xs
xsm
sm
md
lg

“ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” จากนักข่าวเสื้อแดง นักการเมือง พท.-ก้าวไกล สู่แม่พระจิตอาสา ก่อนโดนสาวไส้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดตัวตน “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” จากนักข่าวเสื้อแดง สู่สมาชิกเพื่อไทย-ผู้สมัคร สส.ก้าวไกล แต่สอบตก ผันตัวมารับแม่พระช่วยเหลือผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว ร่วมทีม “อเวนเจอร์” ปราบลัทธิเชื่อมจิต แต่สุดท้ายก็โดนฉีกหน้ากาก ถูกแจ้งความคดีโกงแชร์ยาวเป็นหางว่าว ล่าสุดถูกเพื่อนเปิดโปงเรื่องเซ็งลี้วุฒิการศึกษา-ตำแหน่งการเมือง จนต้องรีบออกมาขอโทษสังคม แต่เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงเรื่องอื้อฉาวของ สาวสวยอินฟลูเอนเซอร์แนวจิตอาสา ที่กำลังมาแรง อย่าง “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” นางชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง กำลังเป็นข่าวช็อกสังคม


เมื่อถูกเพื่อน ๆ อดีตคนใกล้ตัว รุมสาวไส้เปิดโปงธุรกิจลับของเธอ ที่ใครได้ยินก็ต้องตาค้าง ไม่ว่าจะเป็น การขายวุฒิการศึกษาปลอม การขายตำแหน่งทางการเมือง ทั้งในทำเนียบรัฐบาลและในรัฐสภา เซ็งลี้แม้กระทั่งบัตรจอดรถสถานที่ราชการต่าง ๆ

บทบาทล่าสุดของ “ต้นอ้อ ชลิดา” คือร่วม“ทีมอเวนเจอร์”ลุยทำศึกกับ“ลัทธิเชื่อมจิต”อย่างถึงพริกถึงขิง ทำให้เธอดูโดดเด่นในสื่อ เพราะทั้งหน้าตาดีทั้งปากกล้า สมกับที่เคยใช้ฉายาว่า “อีอ้อปากจัด” มาก่อน สมัยรวมหัวกับกลุ่มคนเสื้อแดง เข้าพรรคเพื่อไทย จนมาถึงตอนที่กระโดดมาลงสมัครเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล




สำหรับ สมาชิก “ทีมอเวนเจอร์” ที่ว่า ล้วนแต่เป็นอินฟลูเอนเซอร์คนดังระดับหัวแถวมารวมตัวกัน ยกตัวอย่างเช่น “ทนายกระดูกเหล็ก” อนันต์ชัย ไชยเดช “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย แห่งโหนกระแส “อี้” แทนคุณ จิตต์อิสระ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ “กัน จอมพลัง” หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ เป็นต้น

แต่พอความลับของ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” แตกโพละ กลายเป็นข่าวสะท้านสะเทือนวงการเมือง และวงการการศึกษา คนที่เบื้องหน้า ขยันทำดีเป็นแม่พระคนสวยแต่เบื้องหลัง ลักลอบทำผิดกฎหมายเหมือนเช่นนางมารร้ายแบบนี้ตรงกับสุภาษิตไทยที่ว่า “รู้หน้า ไม่รู้ใจ”


ที่สำคัญพฤติกรรมของ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” นั้นถือว่าร้ายแรง เข้าข่ายเป็นภัยสังคม และ เลวร้ายไม่น้อยหน้าไปกว่าลัทธิเชื่อมจิตเพี้ยน ๆ บ้า ๆ ที่เธออ้างว่ากำลังต่อสู้ด้วยอยู่เลย

มิหนำซ้ำ การที่เส้นทางทำมาหากินของเธอ ไปพัวพันโยงใยไปถึงนักการเมือง และพรรคการเมือง ที่กำลังเป็นรัฐบาลบริหารประเทศอยู่ อย่างพรรคเพื่อไทยแบบแนบแน่น

ส่งผลให้ เรื่องนี้สร้างแรงสะเทือนให้รัฐบาล ถึงขนาดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาสั่งการแก้ไข โดยคนทำงานใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี อย่างนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่มีชื่อถูกพาดพิงใน“แชตลับ”ถึงกับเต้นผาง แจ้งความเอาผิด “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ทันควัน


เช่นเดียวกับ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เช่นกัน ก็ให้คนขับรถประจำตัว ไปแจ้งความ “ต้นอ้อ”ทันที เพราะคนขับรถดันไปมีชื่อพัวพันการซื้อขายวุฒิการศึกษา

ทั้งนี้ หากขุดประวัติย้อนไปไม่กี่ปี ก็จะพบว่า “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” มีความเป็นมาที่น่าเคลือบแคลง และถือว่าเป็นหนังคนละม้วนกันกับ การสร้างภาพเป็นอินฟลูเอนเซอร์จิตอาสา อย่างในเวลานี้

