมชมละครเวทีเรื่อง “Our American Cousin” ที่โรงละครฟอร์ด ในกรุงวอชิงตัน พร้อมกับภรรยา โดยมือปืนคือ จอห์น วิลค์ส บูธ ซึ่งเหตุจูงใจของการลอบสังหารครั้งนั้น เชื่อกันว่า เป็นเพราะจุดยืนของลินคอล์นที่สนับสนุนสิทธิของคนผิวดำในประเทศ

คนที่สอง นายเจมส์ การ์ฟิลด์ ประธานาธิบดีคนที่ 20 ถูกลอบสังหาร เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2424 (ค.ศ.1881) หลังเขาเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น โดยเขาถูกสังหารขณะกำลังเดินผ่านสถานีรถไฟในกรุงวอชิงตันอยู่ เพื่อไปขึ้นรถไฟไปภูมิภาคนิวอิงแลนด์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิตโดย คนที่ชื่อ ชาลส์ กิโต

คนที่สาม นายวิลเลียม แมคคินลีย์ ประธานาธิบดีคนที่ 25 โดย นายแมคคินลีย์ ถูกลอบยิง หลังขึ้นกล่าวปราศรัยที่เมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 6 กันยายน ปี 2444 (ค.ศ.1901) และเดินลงมาพบผู้สนับสนุนพร้อม ๆ กับจับมือกับผู้คนอยู่ โดยมือปืนยิงเข้าที่อก 2 นัดในระยะประชิดตัว ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในอีก 8 วันต่อมาคือ ในวันที่ 14 กันยายน ปี ค.ศ. 1901


คนที่สี่ นายจอห์น เอฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีคนที่ 35 เป็นกรณีที่โด่งดังมาก เพราะเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2506 (ค.ศ.1963) ซึ่งหลายคนยังเกิดทัน


ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ถูกยิงเสียชีวิตขณะนั่งบนรถลีมูซีน พร้อมกับ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง แจ็กเกอร์ลีน เคนเนดี ขณะเยือนนครดัลลัส รัฐเท็กซัส ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2506 หรือ ค.ศ.1963 โดยมือปืนที่หลบซ่อนอยู่และมีอาวุธเป็นปืนไรเฟิลกำลังแรงสูง โดยเสียงปืนดังขึ้นในช่วงที่ขบวนรถของเคนเนดีกำลังเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ดีลีย์พลาซ่า ใจกลางนครดัลลัสอยู่


ไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ผู้ต้องสงสัยเป็นมือปืน หลังพบแท่นวางของมือปืนที่อาคาร Texas School Book Depository ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ


สองวันต่อมา ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวออสวอลด์จากกองบัญชาการตำรวจไปยังเรือนจำประจำเคาน์ตี้ ทว่า แจ็ค รูบี้ เจ้าของไนท์คลับแห่งหนึ่ง ปราดเข้ายิงมือปืนรายนี้จนเสียชีวิต

หลังการถึงแก่อสัญกรรมของ จอห์ฯ เอฟ. เคนเนดี รองประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน สาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่ห้องประชุมของเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันทันที และจนถึงปัจจุบัน จอห์นสัน คือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนเดียวที่ทำพิธีสาบานตนขณะอยู่บนเครื่องบิน


นอกจากนี้ยังมีกรณีลอบสังหารประธานาธิบดี และแคนดิเดตประธานธิบดีอีกหลายครั้ง เช่น

-แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ ประธานาธิบดีคนที่ 32 เหตุเกิดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1933

-แฮร์รี เอส. ทรูแมน ประธานาธิบดีคนที่ 33 เหตุเกิดในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ.1950

-เจอรัลด์ ฟอร์ด ประธานาธิบดีคนที่ 38 ถูกลอบสังหารที่ 2 ครั้งภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ในปี ค.ศ.1975


-โรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีคนที่ 40 ถูก นายจอห์น ฮิงค์ลีย์ จูเนียร์ ที่ยืนอยู่ในฝูงชนยิงเข้าใส่ ขณะที่ ประธานาธิบดีคนที่ 40 กำลังเดินกลับมาที่รถ หลังเสร็จสิ้นการกล่าวปราศรัยที่กรุงวอชิงตัน ในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ.1981 โดยในเวลาต่อมา คณะลูกขุนตัดสินว่า จอห์น ฮิงค์ลีย์ จูเนียร์ ไม่มีความผิดในเหตุการณ์ยิงเรแกน เนื่องจากมีภาวะวิกลจริต

-จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีคนที่ 43 ถูกลอบสังหาร ขณะเข้าร่วมกิจกรรมการชุมนุมกับประธานาธิบดีจอร์เจีย มิคาอิล ซาคาชวิลี ที่กรุงทบิลิซิ ในปี ค.ศ.2005 โดยมีผู้โยนระเบิดมือเข้าใส่ แต่รอดมาได้

เบื้องหลัง “ทฤษฎีสมคบคิด”

แน่นอนว่าเหตุการณ์ลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นที่เกี่ยวโยงกับทฤษฎีสมคบคิด หรือ Conspiracy Theory อีกมากมาย และเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงต่อเนื่องไปนานหลายสิบปี นานแสนนาน

แต่ความจริงแล้ว คำว่า “ทฤษฎีสมคบคิด” หรือ Conspiracy Theory นั้นเกี่ยวโยง เป็นคำศัพท์เกี่ยวโยงกับการลอบสังหารผู้นำสหรัฐฯ โดยตรงมาตั้ง การลอบสังหาร นายเจมส์ การ์ฟิลด์ ประธานาธิบดีคนที่ 20 ถูกลอบสังหาร เมื่อ วันที่ 2 กรกฎาคม 2424 ในสถานีรถไฟในกรุงวอชิงตันแล้ว และยิ่งแพร่หลายมากขึ้นในการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี เมื่อ ปี 2506 (ค.ศ.1963) จนลือกันว่า ศัพท์คำนี้เป็นพวกซีไอเอบัญญัติขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนคดีการลอบสังหาร JFK


มีคนพยายามชี้ให้เห็นว่า แก๊ง หรือ กลุ่มคนเบื้องหลัง ที่ต้องการจำกัดเคนเนดีไม่ใช่คนเบื้องหน้าอย่าง นายลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ แต่เป็นพวกซีไอเอ เอฟบีไอ หน่วยงานความมั่นคง วอลล์สตรีท และซิตี้ ออฟ ลอนดอน พวกองค์กรลับ รวมทั้งบทบาทของ รองประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน ก็ไม่อาจมองข้ามไปได้ เพราะว่าเขามาจากรัฐเท็กซัส และเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง เขาเป็นเจ้าพ่อคุมพื้นที่ เคนเนดีถูกล่อไปฆ่าที่เมืองดัลลัสในรัฐเท็กซัส เพราะว่าจัดฉากได้ง่าย แม้กระทั่งการสำรวจล่าสุดเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ในปี 2560 ชาวอเมริกาเกือบ 2 ใน 3 ก็ยังเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดว่ามีการสั่งฆ่าเคนเนดี้ มากกว่าเชื่อว่า นายลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ดำเนินการเพียงคนเดียว โดยไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง

สาเหตุ ที่มีการร่ำลือกันว่าต้องฆ่า “จอห์น เอฟ. เคนเนดี” ก็เพราะว่า

-ประธานาธิบดีหนุ่มคนนี้เป็นคนรักชาติ (Patriot) ต้องการเห็นสันติภาพในโลก

-เขาต้องการปลดแอกสหรัฐฯ จากการควบคุมของรัฐบาลเงา (Shadow Government) ที่อยู่เหนือรัฐธรรมนูญต้องการก่อสงครามเวียดนาม และต้องการก่อสงครามนิวเคลียร์กับรัสเซีย

