สถานกงสุลสหรัฐฯ ประจำเชียงใหม่ มูลค่า 1 หมื่นล้าน เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เห็นชัดว่าใหญ่โตเป็นเมืองขนาดย่อม แค่เอาสายไฟ-สายสัญญาณเข้าไป ก็ปิดถนนมาแล้ว 3 เดือน ฟันธงจะเป็นศูนย์บัญชาการล้วงความลับจีน และเป็นที่ซ่องสุมของซีไอเอ หลังจากสถานกงสุลที่เฉิงตูโดนปิด ไม่ใช่แค่เป็นที่ดูแลคนอเมริกันในไทยตามที่อ้าง
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำ จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างและส่งผลให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน เนื่องจากมีการปิดถนนมากว่า 3 เดือนแล้ว เพราะกำลังอยู่ระหว่างลากสายเคเบิล ทั้งสายไฟฟ้า สายการสื่อสารเข้าพื้นที่
ที่ต้องปิดถนนเพราะต้องเอาสายเหล่านี้ลงดิน แต่ละเส้นที่ลากเข้าไปมีขนาดใหญ่ มหึมา สะท้อนให้เห็นถึงสถานกงสุลแห่งนี้ ไม่ใช่แค่สถานกงสุลธรรมดา ๆ แต่เป็นอภิมหาโปรเจกต์ที่ต้องการสิ่งสาธารณูปโภคต่าง ๆ มากกว่าปกติ อาจจะมากกว่าสถานที่ราชการทั้งหลายของเมืองเชียงใหม่รวมกันเสียอีก
จากแผนที่ดาวเทียมใน Google Map “วงแดง” เป็นภาพสถานกงสุลสหรัฐฯ เชียงใหม่ ที่ถ่ายล่าสุดในปีนี้ ไม่น่าจะเรียกได้ว่ากงสุลธรรมดา ๆ แต่ เรียกได้ว่าเป็นเมืองขนาดย่อม ๆ
ส่วนชื่อB.L. Harbert International ในแผนที่ก็คือ บริษัทก่อสร้างใหญ่ของสหรัฐฯ ที่รับงานก่อสร้างสถานทูต สถานกงสุล สถานที่ราชการของสหรัฐฯ ทั่วโลก โดย B.L. Harbert International มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมือง เบอร์มิงแฮม รัฐอลาแบมา แต่ไปสร้าง สถานทูตและสถานกงสุล ไม่ว่าจะเป็น
-สถานทูตสหรัฐฯ ใน กรุงเบรุต ประเทศเลบานอน (มูลค่าก่อสร้าง 613.8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 22,300 ล้านบาท)
-สถานทูตสหรัฐฯ กรุงนิวเดลี (563.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 20,500 ล้านบาท)
-สถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเออร์บิล ภูมิภาคเคอร์ดิสถาน อิรัก (433.2 ล้านดอลลาร์ หรือ 15,700 ล้านบาท)
-สถานกงสุลสหรัฐฯ ใน กัวเตมาลาซิตี้ ประเทศกัวเตมาลา (288.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 10,500 ล้านบาท)
เมื่อปี 2563 หลังจากรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการก่อสร้างที่ไม่ธรรมดาของสถานกงสุลสหรัฐที่เชียงใหม่ซึ่งใช้งบประมาณลงทุนเกือบหมื่นล้าน ต่อมาสหรัฐฯ ได้แถลงอ้างว่า เพื่อดูแลพลเมืองอเมริกัน 17,000 คน แต่จะให้เชื่อได้อย่างไร เพราะเริ่มต้นก็ทำลับ ๆ ล่อ ๆ ตอนก่อสร้างก็ลึกลับสลับซับซ้อน
ตอนที่แถลงข่าวเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 โมเดลที่ออกมาโชว์ มีอาคารหลังเดียว ภาพถ่ายดาวเทียมจาก Google map ล่าสุด กับภาพที่นักข่าวถ่ายมาที่มีการปิดถนน ก่อสร้างระบบไฟฟ้าใต้ดินหน้าสถานกงสุลมา 3 เดือนแล้ว ไม่ได้มีแค่อาคารแค่ที่เคยแถลง แต่ต้องเรียกว่าเป็น “เมืองย่อม ๆ” เป็น “ฐานปฏิบัติการใหญ่” มากกว่า แค่ “สถานกงสุล”
เดิมที กงสุลสหรัฐฯ ประจำ จ.เชียงใหม่ นั้นเป็นคุ้มหลวงเจ้าล้านนา เป็น บ้านกับที่ดินเล็ก ๆ ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำปิง เช่าที่กรมธนารักษ์มากว่า 70 ปี
วันดีคืนดี ก็จะเปลี่ยนสถานกงสุลเดิมให้เป็นบ้านพักเจ้าหน้าที่กงสุลอเมริกาประจำเชียงใหม่ และก่อสร้างสถานกงสุลแห่งใหม่ขึ้นมาโดยใช้เงินลงทุนไป 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ตีเป็นเงินไทย 10,000 กว่าล้านบาท เกือบ 11,000 ล้านบาท