จากหลักฐานใบแจ้งความ ต้นอ้อ มีชื่อเสียงเรียงนามที่หลากหลาย เช่น ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ชลิดา อภิบาลภูธร หรือ ชลิดา วัฒนะ หรือ อ้อ อายุ 42 ปี ที่อยู่ปัจจุบันระบุว่าอยู่ที่ ต.เมืองหมี อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย


ก่อนมาทำเพจเป็นหนึ่งซึ่งสร้างภาพด้วยการไปช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก “ต้นอ้อ” เคยคลุกคลีอยู่ในวงการสื่อมวลชน โดยเป็นทั้งผู้ประกาศข่าว Asia Update News , บางกอกทูเดย์ และยังมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามระบบการเงิน การคลังและระบบเศรษฐกิจ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งยังเคยเป็น อดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง และอดีตอนุกรรมาธิการ สื่อสารดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม อาชีพเดิมอีกอาชีพหนึ่งของ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ในช่วง ปี 2559-2562 ที่คนทั่วไปไม่รู้ ก็คือ การเป็นเท้าแชร์ปล่อยกู้กินดอก ผู้ประสบความสำเร็จ โดยสามารถตั้งวงเล่นแชร์ เล่นกันแพง ๆ ร่วม 70-80 วง นอกจากเปิดวงแชร์ทั่วไป “ต้นอ้อ” ยังมีวงแชร์ลงทุนได้ดอกเร็วทันใจ อีกด้วย

โดยกลุ่มลูกแชร์ของต้นอ้อ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.เพื่อนๆ คนรู้จักกัน 2.คนในวงการฟุตบอล เพราะช่วงนั้น เธอแต่งงานจดทะเบียนกับนักฟุตบอลดังไทยลีก และอดีตกองกลางทีมชาติไทยอย่าง “ชัยวุฒิ วัฒนะ” จึงได้ลูกแชร์เป็นคนจากวงการฟุตบอลด้วยและ 3.โพสต์หาลูกแชร์ประชาชนทั่วไป จากโลกโซเชียล


โดยสามีนักบอลอย่าง นายชัยวุฒิ วัฒนะ เกือบต้องซวยไปด้วย เพราะ “ต้นอ้อ” ดันใช้บัญชีธนาคารชื่อเขา ในการรับโอนเงินจากลูกแชร์ แต่ไม่นานวงแชร์ของเธอหลายวงต้องล่มไป เจ้าตัวอ้างสาเหตุ เพราะว่ามีลูกแชร์มหาภัยหอบเงินหนี ไม่ยอมส่งต่อ

ส่วนใครคิดจะทวงเงินคืน “ต้นอ้อ” ก็ใช้คติ ทวงได้ ทวงไป แล้วจัดการลอยแพลูกแชร์เหล่านั้น ถือคติ “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ทั้งยังชอบแอบอ้างด้วยว่าตัวเองมีอิทธิพลในวงการเมือง รู้จักคนใหญ่คนโต ใครกล้าลองของ ก็ลองดู

แต่สุดท้าย ลูกแชร์ที่กระจายกันไปทั่วประเทศ ก็ไม่มีทางเลือก ต้องแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงกับต้นอ้อ ในลักษณะคดีใครคดีมัน ซึ่งฝีก็เพิ่งจะแตก เรื่องเพิ่งจะแดงเอาในปี 2567 นี้เอง


อย่างไรก็ตาม แทนที่ “ต้นอ้อ ชลิดา” จะหาทางไกล่เกลี่ย คลี่คลายคดีอาญาเหล่านั้น กลับไปใช้วิธีอัพเกรดตัวเอง ด้วยการสร้างภาพผ่านองค์กรการกุศลอย่าง“มูลนิธิวิน วิน - มูลนิธิเป็นหนึ่ง”ปั้นโปรไฟล์ตัวเองเป็น แม่พระที่ขยันช่วยเหลือเด็ก สตรี และศาสนา

โดยเข้าไปให้ความช่วยเหลือญาติของผู้เสียชีวิตหลายราย ในการติดตามหาความจริงในคดี “แอม ไซยาไนด์”, ออกช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะเด็กเยาวชนและผู้หญิงที่ถูกทำร้ายกดขี่ข่มเหง โดยใช้ภาพลักษณ์ของการเป็นสาวสวย ตัวเล็ก บุคลิกดี แต่แสบแซ่บ แถมปากกล้าอีกต่างหาก

สำหรับ กรณีการซื้อขายตำแหน่งทางการเมืองนั้น ทาง นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ปรากฎชื่อในแชทต่อรองราคาที่หลุดออกมานั้น ก็ได้ออกมาปฏิเสธ และลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้แล้ว