-เคนเนดีตั้งใจที่จะยุบองค์กรซีไอเอ ล้มล้างอิทธิพลของวอลล์สตรีท ด้วยการยกเลิกเงินดอลลาร์ หรือ Federal Note ที่ US Federal Reserve ที่พวกวอลล์สตรีทเป็นเจ้าของ เพื่อให้กระทรวงการคลังกลับมาพิมพ์ดอลลาร์เอง

-ทั้งนี้ คำสั่งของฝ่ายบริหารที่ยกเลิกการพิมพ์เงินของเฟดที่อยู่ภายใต้การควบคุมของวอลล์สตรีท และซิตี้ ออฟ ลอนดอนเท่ากับเป็นฟางเส้นสุดท้าย และใบมรณบัตรของเคนเนดี

-นอกจากนี้ ยังว่ากันว่า เคนเนดีเป็นนักการเมืองอเมริกันในอุดมคติ เพราะเขาต้องการให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำของโลกประชาธิปไตย ตามแนวความคิดเสรีภาพ อิสรภาพ การเคารพอำนาจอธิปไตยของกันและกัน และการอยู่ร่วมอย่างสันติ

-เคนเนดีต้องการผูกมิตรกับรัสเซีย และประเทศอื่นๆ เพื่อสร้างสันติภาพโลก เพราะว่าในตอนนั้นพวกรัฐบาลเงาต้องการก่อสมครามเย็นเพื่อให้ค่ายคอมมิวนิสต์และค่ายโลกเสรีขัดแย้งกันอันนำไปสู่การแข่งกันสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ในสงครามเย็นเป้าหมายหลักคือทำสงครามเวียดนาม ฆ่าฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบา และทำลายสหภาพโซเวียต และยุโรปตะวันออกเพื่อเข้าไปครอบครองทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ของรัสเซีย

นอกจากนี้ ก็ยังมีประเด็นอื่น ๆ อีกว่าเป็นสาเหตุของการลอบสังหารเคนเนดี เช่น

-เคนเนดี สั่งยกเลิกการบุก Bay of Pigs ของคิวบา ที่ซีไอเออยู่เบื้องหลัง ซึ่งว่ากันว่า สร้างความเจ็บแค้นให้กับบรรดาชาวคิวบาที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับฟิเดล คาสโตร เป็นการทอดทิ้งฝ่ายต่อต้านคาสโตรและซีไอเออีกกลุ่มหนึ่งให้ถูกคาสโตรจับกุม และฆ่าจนเสียชีวิตเป็นเบือ


- อีกประเด็นหนึ่งก็คือ กลุ่มมาเฟียไม่พอใจ JFK ที่ตั้งนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี ขึ้นมาเป็นอัยการสูงสุดของสหรัฐฯ (Attorney General) และ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี ก็กวาดล้างมาเฟียอย่างหนัก

โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี
-อีกประการหนึ่ง จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ก็เคยมีความสัมพันธ์กับดาราชื่อดัง เซ็กซ์ซิมโบลแห่งยุคือ มาริลีน มอนโร ซึ่งมอนโรก็มีสายสัมพันธ์กับพวกมาเฟียอย่างใกล้ชิด

มาริลีน มอนโร
สรุปแล้ว เรื่องราวลึกลับในอดีตหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นก็มีการพิสูจน์กันแล้วว่าเชื่อมโยงกับ ซีไอเอ หรือ สำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ ทั้งสิ้น

