xs
xsm
sm
md
lg

เส้นทาง 12 ปี กว่าจะมีสมรสเท่าเทียม ไทยประเทศแรกในอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



18 มิ.ย. ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม 130 ต่อ 4 เสียง งดออกเสียง 18 เสียง

ซึ่งขั้นตอนต่อไปร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งเข้ามายังคณะรัฐมนตรี จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ก่อนประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลใช้บังคับหลังกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 120 วัน

นับเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน เป็นประเทศหรือดินแดนที่สามในทวีปเอเชีย ที่มีกฎหมายรองรับการสมรสของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ต่อจากประเทศเนปาล และไต้หวัน

และเป็นประเทศหรือดินแดนที่ 38 ของโลกที่มีกฎหมายรับรอง นับตั้งแต่ประเทศแรกที่ผ่านกฎหมายรับรองการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกัน คือ เนเธอร์แลนด์ มีผลเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2544

เส้นทางกว่าฝันที่เป็นจริงของกลุ่ม LGBTQ+ ในประเทศไทยจะเกิดขึ้น ต้องใช้เวลายาวนานถึง 12 ปี

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2555 นายนที ธีระโรจนพงษ์ นักเคลื่อนไหวทางสังคม ยื่นขอจดทะเบียนสมรส ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ กับคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมากกว่า 19 ปี แต่ถูกปฏิเสธเพราะนายนทีและคู่ชีวิตเป็นเพศชายทั้งคู่ ซึ่งกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448, 1449, 1450 และ 1458 กำหนดให้การจดทะเบียนสมรสจะต้องเป็นชายกับหญิงเท่านั้น

ในยุคปัจจุบัน ประเทศในแถบยุโรปได้ยอมรับการจดทะเบียนสมรสของเพศเดียวกัน อีกทั้งประเทศไทยได้เข้าร่วมภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่กำหนดในเรื่องสิทธิในการสมรสของชายและหญิง และพิจารณาสาระสำคัญของการมีครอบครัว ตลอดจนครอบคลุมไปถึงความผูกพันของบุคคลที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน

การผลักดันแก้ไขกฎหมายเพื่อให้คู่ชีวิตที่เป็นเพศเดียวกัน สามารถจดทะเบียนสมรสได้ จึงเริ่มต้นอย่างจริงจังขึ้นในขณะนั้น โดยมีภาคประชาชนและคู่รักที่เป็นเพศเดียวกันเคลื่อนไหว แต่สภาวะการเมืองไทยที่ไม่แน่นอน ผ่านการรัฐประหาร และการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง จึงทำให้การผลักดันร่างกฎหมายหยุดชะงักเป็นระยะ

แม้ว่าในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาลได้เสนอร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ส่วนพรรคก้าวไกลยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ต่อสภาฯ และได้รับการถูกบรรจุวาระแรก ผ่านวาระที่ 1 ไปเมื่อปี 2565 แต่เพราะตอนนั้นสภาล่มบ่อยครั้ง จึงไม่สามารถพิจารณาได้ครบ 3 วาระ เมื่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หมดวาระ กฎหมายจึงถูกตีตกไป

มาถึงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน วันที่ 21 ธ.ค. 2566 สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่เสนอให้พิจารณา จำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ ฉบับของคณะรัฐมนตรี ฉบับของพรรคก้าวไกล ฉบับของกลุ่มนฤมิตไพรด์ นำโดย อรรณว์ ชุมาพร และฉบับของนายสรรเพชญ บุญญามณี พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณา

กระทั่งวันที่ 27 มี.ค. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ด้วยคะแนน 400 ต่อ 10 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง ส่งต่อให้ที่ประชุมวุฒิสภาดังกล่าว

สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม คือ การสมรส การสิ้นสุดการสมรส การจัดการทรัพย์สิน และมรดก กำหนดให้ใช้คำว่า “คู่สมรส” แทนคำว่า “สามีและภริยา” เพื่อให้ครอบคลุมการก่อตั้งครอบครัวระหว่างบุคคลที่มีเพศเดียวกันโดยกำเนิด โดยกำหนดอายุขั้นต่ำ 18 ปีบริบูรณ์ ส่วนการหมั้น กำหนดให้บุคคลสองคนไม่ว่าเป็นเพศใดสามารถหมั้นกันได้ตามกฎหมาย

ขณะเดียวกัน คู่สมรสสามารถรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และคู่สมรสมีสิทธิจัดการทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันหรือดูแลผลประโยชน์จากทรัพย์สินนั้น รวมถึงกรณีคู่สมรสเป็นผู้ถูกกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควรได้รับมรดก การแบ่งทรัพย์มรดกกรณีคู่สมรสผู้ตายเป็นเจ้ามรดก และการจัดการหนี้สินของคู่สมรส เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น