ซึ่ง ขบวนการซื้อขายตำแหน่งทางการเมือง คนในวงการต่างรู้ดีว่า“มีอยู่จริง”ไม่ว่าจะเป็นความต้องการใช้ตำแหน่งเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ หรือแค่ต้องการปั้นโปรไฟล์ เป็นประเภท “บัตรเบ่ง” หรือเป็นตำแหน่ง “พิมพ์นามบัตร” ก็ว่ากันไป

เพียงแต่ที่ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ไปเสนอขายครั้งนี้“เรื่องแดง”เพราะมีการเรียกรับเงินไปแล้ว แต่ไม่ได้รับวุฒิการศึกษา จึงพันมาถึงการซื้อขายตำแหน่งการเมือง ที่มีการขายพ่วงไปด้วย


ตัวอย่างหลักฐานจากแชต “ต้นอ้อ” เธอเร่ขายตำแหน่ง“คณะทำงานรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ในราคา 60,000 บาท โดยราคานี้มีบัตรต่าง ๆ ให้ ไม่ว่าจะเป็นบัตรประจำตัว, บัตรเข้าทำเนียบรัฐบาล, รวมถึงบัตรจอดรถ 2 คันโดยอ้างว่า เป็นตำแหน่งใหญ่ โดยเป็นเสมือนทีมงานของเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว หรือ ถ้าไม่สนใจก็ยังมีตำแหน่ง“เลขานุการ กรรมาธิการ” ขายให้อีกด้วย


ทั้งนี้ คนในขบวนการซื้อขายตำแหน่ง ก็มีทั้งที่ “นักการเมือง” ที่อยู่ในตำแหน่งจริงๆ รู้เห็นด้วยตัวเอง และที่ไม่รู้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะถูกแอบอ้างชื่อ

โดยขบวนการนี้จะมี “นายหน้า“ ที่มักทำงานใกล้ชิดกับนักการเมือง หรือรู้จัก “คนใกล้ตัว” ของนักการเมือง ทำหน้าที่เสนอขายตำแหน่งทั้งในส่วนของฝ่ายบริหาร ทั้งทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงต่าง ๆ หรือฝ่ายนิติบัญญติ ในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา

อย่างกรณีที่เป็นประเด็นอยู่นี้ ก็มีการใช้ชื่อพร้อมภาพถ่ายของ นายสมคิด เชื้อคง ที่เป็นนักการเมืองที่อยู่พรรคเพื่อไทยมานาน อีกทั้งมีตำแหน่งสำคัญใกล้ตัวนายกรัฐมนตรี และตามข่าวที่ออกมายังมีการนำบัตรประจำตัวของ นางผุสดี กลิ่นทอง คณะทำงานของ นายสมคิด รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวอย่างเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วย


ทั้งนี้ นางผุสดี ที่ถูกกล่าวอ้างนั้นเป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาตลอด โดย นางผุสดี กลิ่นทอง หรือ เป้า สิงห์บุรี ถือเป็นแกนนำเสื้อแดงตัวกลั่นคนหนึ่ง ใกล้ชิดกับนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยหลายคน

หลังเป็นข่าวฉาว ทุกคนที่มีชื่อ ก็รีบกระโดดออกมาปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายเก้าอี้ใด ๆ ส่วน “ต้นอ้อ ชลิดา” พยายามพลิกเกม ด้วยการขอโทษสังคมในความผิดพลาด อ้างว่าจะกลับตัวกลับใจ มุ่งมั่นทำดี ช่วยเหลือเด็ก สตรี และศาสนา ต่อไป


สังคมไทยนั้น ปกติเวลาเห็นคนสำนึกผิด ก็จะหายโกรธไว ให้อภัยกันง่าย ๆ แต่เรื่องราวของ “ต้นอ้อ” ลำพังขอโทษคงไม่จบ เพราะเรื่องอื้อฉาวในเวลานี้ อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้น ของการกระชากหน้ากากคนดีจอมปลอมไม่ใช่แค่การขายปริญญา ขายตำแหน่ง ต้นอ้อ ยังเคยพัวพันคดีร้ายแรงอย่างอื่นมาก่อนด้วย

เมื่อเธอโดนเหยื่อรวมตัว แจ้งความกองปราบปราม กล่าวหาเธอโกงแชร์ ฮุบเงินไปร่วม 4-5 ล้านบาท โดย เหยื่อระบุว่า ไม่ว่าจะทวงถามเท่าไร “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ก็ไม่ยอมจ่ายคืน อ้างเหตุผลสารพัด