มือสังหารทรัมป์ กับ ข้อพิรุธของหน่วย Secret Service

ส่วนการลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ ภายหลังจากทรัมป์รอดตายเฉียดฉิวจากการลอบสังหาร ก็มีการเปิดเผยมาว่าผู้ลอบสังหารเขาคือ เด็กหนุ่มวัยเพียง 20 ปีที่ชื่อ นายโธมัส แมทธิว ครุกส์ ซึ่งซุ่มยิงทรัมป์ด้วยปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 ขณะทรัมป์ปราศรัยบนเวทีหาเสียงในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย โดยหลังจากก่อเหตุ นายครุกส์ มือปืนก็ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับวิสามัญฆาตกรรมตายคาที่บนหลังคาทันที แต่จากการสืบสวนสอบสวนเป็นเวลาหลายวันให้หลัง ไม่ว่าจะเป็นการไล่ดูพฤติกรรม ปูมหลัง สืบค้นในโซเชียลมีเดีย เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนกลับระบุว่า ยังไม่พบแรงจูงใจที่ชัดเจนในการก่อเหตุของนายครุกส์


ประเด็นที่ทุกคนล้วนแล้วแต่ตั้งคำถาม ก็คือ ทีมอารักขาคุ้มกัน ของกรมกิจการลับหรือที่เรียกว่า Secret Service นั้นทำอะไรอยู่ เนื่องจาก

หนึ่ง ถ้าเปิดดูข่าว หรือ สืบค้น กูเกิล Map ก็จะเห็นว่า Butler Farm Show Grounds ซึ่งนายทรัมป์จัดปราศรัยเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว มีสภาพพื้นที่เป็นอย่างไร และสงสัยทันทีว่า นายครุกส์ขึ้นไปอยู่บนหลังคาของตัวอาคารที่อยู่ห่างจากเวทีของทรัมป์เพียง 100 กว่าเมตร ได้ยังอย่างไร?


โดยสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC News) รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับปฏิบัติการของ Secret Service เป็นอย่างดีว่า เหล่าเจ้าหน้าที่ทราบดีถึงความเสี่ยงของจุดอันตรายดังกล่าว โดยทราบมาตั้งแต่ก่อนงานปราศรัยครั้งนี้ของทรัมป์แล้ว

ทั้งนี้ นอกจากคำถามที่ว่า มือปืนเข้าไปในตัวอาคารและขึ้นไปบนหลังคาได้อย่างไรแล้ว ยังมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่ไม่จัดการรักษาความปลอดภัยหรือปิดกั้นแนวเส้นสายตาจากหลังคาสู่แท่นยืนปราศรัยของทรัมป์ เพราะคนร้ายสามารถเล็งปืนจากจุดบนหลังคาดังกล่าว มาถึงเวทีปราศรัยได้อย่างง่ายดาย


สอง มีพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ พร้อมกับคลิปวีดิโอเผยแพร่ไปทั่วเลยว่า มีผู้ที่เข้าร่วมฟังการปราศรัย แจ้งเรื่องที่มีชาย ปีนหลังคาอาคารฝั่งตรงข้ามเวทีปราศรัยของนายทรัมป์ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุนานถึง26 นาทีโดยจุดที่นายครุกส์อยู่ อยู่ห่างจากเวทีนายทรัมป์เพียง 120-130 เมตรเอง และอยู่ในระยะทำการของปืนไรเฟิล


โดย เวลา 17.45น. มีคนถ่ายรูปนาย ครุกส์ ส่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย แต่ก็ไม่มีการทำอะไร

จนกระทั่ง 26 นาทีต่อมาเวลา 18.11น. นายครุกส์ก็เปิดฉากใช้ปืนไรเฟิลยิงเข้าใส่นายทรัมป์ และคนที่เข้าร่วมฟังการปราศรัยเป็นจำนวน 8 นัด ทำให้นายทรัมป์ และผู้เข้าร่วมงานอีก 2 ได้รับบาดเจ็บ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายวัย 50 ปี เสียชีวิต

สาม ทีมสไนเปอร์ที่ประจำการอยู่บนหลังคาอาคารใกล้ ๆ เวทีปราศรัยจะไม่สังเกตเห็น นายครุกส์ กับปืนไรเฟิลของเขาได้อย่างไร ? เพราะสภาพหลังคาก็เป็นสีขาว ทั้งยังอยู่ในที่โล่งแจ้ง ผู้เข้าร่วมงาน และผู้สื่อข่าวก็ยืนยันว่าอากาศวันนั้นสดใสมาก แดดดี ไม่มีสภาพขมุกขมัวแต่อย่างใด


