xs
xsm
sm
md
lg

กะเพรา” สมุนไพรอารมณ์ดี รับการเปลี่ยนฤดู ต้านโควิดก็ได้...ปลูกอย่างไรให้มีเก็บได้ตลอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โรม บุนนาค



“กะเพรา” เป็นเมนูยอดฮิตสำหรับอาหารจานด่วน เข้าร้านอาหารตามสั่งแล้วนึกอะไรไม่ออก ก็สั่งผัดกะเพรา เลยถูกหาว่าเป็น “อาหารสิ้นคิด” แต่ความจริงแล้วกะเพราะเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าอย่างคาดไม่ถึง และเป็นอาหารที่เหมาะกับการต้อนรับการเปลี่ยนฤดู โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เข้าสู่ฤดูฝน อากาศเย็นและชื้นทำให้คนที่มีภูมิป้องกันไม่แข็งแรงจะเกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว น้ำมูกไหล หายใจลำบาก เรียกกันว่า “ไข้หัวลม” ซึ่งจะเกิดช่วงเปลี่ยนฤดูจากร้อนเป็นฝน จากฝนเป็นหนาว และจากหนาวเป็นร้อน เรื่องนี้กะเพราช่วยได้ สั่งผัดกะเพรามาซักจาน จมูกกจะโล่งทันที

ตำรายาไทยกล่าวว่า กะเพรามีรสเผ็ดร้อน ใช้ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม แก้ปวดท้อง บำรุงธาตุ ขับผายลม แก้อาการจุกเสียด ท้องร่วง แก้ไข้ แก้คลื่นไส้อาเจียน ขับเสมหะ ขับเหงื่อ เป็นยาบำรุงธาตุ

ส่วนงานวิจัยสมัยใหม่พบว่า ในน้ำมันหอมระเหยของกะเพราที่มีกลิ่นฉุนรสเผ็ดร้อนนั้น ส่งผลดีต่อทางเดินหายใจ และยังมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดท้อง มวนท้อง ช่วยขับลม ลดอาการจุกเสียด ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นป้องกันการเป็นหวัดได้ สารหอมระเหยในกะเพรายังช่วยระงับการอักเสบเทียบเท่าแอสไพริน ช่วยต่อต้านการเติบโตของแบคทีเรียและจุลินทรีย์บางชนิด รวมทั้งโควิด ช่วยลดระดับไขมันและคอเรสเตอรอล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง จึงเป็นผลดีต่อโรคเบาหวาน กะเพรายังช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร และหลั่งเมือกป้องกันไม่ให้กระเพาะถูกทำลาย เป็นยาบำรุงหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ดีขึ้น ช่วยขยายหลอดเลือดลดความดันโลหิตได้ ทั้งยังช่วยกำจัดสารพิษที่ตกค้างในตับได้เป็นอย่างดี ด้านที่เกี่ยวกับสมอง กะเพราจะช่วยลดความวิตกกังวล ความเครียด และอาการซึมเศร้า ปรับสมดุลในร่างกายและจิตใจ ทำให้อารมณ์ดีแจ่มใส

ข้อมูลจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรระบุว่า ในกะเพรามีสารที่เรียกว่า โอเรียนทิน มีศักยภาพช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย จึงใช้ต้านภัยโควิด-๑๙ ได้ เช่นเดียวกับฟ้าทะลายโจร

กะเพรายังช่วยให้หลับสบาย หากหลับยากนักก็นำใบกระเพราจะแห้งหรือสดก็ได้ ๕-๖ ใบ ขยี้ให้กลิ่นออก ชงในน้ำร้อน ๑ แก้วจิบก่อนนอน ก็จะทำให้หายหลับยาก
กะเพราะมี ๓ พันธุ์ คือ กะเพราขาว กะเพราแดง และกะเพราป่า ที่มีกลิ่นหอมแรง เผ็ดซ่านสิ้น ก้านสีน้ำตาล ใบสีเขียวมีขนาดเล็ก