อย่างที่กล่าวไปว่า“คดีต้นอ้อ โกงแชร์”นั้นเพิ่งเป็นข่าวเมื่อ เดือนเมษายน 2567 หรือราว 3 เดือน ที่ผ่านมานี้เอง แต่ความเป็นมา กว่าจะมาถึงตรงนี้ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ได้เปิดเพจล่าเหยื่อมาเล่นแชร์ ตั้งแต่ปี 2562 หรือ 5 ปีที่แล้ว


โดย “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” พบช่องทางหากินกับนักการเมือง เพราะเคยเป็นนักข่าว เคยเป็นผู้ประกาศข่าวช่อง Asia Update ซึ่งเป็นทีวีของคนเสื้อแดง ในเครือของพรรคเพื่อไทย

เธอเองก็พยายามผลักดันตัวเองไปเป็น ส.ส. เมื่อเสนอตัวลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ก่อนไปลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคก้าวไกล แต่สอบตก

การที่เธอไปประกาศกับลูกค้าทั้งหลาย ว่าสามารถเซ็งลี้ตำแหน่งทางการเมืองโน่นนี่นั่น เอาเข้าจริง ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นแค่การแอบอ้างชื่อนักการเมืองหรือจริง ๆ แล้ว นักการเมืองเอง ก็ร่วมรู้เห็นกับเธอ ในการขายตำแหน่งคณะทำงานของวิปรัฐบาล คณะทำงานในกรรมาธิการสภา

เนื่องจากธุรกิจเซ็งลี้เหล่านี้ ดูแล้ว ทำเงินได้เป็นล่ำเป็นสันจริงๆ


แต่ตอนนี้ คนที่ต้องเอาตีนก่ายหน้าผาก คงไม่แคล้ว“หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอยพิธีกรข่าวคนดังของช่อง 3 กับ“แก๊งอเวนเจอร์” ที่ออกอาการเสียศูนย์ต่อเนื่อง นับแต่ถูกเด็กเชื่อมจิตจิกหัวด่า เพราะอุตส่าห์ผนึกกำลังกับอินฟลูเอนเซอร์ที่ว่ากันว่าเป็นแถวหน้า ทั้งโขยง ลุยฟัดกับลัทธิเชื่อมจิตอย่างเมามัน แบบเอาให้พังกันไปข้าง อยู่ดีๆ คนในทีม ที่มีบทบาทโดดเด่น เคียงบ่าเคียงไหล่กับ “หนุ่ม” กรรชัย ดันกลายร่างเป็นนักต้มตุ๋นมืออาชีพ เสียอย่างนั้น !?!

คนชั่วอยู่ปะปนในสังคม แล้วคนดีที่สร้างภาพเป็นผู้ใจบุญทำเพื่อสังคม แอบแฝงเข้ามาเยอะ อย่าง “ต้นอ้อ ชลิดา” ก็เป็นตัวอย่าง ทั้งที่ประวัติก็มีเส้นทางมาในทางที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แต่พอมาสร้างภาพเป็นคนดี เราก็ลืมไปหมด เพราะฉะนั้นก่อนที่จะสนับสนุนใคร เชียร์ใคร ต้องดูร่องรอยของคน ถ้าดูไม่ดีก็จะเจออินฟลูเอนเซอร์จอมปลอมสร้างภาพเพื่อทำมาหากิน


การทำธุรกิจของต้นอ้อที่นำวุฒิบัตรการศึกษาก็ดี ตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองก็ดี มาขาย เขาสามารถขายได้จริง ตามที่ปรากฎ หรือแม่แต่บัตรเข้าสภา เข้าทำเนียบ ขายได้จริง แสดงว่านักการเมืองในตำแหน่งแต่ละแห่งต้องเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมา การเมืองก็โยนขี้ โยน “ต้นอ้อ” ทิ้ง แก้เกี้ยวว่าจะแจ้งตำรวจเอาผิดต้นอ้อ แต่จริง ๆ ก็แค่ “ลงบันทึกประจำวัน” ที่สถานีตำรวจ ไม่เป็นคดี เพราะกลัวโดน “ต้นอ้อ” เปิดโปงกลับบ้าง


ส่วนกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ด้วยกัน ก็คอยปกป้อง บางคนบอกคนแฉก็ชั่ว พูดอย่างนั้นไม่ได้ ส่วนบางคนก็นิ่งเฉย แต่ปากบอกว่าจะต่อสู้กับความไม่ถูกต้องของสังคม เอาสิ เริ่มจากเรื่องใกล้ตัวก่อน งานนี้ หนุ่ม กรรชัยเอย, ทนายอนันต์ชัยเอย, กัน จอมพลังเอย ทำไมถึงเงียบกริบ ไม่ออกมาโหนกระแส หรือ ค้นหาความจริงกันให้สังคมเห็นภาพกันชัดๆ ว่าแท้จริงแล้ว “ต้นอ้อ ชลิดา” นั้นเป็น แม่พระ หรือ นางมารกันแน่ !?!


กำลังโหลดความคิดเห็น