สี่ เมื่อสืบประวัติของมือปืนคือ นายโธมัส แมทธิว ครุกส์ ก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ โดย เพื่อนบ้านบอกว่าชายหนุ่มคนนี้มีบุคลิกเงียบขรึม สำเร็จการศึกษามัธยมปลายจากโรงเรียนมัธยมเบเธลพาร์ค ในปี 2565 โดยมีผลการเรียนดีเยี่ยวมในวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์

ส่วนฐานข้อมูลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งของรัฐแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันที่จดทะเบียน และมีรายงานว่าเขาบริจาคเงิน 15 ดอลลาร์สหรัฐให้กับกลุ่มเสรีนิยม ActBlue ในปี 2564


ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุ นายครุกส์สวมเสื้อยืดจาก Demolition Ranch ซึ่งเป็นช่องยูทูปที่โด่งดังในเรื่องการประกอบปืน ส่วนอาวุธปืนไรเฟิล AR-15 นั้นเจ้าของคือ นายแมทธิว ครุกส์ พ่อของเขา โดยซื้อปืนกระบอกนี้มาประมาณ 6 เดือนแล้ว

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังรายงานด้วยว่ามีการค้น พบอุปกรณ์ต้องสงสัยในรถของครุกส์ และตรวจพบวัตถุระเบิดในรถยนต์ของเขาที่จอดใกล้จุดเกิดเหตุ

ทว่าจากหลักฐานทั้งหมดทั้งมวลนี้เจ้าหน้าที่ FBI ของสหรัฐฯ ยังมืดแปดด้านเกี่ยวกับแรงจูงใจในการก่อเหตุของเด็กหนุ่มวัย 20 ปี และยังไม่เชื่อว่าเขาดำเนินการก่อเหตุสะเทือนโลกนี้ เพียงลำพัง


คำถาม ที่น่าสนใจต่อเหตุการณ์ล่าสุดนี้คือ “ถ้านายโดนัลด์ ทรัมป์ ตายจากเหตุการณ์ลอบสังหารนี้ ใครได้ประโยชน์มากที่สุด”

คำตอบ ที่พอวิสัชนาออก ณ ตอนนี้ก็คือ ไบเดนได้ประโยชน์ เพราะว่าถ้าไม่มีโดนัลด์ ทรัมป์ พรรครีพับลิกันก็ไม่มีตัวเลือกแข็ง ๆ มาชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ตัวเลือกรองลองไปอย่าง นิกกี้ เฮลีย์ ซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ และเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐเซาท์แคโรไลนา ก็ไม่มีคะแนนนิยมเลย


ทีนี้บรรดา Deep State หรือ พวกที่เป็นรัฐซ้อนรัฐ คือ คุมรัฐอีกทีโดยเฉพาะบรรดาเจ้าอุตสาหกรรมอาวุธ และอุตสาหกรรมการทหาร ที่เรียกว่า Military-industrial complex (MIC) นั้นมันใหญ่มาก และมีอิทธิพลสูงมาก ถ้าหากทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกรอบ และยุติสงครามตามที่ลั่นวาจาไว้จริง ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย-ยูเครน หรือ อิสราเอล-ฮามาส ก็หมายความว่า อุตสาหกรรมอาวุธและการทหารก็จะสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล เพราะบริษัทพวกนี้ได้งบประมาณจากรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวนมากมายมหาศาล

ด้วยเหตุนี้ เราจึงค่อนข้างเชื่อว่าทฤษฎีสมคบคิด หรือ Conspiracy Theory ที่นำไปสู่การลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ รอบนี้น่าจะเป็นจริง ตามข้อพิรุธต่าง ๆ ที่ว่ามา


กำลังโหลดความคิดเห็น