กะเพราแดงกับกะเพราขาวนั้นมีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน แต่กะเพราแดงร้อนแรงกว่า ใช้ดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้ดีกว่า ใช้เป็นเครื่องปรุงของอาหารป่า และนิยมนำไปทำเป็นยา ทั้งยังมีเต้าแคโรทีนสูงกว่ากะเพราขาว ส่วนกะเพราที่ใช้ทำอาหารทั่วไปคือกะเพราขาว เพราะกลิ่นรสกลมกล่อมกว่า

การปลูกกะเพราไว้ในบ้านสักต้นสองต้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่มีเทคนิคเล็กน้อย เมื่อเห็นบ้านไหนปลูกกะเพราไว้แล้วมีดอก ก็ขอรูดดอกเขามาเลยทั้งกะเพราขาวและกะเพราแดง เพราะดอกแก่ของกะเพราไม่เป็นที่ประสงค์ของคนปลูกกะเพราอยู่แล้ว นอกจากปลูกเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ และดอกที่แห้งคาต้นนั้นก็อย่าเอามา เพราะเมล็ดร่วงไปหมดแล้ว ให้เด็ดดอกแก่ที่ยังมีสีเขียวอยู่บ้าง จากนั้นมาแกะเมล็ดออกแล้วหว่านลงบนดินเพาะหรือแปลงปลูกเลยก็ได้ เมล็ดกะเพราขึ้นง่ายมาก หรือหาดูตามบริเวณที่มีกะเพราะขึ้นอยู่ มักจะมีกะเพราะต้อนอ่อนขึ้นจากเมล็ดที่ร่วง โดยเฉพาะในช่วยหน้าฝนอย่างนี้
อีกวิธีที่จะได้ต้นกะเพราก็คือ เด็ดยอดกะเพราใต้ข้อที่ ๒ หรือที่ ๓ จากยอด นำมาปักลงดิน รดน้ำให้ชุ่ม ก็จะได้กะเพราต้นใหม่ จะเอากี่ต้นก็ได้ และจะโตเร็วกว่าเพาะเมล็ด ปลูกให้ระยะห่างกันประมาณ ๓๐ ซม. วิธีนี้จะเด็ดยอดกะเพราที่ซื้อมาจากตลาดก็ได้ แต่อย่าเอาทั้งกิ่งไปปัก เพราะโคนกิ่งที่แก่นั้นแพร่พันธุ์ไม่ค่อยไหวแล้ว
เมื่อปลูกกะเพราลงดินไปแล้วราว ๔๐-๕๐ วันก็จะมียอดให้เก็บได้แล้ว จนเมื่ออายุ ๑๐๐-๑๔๐ วันกะเพราจะให้ผลผลิตดีที่สุด และจะเริ่มโทรมลงเมื่ออายุ ๑ ปี แต่ก็มีเทตนิคที่ทำให้กะเพรามีอายุยืนยาวขึ้น

 นอกจากใส่ปุ๋ยและรดน้ำแล้ว ต้องหมั่นเด็ดดอกกะเพราออก อย่าปล่อยไว้ให้แก่คาต้น เพราะกะเพราเมื่อมีเมล็ดให้แพร่พันธุ์แล้วต้นจะโทรมเร็ว เคยเห็นมืออาชีพที่ปลูกกะเพราส่งออก ดูแลกะเพราอย่างดีจนเก็บได้ถึง ๓ ปี

แต่ไม่ว่าจะอยู่ได้กี่ปี เมื่อเห็นว่ากะเพราใกล้จะหมดอายุ ให้ผลผลิตน้อยลง ก็ใช้วิธีเด็ดยอดลงปักชำใหม่ ก็จะมีกะเพรากินได้ตลอดไป ไม่ขาดครัว




กำลังโหลดความคิดเห็น