หลังมีดรามาเพจดังกล่าวหาโรงเรียนอมาตยกุลเรื่องความเท่าเทียม ล่าสุดผู้ปกครองน้องโทบี้ที่ป่วยจากมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งเรียนที่อมาตยกุลเช่นกัน เผยอีกมุมมองหนึ่งของโรงเรียนแห่งนี้ ระบุเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่อบอุ่น ครูใส่ใจนักเรียน จนรู้สึกเหมือนเป็นบ้านอีกหลังของลูก
จากกรณีที่บนโซเชียลฯ วิจารณ์กรณีที่เฟซบุ๊กเพจ "Tor Rungrojn ผู้ชายเลี้ยงลูก" อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่มีผู้ติตตามกว่า 3.4 แสนคน กล่าวหาโรงเรียนอมาตยกุล ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชน เขตบางเขน กรุงเทพฯ ว่าตนโดนเรื่องความเท่าเทียม โดนเรียกเพื่อเข้าปรับทัศนคติและขอความร่วมมือ ซึ่งความจริงเป็นการเชิญไปพบกับผู้ปกครองรายหนึ่งเนื่องจากมีปัญหาระหว่างเด็กกับเด็ก ขณะเดียวกัน ที่เพจดังกล่าวอ้างว่าระหว่างไปรับส่งลูกที่โรงเรียนชอบให้ลูกขี่คอเป็นเรื่องใหญ่โต โดนเรียกเข้าพบผู้บริหารแบบงงๆ นั้น ทางโรงเรียนชี้แจงว่าถ้าเป็นเรื่องจริงต้องเชิญมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว เพราะขี่คอมานานแล้ว และการที่โพสต์ทำนองว่าให้ลูกขี่คอจึงโดนเรียกเข้าพบ ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเชิญมาด้วยเหตุอื่น และครูก็แจ้งเหตุผลที่เชิญมาล่วงหน้าชัดเจนแล้ว ทำให้ภายหลังเพจดังกล่าวออกมาขอโทษ ขอปิดเพจ 15 วัน หรือจนกว่าสภาพจิตใจจะดีขึ้น และขอคืนเงินค่าสปอนเซอร์ทั้งหมด ซึ่งพบว่ามีชาวเน็ตส่วนหนึ่งให้กำลังใจเจ้าของเพจ และอีกส่วนหนึ่งเรียกร้องให้เจ้าของเพจพูดความจริงออกมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ข้อความเผยแง่มุมอีกมุมหนึ่งของโรงเรียนอมาตยกุล ที่ผู้โพสต์มองว่าเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่อบอุ่นและใส่ใจกับเด็กทุกๆ คน โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
"โรงเรียนของหนู (โทบี้กันดั้ม) ชื่อโรงเรียน อมาตยกุล ครับ เป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่อบอุ่นและใส่ใจกับเด็กทุกๆ คน คุณครูทุกๆ ท่านจะไม่มีการทำโทษเด็กด้วยการตี มีแต่คำชมครับ
ผู้บริหาร (เจ้าของ) โรงเรียน ครั้งหนึ่งตอนโทบี้ป่วยหนักจากมะเร็งเม็ดเลือดขาว เมื่อท่านทราบว่าโทบี้เป็นมะเร็ง ท่านอาจารย์เกียรติวรรณเดินทางมาเยี่ยมด้วยตัวเองที่โรงพยาบาล ตอนนอนโรงพยาบาลให้คีโม มาให้กำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือ และกล่าวกับโทบี้ว่าสู้ๆ นะ เรื่องเรียนไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้หนูต้องแข็งแรง หนูเป็นเด็กเก่งอยู่แล้วทำได้แน่นอน ซึ่งในขณะนั้นเรื่องราวการป่วยของโทบี้ยังไม่เป็นข่าวเลยด้วยครับแต่ท่านทราบจากคุณครูประจำชั้น เรื่องอาการป่วยก็มีเฉพาะคุณครูที่โรงเรียนและเพื่อนๆ ญาติๆ ที่ทราบครับ ในช่วงแรกที่ครอบครัวเราทำอะไรไม่ถูกเลยที่รับรู้ว่าลูกป่วยเป็นมะเร็ง คุณครูในวันหยุดสลับกันมาดูโทบี้ วันที่คุณแม่โทบี้เกิดอุบัติเหตเท้าแตก ในวันที่ลูกต้องให้คีโม ผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับ ถ้าไม่ได้คุณครูช่วยดูโทบี้ให้ครับ ขอบคุณคุณครูตุ๋ม คุณครูจิ๋มครับ จากนั้นก็มีคุณแม่ของเพื่อนๆ โทบี้มาเยี่ยมครับ