ตั้งอยู่บนพื้นที่ฝั่งขวามือของทางหลวงหมายเลข 11 หรือ ถนนซูเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ปากทางเข้ามหาวิทยาลัยพายัพ ติดกับร้าน Index Living Mall มีเนื้อที่ 15 ไร่ 77 ตารางวา
ต้องจับตาดูดี ๆ ปกติแล้วสถานกงสุลทั่วไป ไม่ว่าจะจีน หรือ รัสเซีย จะมากหรือน้อยก็คงมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อยู่ภายในกงสุลของเขา แต่ของสหรัฐฯ กงสุลใหญ่ ระดับลงทุน 300 ล้านเหรียญ หรือ หมื่นกว่าล้านบาท เชื่อได้เลยว่า ข้างในจะมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยมาก
มีข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่สหรัฐฯ กำลังจะทำให้กงสุลอเมริกาในเชียงใหม่ ให้เป็นศูนย์ตรวจจับและเช็กความเคลื่อนไหวของประเทศจีนตอนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเสฉวน และทางกวางโจว
กล่าวคือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งนี้ ถ้าตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่มีประโยชน์ เพราะระยะทางไกล ต้องไปตั้งที่เชียงใหม่ แต่จะใช้สถานกงสุลเดิมก็ทำไม่ได้ เพราะเล็กเกินไป ไม่พร้อม
ดังนั้น เมื่อลงทุนสร้างถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่าว่าแต่เมืองไทยเลย ไปสร้างในอเมริกาก็ถือว่าใหญ่แล้ว นับประสาอะไรกับการสร้างที่เชียงใหม่
แน่นอนที่สุดทางรัฐบาลอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม หรือ CIA ต้องส่งอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามาประจำอยู่ในกงสุลแห่งนี้
เพราะฉะนั้นแล้ว กงสุลใหญ่ของอเมริกาที่จังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันได้เลยว่า จะเป็นแหล่งสืบความลับของพม่า และ ประเทศจีนตอนใต้อย่างแน่นอนที่สุด ด้วยการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยที่สุด รวมทั้งเป็นที่ซ่องสุมของ CIA ที่จะป่วนจีน
แต่เดิมนั้น สหรัฐอเมริกามีสถานกงสุลที่เมืองเฉิงตู สาธาณรัฐประชาชนจีน เป็นที่ดักจับความเคลื่อนไหวทางภาคใต้และตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งจีนก็อยากจะปิดแต่ปิดไม่ได้เพราะจะผิดธรรมเนียมทางการทูต แต่โชคเข้าอ้างจีนที่รัฐบาลสหรัฐฯ ในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวส์ตัน จีนก็เลยได้โอกาสสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่เมืองเฉิงตูเป็นการตอบโต้ ทำให้สหรัฐฯ ตาบอดทันที ไม่สามารถที่จะสืบข่าวทางใต้และตะวันเฉียงเหนือของจีนอีกต่อไป นี่คือที่มา
วันนี้ก็เป็นข้อยืนยันพิสูจน์ว่า สิ่งที่ได้ตั้งข้อสังเกตและสงสัยเมื่อเกือบๆ 4 ปีที่แล้วตอนที่สถานกงสุลเริ่มก่อสร้าง และ ตอนนี้มาถึงช่วงติดตั้งสาธารณูปโภคต่างๆ เริ่มเข้าเค้าจะเป็นจริงอย่างที่ผมพูดไปหรือไม่?
ทุกอย่าง ๆ ที่สหรัฐทำดำเนินการก่อสร้างหรือจะเป็นช่วงนี้ที่ปิดถนนเพราะต้องการปกปิดร่องรอยต่าง ๆ หรือไม่
นักการทูตสหรัฐฯ ชอบโปรยยาหอมว่า การก่อสร้างอภิมหาสถานกงสุลแห่งใหม่กว่าหมื่นกว่าล้านบาทแห่งนี้ จะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนไทย นี่ถือเป็นการโกหกคำโตที่สุด เพราะตั้งแต่วัสดุก่อสร้างทุกอย่าง แม้กระทั่งตั้งแต่นั่งร้าน อุปกรณ์ใหญ่ อุปกรณ์เล็ก อุปกรณ์น้อย ฝั่งสหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้ามาเองทั้งหมด
ที่สำคัญ บรรดาแรงงานก่อสร้าง หัวหน้างานก่อสร้างเป็นต่างด้าวทั้งสิ้น มีทั้งนำเข้าจากฟิลิปินส์ และ พม่า ไม่มีคนไทย หรือเรียกได้ว่า แทบจะไม่มี “แรงงานไทย” เข้าไปเกี่ยวข้องเลย โดยคนไทยที่ได้เงินมีเพียงคนเดียว ก็คือ คนที่ขายที่ดินให้กับสหรัฐเท่านั้นเอง !