ช่วงก่อนจะไปโรงเรียน อาจารย์เกียรติวรรณ ผู้บริหารโรงเรียน และคุณครูอีกหลายท่านเชิญให้ผมเข้าร่วมประชุมในห้อง พูดคุยกันเรื่องการดูแลโทบี้ระหว่างเรียนด้วยนะครับ ตอนนั้นโทบี้ภูมิคุ้มกันยังต่ำ ตอนแรกคิดว่าจะต้องทำอาหารใหม่ๆส่งไปให้เขารับประทานเอง ปรากฏว่าทางโรงเรียนดูแลอาหารให้ช่วงที่ป่วยตอนนั้นครับ คือคุณหมอให้รับประทานอาหารที่ทำไว้ไม่เกิน 1ชั่วโมง ถ้าหลังจากนั้นจะอันตรายครับ คุณครูและเจ้าหน้าที่ที่โรงเรียนเลยทำให้รับประทานแยกเดี่ยว และดูแลเรื่องการรับประทานยาต่างๆ ที่โรงเรียน โดยทุกอย่างอาจารย์เกียรติวรรณร่วมอยู่ในห้องประชุมและร่วมกันวางแผนด้วยเรื่องการดูแลระหว่างอยู่โรงเรียนครับจนครบคอร์สคีโม เกือบ 4 ปี ถึงกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ครับ ครอบครัวเราซาบซึ้งใจมากๆ ครับ
ทุกวันนี้เวลาอาจารย์เกียรติวรรณเดินมาผมยกมือสวัสดี อาจารย์จะถามถึงสุขภาพโทบี้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงที่โรคสงบแล้วและมีแค่นัดติดตามผลครับ อาจารย์เกียรติวรรณ ผู้บริหาร เวลามีการแสดงกลุ่มเล็กๆในห้องเรียน ซึ่งพวกเราเรียกว่าพูดเพลงภาพ อาจารย์จะคอยมาให้กำลังใจเด็กๆแต่ละห้องที่แสดง (ห้องเรียน) มาเป็นขวัญกำลังใจให้เด็กๆ และกล่าวว่าเด็กๆ ยอดเยี่ยม ช่วยให้เด็กๆ มีความมั่นใจในตัวเองครับ
โรงเรียนเราเสื้อไม่ต้องปักชื่อ เพราะคุณครูจำเด็กๆ ได้ทุกคนเลยครับ ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น ประหยัดด้วยสามารถส่งต่อให้น้องได้ หรือแม้กระทั่งมีตะกร้าสำหรับเสื้อผ้านักเรียนที่ไม่ใช้แล้วส่งต่อให้นักเรียนระดับชั้นอื่น ซึ่งมีอยู่ตลอดครับ ลดค่าใช้จ่ายผู้ปครองไปได้อีก คุณครูจำได้แม้กระทั่งรถที่มาส่งครับ พ่อแม่ที่มารับ อย่างผมใส่มาสก์ แว่นตากรองแสง ครูยังรู้เลยครับ เรียกลูกมาเลย แต่เอกสารต้องตรงด้วยครับถึงจะปล่อยเด็กกลับบ้าน
ที่จะบอกคือครูใส่ใจเด็กทุกๆ รายละเอียด ทรงผม เสื้อผ้าคุณครูไม่เน้นครับ ขอให้ดูสุภาพ พ่อแม่ประหยัดทั้งค่าชุดนักเรียน เวลาในการรีดผ้า คุณแม่แฮปปี้ครับ มีเวลาดูลูกๆ เรื่องอื่นได้มากขึ้น
คุณครูประจำชั้นโทบี้ตอน อ.1 คุณครูกุ้ง ดูแลเด็กทุกคนเป็นอย่างดี รักโทบี้และเด็กๆ ทุกคนมากๆ ตอนโทบี้เป็นมะเร็งคุณครูกุ้งยังถึงกับหลั่งน้ำตาตอนมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล
โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนปรัชญาสมัยใหม่ นีโอฮิวแมนิส ที่เน้นความสำคัญในตัวคุณค่าของเด็กเป็นสำคัญ โทบี้จะเป็นเด็กที่ตั้งใจทำอะไรมากๆ ผลการเรียนเทอมล่าสุด 99.5% ชอบงานโมเดลกันดั้ม ศิลปะ มีจินตนาการ และเรื่องดนตรี ทำได้ดีทุกอย่าง เพราะคุณครูปลูกฝังให้เห็นคุณค่าของตัวเองครับ เน้นความสุขในการเรียนเป็นสิ่งสำคัญ
ที่ผมได้กล่าวมาอยากให้เห็นโรงเรียนที่โทบี้เรียนอยู่ และรับรู้ข้อมูลจากผม ซึ่งได้ดูแลลูกๆ ร่วมกับแม่ฝนในทุกๆ เรื่องมาตลอด ทั้งสุขทั้งทุกข์ โรงเรียนรับรู้เรื่องราวทั้งหมด และเป็นเหมือนบ้านอีกหลังของลูกๆ พวกเราครับ"